วัันเพ็ญเดือนสาม เรียกกันว่า วันมาฆบูชา ความสำคัญของวันนี้ก็จะมีการนำเสนอกันทุกๆ ปี ซึ่งประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งในวันนี้ก็คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์์... นี้คือช่วงเหตุการณ์ที่ทำให้เราคุ้นเคยกับคำว่า ปาฏิโมกข์
อีกกรณีหนึ่ง สำหรับผู้เคยบวชพระหรือคุ้นเคยกับวัดมานานๆ จะรู้ว่า ศีลของพระภิกษุทั้ง ๒๒๗ ข้อ เรียกกันว่า ปาฏิโมกขศีล ซึ่งตามพระวินัย พระภิกษุสงฆ์ต้องฟังปาฏิโมกขศีลทุกกึ่งเดือน และเฉพาะพระภิกษุรูปที่สวดได้จะได้รับการยกย่องว่ามีความจำเป็นเลิศ... และนี้ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เราคุ้นเคยกับคำว่า ปาฏิโมกข์
เมื่อแรกศึกษาบาลี ก็เคยสอบถามท่านมหาฯ หรือครูบาอาจารย์บางรูป ซึ่งท่านก็ตอบว่า หลุดพ้นเฉพาะ นั่นคือ ศีล (หรือโอวาท) ที่ทำให้คนเราหลุดพ้น... ประมาณนี้
ที่แปลว่า หลุดพ้นเฉพาะ นั้น ท่าน (และผู้เขียน) แยกศัพท์ว่า ปฏิ + โมกข์ = ปาฏิโมกข์ (ปฏิ แปลว่า เฉพาะ ... โมกข์ แปลว่า หลุดพ้น) ...
แต่เมื่อมีข้อสงสัยว่า ปฏิ จึงกลายเป็น ปาฏิ เพราะเหตุไร ?.... ก็ไม่มีใครอธิบายได้ชัดเจน ถ้าจะมีคำที่พอฟังได้ก็คือ เพื่อประโยชน์แก่การออกเสียงได้สะดวก (สุขุจจรณัตถายะ) ตามหลักภาษาศาสตร์เท่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนผู้เขียนก็เข้าใจทำนองนี้
.........
เมื่อมาแปล คัมภีร์วิสุทธิมรรค ก็เจอบทวิเคราะห์ของศัพท์นี้ ทำให้รู้ว่า ที่เข้าใจมาแต่เดิมนั้นผิดพลาด... โดยท่านตั้งวิเคราะห์ทำนองว่า...
ตามนัยนี้ ปาฏิ ในคำว่า ปาฏิโมกข์ นั้น มาจากคำว่า ปาติ ซึ่งเป็นกิริยาแปลว่า ย่อมรักษา (แปลง ต. เต่า แห่งคำว่า ปาติ เป็น ฏ.ปฏัก) นั่นคือ จาก ปาติโมกข์ ก็แปลงเป็น ปาฏิโมกข์
ดังนั้น คำว่า ปาฏิโมกข์ จึงเป็นคำสมาส แต่เป็นคำสมาสที่พิเศษสุดในภาษาบาลี เพราะปกติ ศัพท์กิริยาอาขยาต (ปาติ หรือ ปาฏิ เป็นกิริยาอาขยาต) จะไม่นิยมใช้สมาสทำนองนี้...
............
พระเถระท่านหนึ่ง (ปัจจุบัน ป.ธ.๙) เคยปรารภกับผู้เขียนสมัยที่ท่านยังเรียนบาลีว่า....
