หนึ่งปีที่ผ่านมา หลังจากกลับมาจากเรียน ดร. ที่ออสเตรเลีย
ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ พัฒนาหลักสูตรและประมวลการสอนเพื่อเปิดสอนสาขาวิชากิจกรรมบำบัด (หลักสูตรใหม่) ผลคือ สภามหาวิทยาลัยอนุมัติหลักสูตรและทำการสอบคัดเลือกแบบรับตรงได้ นศ. ผ่านการสอบ 15 คน เป็นรุ่นแรกในปีการศึกษา 2551 นี้
อีกเรื่องหนึ่งที่พยายามทำ คือ การใช้เวลา supervise น้องๆ อาจารย์และนักกิจกรรมบำบัด ให้เข้าใจ คิด และช่วยพัฒนาระบบคลินิก ให้ตรงตามหลักการกิจกรรมบำบัด น้องๆ สามารถตีพิมพ์ระบบกิจกรรมบำบัดมหิดลในผู้ป่วย stroke ในวารสารระบบสาธารณสุข และสร้างนวัตกรรมใหม่ (เต๊นท์กิจกรรมบำบัด) ซึ่งรอการจดลิขสิทธิ์จากม.มหิดล อยู่ นอกจากนี้โปรแกรมการประเมินและการติดตามวัดผลการรักษาได้ถูกพัฒนาตามลำดับ ขณะนี้ staff ทุกท่านยังต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้เข้าใจแก่นแท้ของบทบาทนักกิจกรรมบำบัดสากลอย่างต่อเนื่อง
บางครั้งผมต้องใช้เวลาประชาสัมพันธ์สาขากิจกรรมบำบัดผ่านสื่อต่างๆ และให้บริการวิชาการในรูปแบบอื่นๆ ในสถาบันนอกคณะฯ หลายแห่ง นอกเหนือจากดูแลผู้ป่วยเฉพาะราย รู้สึกละอายใจในการให้คำปรึกษาผู้ป่วยแบบไม่สมบูรณ์เพราะผมยังเหลือสอบกฎหมาย (ปีที่แล้วได้เพียง 56% ต้องการเพียง 4%) เพื่อการอนุมัติใบประกอบโรคศิลปะ ...แม้ว่าจะสอบวิชาชีพกิจกรรมบำบัดได้เป็นที่หนึ่ง ในปีที่ผ่านมา...
จากงานทั้งหมด ทำให้ผมไม่มีเวลานั่งคิดรูปแบบงานวิจัยของตนเอง ทั้งๆที่อยากทำอยู่หลายเรื่อง และทางคณะฯ ยังไม่มีการพิจารณาว่า ความรู้ความสามารถที่ผมเรียนมามีรายละเอียดวิชาใดที่จะสอนได้.....จะให้ผมเสนอตัวก็อาจเป็นการแย่งผู้สอนรายวิชาอื่นๆ แล้ว จะให้รอกว่าจะมีการสอนนักศึกษากิจกรรมบำบัดคงต้องรออีกซักระยะ....ผมรู้สึกว่า ทุกๆคนในคณะฯ อยากให้ผมมีงานสอน งานบริการคลินิก งานวิจัย และงานบริการวิชาการ มากๆ กว่าปัจจุบัน ไม่นับรวมงานบริหารในฐานะประธานสาขาวิชาที่ไม่มีการนำชั่วโมงภาระงานมาคิดขอตำแหน่งวิชาการและไม่มีแม้แต่เงินตำแหน่งบริหาร
ผมกำลังเรียนรู้ "ภาวะการบังคับ ดอกเตอร์ ให้ทำงานหลากหลายคล้าย จับปลาหลายมือ" และกำลังคิดว่า "ดอกเตอร์กลับมาครบหนึ่งปี ได้งานที่สนใจและสำคัญ 1-2 เรื่องจนทำให้เกิดคุณภาพและประสิทธิผลต่อคณะฯ-มหาวิทยาลัย-สังคม แต่กลับไม่ได้มีภาระงานอื่นๆ ได้เหมือนกับอาจารย์ท่านอื่นๆ ด้วยเหตุผลของการเริ่มพัฒนาสาขาวิชาและคลินิก....หากจะให้สอน บริการผู้ป่วย วิจัย บริหารสาขา บริการวิชาการ อื่นๆ อีกมากมาย แล้วคุณภาพจะวัดได้อย่างไรกัน ความสามารถเชิงลึกที่อุตสาห์ร่ำเรียนมาจะถูกใช้ให้เกิดผลบวกต่อสังคมได้อย่างไรกัน"
ผมภาวนาว่า เมื่อไร...คณะฯหรือสถาบันจะสร้างภาระงานที่เหมาะสมกับมันสมองของประเทศชาติได้อย่างเหมาะสม เหมือนที่ชาวต่างประเทศพยายามเตือนว่า Put the right man in the right job...
ไม่มีความเห็น