ไปซื้อของไทย เช่น ข้าวหอมมะลิ ปลาทูน่ากระป๋อง ที่ร้านหนึ่งในเขต Gulshan 2 ทีไร (เป็นแหล่ง shopping ที่อยู่ใกล้ๆ กันกับ เขตสถานทูต:diplomatic zone มากที่สุด) เป็นอันต้องได้ยิน diplomat: นักการทูต หรือชาวต่างชาติ ที่อยู่ที่นี่ เข้ามาที่ร้านและถามหาสินค้า จากเมืองไทยทุกครั้งไป ไม่ได้โม้นะคะ ทุกครั้งจริงๆ อย่างน้อยก็ข้าวหอมมะลิที่แณณกำลังจะซื้อนี่ไง ข้าวหอมมะลิของร้านนี้เป็นข้าว เกรดดีมาก พอมองหาตรารับรอง Thailand Brand ของกระทรวงพาณิชย์ แณณเห็นมี 2 ตราก็ดีใจ
เพราะอีกตราหนึ่งนั้น จำได้แม่นยำว่า สมัยที่ปฏิบัติงานอยู่กระทรวงพาณิชย์นั้น แณณได้เคยนั่งอยู่ในคณะกรรมการจัดจ้าง ที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อดำเนินการจดตรารับรองเพื่อคุ้มครองข้าวหอมมะลิไทย ในต่างประเทศ ตอนนั้น แม้แณณจะเป็นแค่ ฟันเฟืองเล็กๆ ไม่ได้ ทำอะไรมากมายใหญ่โต แค่พิจารณาเอกสาร ข้อเท็จจริง และให้ความเห็นในทางกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่พอจะมีอยู่บ้าง (ซึ่งตอนนี้ก็ลืมๆ ไปบ้างแล้วค่ะ) แต่ก็ดีใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของงานนั้น และวันนี้ได้เห็นตรานี้อยู่บนถุงของข้าวหอมมะลิ ที่มีคุณภาพดีถึงเกณฑ์ จนได้รับตรารับรอง ก็เลยกะว่า จะเป็นขาประจำซื้อข้าวไทยจากร้านนี้เพราะเชื่อถือได้ว่าของเค้า คุณภาพดี
แสดงว่าตรารับรองนี้บรรลุหน้าที่ ที่ตนต้องปฏิบัติแล้วค่ะ คือการเป็นประกันว่าข้าวหอมมะลิในถุงนี้ คุณภาพดีตามเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด และเป็นของไทยแท้
จำได้ว่าตอนนั้น ที่ต้องตื่นเต้น รีบดำเนินการจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองพันธุ์ข้าว และรีบดำเนินการจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองตรารับรอง ข้าวหอมมะลิกันยกใหญ่ ก็สืบเนื่องจากว่า มีประเด็นปัญหา เกิดขึ้น คือการที่ประเทศหนึ่ง กำลังจะขอขึ้นทะเบียนเครื่องหมายการค้าข้าว "จัสมาติ" (Jasmati) โดย อ้างว่าเป็นข้าวขาวดอกมะลิไทย โดยในการพัฒนาพันธุ์นั้น ได้ไปนำเอา ตัวอย่างพันธุ์ข้าวหอมมะลิของไทยที่ฝากไว้ที่ The International Rice Research Institute (IRRI) หรือสถาบันวิจัยพันธุ์ข้าวนานาชาติ ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ มาทดลองและพัฒนาพันธุ์ด้วย (เรื่องนี้เคยเป็นประเด็นร้อนแรง ที่เป็นข้อโต้แย้งทางกฎหมายระหว่างประเทศในขณะนั้น)
และอีกกรณีคือปัญหา เรื่องการเรียกชื่อสินค้าข้าวหอมมะลิแตกต่างกันไป อาทิ Fragrant Rice,Jasmine Rice, Aromatic Rice, Scented Rice ทำให้ไม่มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน อีกทั้งยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานสินค้า ข้าวหอมมะลิไทยขึ้น เป็นการเฉพาะ ทำให้มีการร้องเรียนจากผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณภาพของข้าวหอมมะลิ
กระทรวงพาณิชย์ จึงได้กำหนดให้มีเครื่องหมายรับรอง สินค้าข้าวหอมมะลิไทยขึ้น เพื่อแสดงว่า ข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมาย รับรองนี้ เป็นข้าวที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐาน สินค้าข้าวหอมมะลิไทย ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยผู้ที่ได้รับ เครื่องหมาย รับรองดังกล่าว จะต้องเป็นผู้ประกอบการค้าข้าวหอมไทยไปต่างประเทศ และได้รับอนุญาต จากกรมการค้าต่างประเทศเท่านั้น