กล่าวคือ เมื่อเราเรียนสูงๆ ขึ้นไป กฎเกณฑ์ไวยากรณ์ หรือหลักพื้นฐานอื่นๆ ที่เราจดจำมา ก็เริ่มใช้ไม่ได้ ไม่สามารถนำมาเป็นแบบแผนในการเรียนได้ คล้ายๆ กับออกทะเลลึก ไม่สามารถหยั่งถึงพื้นดิน ไม่มีใครช่วยเหลือ และอ้างว้างเดียวดาย... ประมาณนี้
เฉพาะภาษาบาลี ผู้เขียนเคยแนะนำศิษย์หรือเพื่อนรุ่นน้องที่มาปรึกษาเรื่องทำนองนี้ว่า ไวยากรณ์เกิดหลังภาษา นั่นคือ คนฉลาดค่อยๆ เข้าไปขบคิดและค่อยๆ จัดรูปแบบของภาษา กลายเป็นไวยากรณ์ หลักสัมพันธ์ และอื่นๆ ซึ่งบางอย่างที่อยู่นอกเหนือกรอบหลักภาษาที่ถูกจัดระบบไว้ เราก็ต้องจดจำเป็นคำๆ หรือเรื่องๆ ไป....
............
เฉพาะคำว่า ปาฏิโมกข์ แปลว่า ผู้ใดย่อมรักษา ผู้นั้นย่อมหลุดพ้น
ดังนั้น....
กราบนมัสการ พระคุณเจ้า ค่ะ
นมัสการหลวงพี่ เป็นวันสำคัญยิ่งของคนไทยชาวพุธ โดยเฉพาะหัวใจ ปาฎิโมกข์
คำว่า ธรรม นั้น เป็นเพียงคำกลางๆ ที่ยกขึ้นมาแปลตามรูปแบบวิเคราะห์เท่านั้น ซึ่งนักเรียนบาลีเรียกกันว่า อัญญบท (บทอื่น)
ถ้าไม่ใช้คำว่า ธรรม (ธมฺโม) แล้ว ก็อาจใช้คำว่า สภาพ (สภาโว)... วินัย (วินโย) .. โอวาท (โอวาโท) ... หรือคำอื่นๆ ก็ได้ตามความเหมาะสม
ส่วน ธรรม ตามที่ยกมานั้น หมายถึง หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งเป็นคำกลางๆ เท่านั้น มิได้มีอะไรลึกลับไปกว่านั้น (............)
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ
ชอบตรงประโยคนี้มากค่ะ อันว่าบุคคลใด ย่อมรักษา ซึ่งธรรมใด อันว่าธรรมนั้น ยังบุคคลนั้น ย่อมให้หลุดพ้น ดังนั้น ธรรมนั้น ชื่อว่า ปาฏิโมกข์ (่ผู้ใดย่อมรักษาผู้นั้นย่อมหลุดพ้น)
รู้สึกว่าเป็นเหตุเป็นผล ตรงไปตรงมาดี ใครปฏิบัติรักษา ผู้นั้นก็ย่อมหลุดพ้นจริงๆ
ขอบพระคุณที่อธิบายที่มาของคำว่าปาฎิโมกข์ให้ฟังค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เคยเห็นในหนังสือเขียนเป็น ปาติโมกข์ ด้วยค่ะ
เจริญพร
ข้าน้อยคนเดิมขอรับท่านอาจารย์เห็นด้วยกับอาจารย์ครับบาฬีสามารถแปลได้หลายนัยอยู่ที่เราจะแตกฉานหรือไม่เท่านั้นโดยส่วนตัวข้าน้อยชอบค้นคว้ามาก..มูลกัจจาย,สัททนีติ,โมคคัลลานนะฯลฯ...เป็นคนชอบสงสัยแล้วต้องหาต้นตอรากศัพท์ให้ได้..อย่างปาฏิโมกข์..ก็เคยสงสัยมาก่อนก็ค้นคว้าหาต้นตอก็เข้าใจแจ่มแจ้ง..อย่างในวิสุทธิมรรค..ก็เป็นนัยของพระพุทธโฆษาจารย์..อาจจะเป็นศัพท์สมาสที่พิเศษอย่างท่านอาจารย์ว่า..แต่จะทำไม่ให้พิเศษอย่างวิสุทธิมรรคก็เป็นได้ขอรับโดยตั้งวิเคราะห์ว่า..
อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตีติ ปาตี (โลโก),ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสงฺกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข (ธมฺโม) ,ธรรมเป็นเครื่องหลุดพ้นจากกองกิเลสของสัตว์โลกผู้ตกไปในสังสารวัฏเพราะอวิชชาเป็นต้น..
ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขหีติ ปาติ (จิตฺตํ),ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข (ธมฺโม) (แปลเองนะขอรับ)
ขอท่านอาจ่ารย์วินิจฉัยด้วยขอรับ..อนวหยบุรุษ..
(โย) โลโก อ.สัตวโลก (ใด) ปตติ ย่อมตกไป ปตติ คือว่า คจฺฉติ ย่อมดำเนินไป
คจฺฉติ คือว่า ปวตฺตติ ย่อมเป็นไป สํสาเร ในสังสารวัฏ เหตุนา เพราะเหตุ
อวิชฺชาทินา มีอวิชชาเป็นต้น อิติ เหตุนั้น (โส โลโก อ.สัตวโลกนั้น)บาตี ชื่อว่า ปาตี (สัตวโลกผู้ตกไปในสังสารวัฏเพราะอวิชชาเป็นต้น) ,
โมกฺโข อ.ความหลุดพ้น ตณฺหาทิสงฺกิเลสตฺตยโต จากกองกิเลสมีตัณหาเป็นต้น
สตฺตสฺส ของสัตวโลก ปาติโน ผู้ตกไปในสังสารวัฏเพราะอวิชชาเป็นต้น ตสฺส นั้น
เอเตน ธมฺเมน ด้วยธรรมนั่น อิติ เหตุนั้น โส ธมฺโม อ.ธรรมนั้น ปาติโมกฺโข
ชื่อว่า ปาติโมกฺโข(ธรรมเป็นเครื่องหลุดพ้นจากกองกิเลสของสัตว์โลกผู้ตกไปในสังสารวัฏเพราะอวิชชาเป็นต้น ) พอได้ใหมขอรับ
เป็น 2 วิเคราะห์ ส่วนพยัญชนะและอรรถ ท่านอาจารย์คงแปลได้สบายครับ
ว่างๆ ก็ค้นมาให้อ่านกันอีก...
อนึ่ง ย้ำว่า เขียนให้คนไม่รู้ อ่านรู้เรื่องด้วยนะ....
เจริญพร
นมัสการพระอาจารย์
-ว่ากระผมอย่างได้บทสวดปาฎิโมกข์ที่ไม่ใช่ภาษาบาลีครับ กระผมกำลังหัดท่องอยุ่ครับแค่ไม่คล่องภาษาบาลีเท่าไรเลยติดๆขัดๆ หากพระอาจารย์มีบทสวดที่ไม่ใช่ภาษาบาลีกระผมรบกวนพระอาจารย์ด้วยน่ะครับ
พระวิเชษฐ์ ปญฺญฺาวุฒฺโฑ
ใน หนังสือนวโกวาท ศีล ๒๒๗ ข้อ นั่นแหละปาฏิโมกข์แปลมาโดยตรง... ถ้าจะอ่านจากพระไตรปิฏกก็ (คลิกที่นี้) แล้วเปิดอ่านตามสารบัญเลย เล่มแรกก็เริ่มจาก ปาราชิก ๔ เป็นต้นไป
อามันตา
เจริญพร..หลวงพี่..
ได้สาระมากมายคับ
กระผมอยากรู้เรื่อง...บาป/กรรม..มีจริงป่าวคับ
ตอบด้อยนะคับที่ [email protected]
sato
แม้เรื่องนี้จะมีคนพูดและอธิบายไว้หลายพันปีแล้ว ก็ยังมีคนสงสัยอยู่เสมอ ลองค้นหาดูในเน็ตอ่านก็ได้ มีเยอะแยะ...
อีกอย่างหนึ่ง เจริญพร ใช้สำหรับพระ-เณร พูดกับชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านพูดกับพระ-เณร ควรใช้ว่า..............
เจริญพร