ที่ผ่านมา หลายๆ กรณี เราเสียรู้เค้าทุกที ประเภทวัวหายเพิ่งจะคิดมาล้อมคอก แต่แณณมองว่าไม่มีใครผิด หรือหากจะผิดก็ผิดกันทุกคนที่เป็นคนไทยเลยค่ะ เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น คนไทยเราเสียใจกันทุกคน คนที่เสียประโยชน์ก็ไม่เข้าใจรัฐบาลไทย ต่อว่ากระทรวงพาณิชย์ว่าไม่ดูแล ปล่อยให้เค้าเอาพันธุ์ข้าวเราไปพัฒนาให้ดีกว่าของเราเองได้อย่างไร แต่หากคนที่ต่อว่าลองมาเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลดูบ้าง คงเข้าใจว่าทำไม ...ทุกอย่าง ทุกเรื่อง ก็มีสองด้านทั้งนั้นนะคะ
แณณขอไม่กล่าวถึงรายละเอียดและเทคนิคทางด้านกฎหมาย ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่ควรรื้อฟื้น แต่อีกส่วนหนึ่งก็คิดว่า อย่างไรเสีย สมบัติของชาติ ไม่ใช่เฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น ที่มีหน้าที่ดูแลรักษา หากแต่เป็นหน้าที่ของคนไทยเราทุกๆ คนที่ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล รักษาผลประโยชน์ ของประเทศชาติ ประชาชน ไม่เพียงแต่ นักการทูต หรือเจ้าหน้าที่กระทรวงนั้น กระทรวงนี้ ค่ะ (โอว...หัวรุนแรงไปนิด ไหมคะเนี่ย อิอิ) แต่คิดอย่างนี้ก็พูดอย่างนี้หล่ะค่ะ โทษที โทษที
นอกจาก คนต่างชาติ นักการทูต และคนบังกลาเทศเองจะนิยมข้าวหอมมะลิไทยแล้ว ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มความนิยมในข้าวแดงหรือ ข้าวซ้อมมือด้วยค่ะ ปกติ ข้าวหอมมะลิเกรดดี ที่แณณซื้อมานี้ ถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 380 ตากา ก็ตกราวๆ 190 บาทไทย ( 2 ตากา เท่ากับ 1 บาทไทย) ก็ไม่แพงนะคะ ราคาใช้ได้ แต่เจ้าข้าวแดงที่ว่านี่ ถุงละครึ่งโลเท่านั้น ราคาปาเข้าไป 300 ตากา โห....แพงจัง จำได้ว่าตอนปีใหม่ เพื่อนที่อยู่กระทรวงการต่างประเทศ ให้เจ้าข้าวแดงถุงกะจิ๊ดริ๊ดเนี่ย เป็นของขวัญปีใหม่ แณณหุงทานกับบอล 2 คน หมดมื้อเดียวเลยค่ะ อิอิ ..ล้างผลาญ ใช้ได้เลยไหมคะ ครอบครัวเรา อืม... นี่หากเจอน้องชายบอล และน้องชายแณณ ทานรวมกัน ข้าว 5 กิโลฯ ก็อาจจะหมดวันเดียวเลยก็ได้ค่ะ เพราะบอลมีน้องชาย 5 คน แณณมีพี่น้องผู้ชาย อีก 3 คนค่ะ รวมเป็น 1 กองทัพ พอดี๊........อิอิ
ใครอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IRRI เข้าไปที่ http://www.irri.org ค่ะ
หากสนใจเรื่องเครื่องหมายตรารับรองข้าวหอมมะลิ เข้าไปที่http://www.hommali.iirt.net/thai/trademark.html
ประณยา จองบุญวัฒนา
1 มีนาคม 2551
แณณ/บอล
ข้างหอมมะลิของไทยในเดลี ก็แพงมาก ถุงละ 5 กิโล ราคาประมาณ 600 รูปี ทั้งที่เมืองไทยเคยซื้อประมาณร้อยกว่าบาทเอง....จึงทั้งภูมิใจว่า ข้าวไทยมีระดับสูงดี และก็อดโมโหมิได้ว่าทำไมแขกจึงขายเอากำไรสูงเช่นนี้
เรื่องการปกป้องคุ้มครองสินค้าของไทยโดยเฉพาะเกษตรนั้น เป็นเรืองของความไม่รู้ของเกษตรไทยด้วย
ไม่รู้ถึงความสำคัญของกฏหมายทรัพยสินทางปัญญา ก็เลยไม่ได้ใช้ประโยชน์ เท่าที่ควร
โดยเฉพาะเรื่องการตั้งชื่อสินค้าและการเพิ่มมูลค่าสินค้าโดยการสร้างกระบวนการผลิตให้เป็นระบบเฉพาะตัว
ในเรื่องแบบนี้ ถ้าเอาความเป็นแขกมาใช้บ้างก็คงจะดี จะได้ไม่เสียเปรียบคนมากนัก :)
บ้านหลังใหญ่ขนาด(1 พันล้านคน 1พันล้านปากและท้อง)นี้ ถ้าพ่อค้าไทยไม่แวะไปขายก็น่าเสียดาย
ว่าไปแล้ว ข้าวบัสมาติไม่ถูกปากคนไทยเลย
โชคดีที่เราได้เกิดเป็นคนไทยค่ะ....ได้ทานข้าวหอมอร่อยๆ...ว่าแล้วตามน้อง stardust ไปทานข้าวเที่ยงดีกว่าค่ะ... ไปทานด้วยกันมั้ยคะอิ...อิ....
สวัสดีค่ะคุณแณณและคุณบอล
อยากทานข้าวหอมมะลิจังค่ะ คือตอนนี้ไ้ด้ทานแต่ข้าวกล้องBrown rice และข้าวแคลิฟอเนีย คล้ายข้าวญี่ปุ่น เมล็ดสั้นๆป้อมๆ พอดีหาซื้อง่ายกว่าค่ะ ทานข้าวกันเก่งทั้งบ้านเลยนะคะ ดีค่ะคนทำอาหารก็มีความสุข คนกินก็มีความสุข..
คุณขจิตคะ
พี่พลเดชคะ
คุณ สตาร์ดัสคะ
คุณ กฤษณา สำเร็จ
สวัสดีค่ะ คุณ a l i n l u x a n a =)
แณณจ๊ะ
ดีใจที่ได้ข่าวดังกล่าว
ชื่นชมในความสำเร็จที่เลขาของ SE1 มีส่วนสำคัญนี้
ภูมิใจแทนพวกเราชาวคลังสมอง SE :)
พี่พลเดช ขอบคุณนะคะ