วันนี้ได้เวลามาเขียน Blog ครับ
เมื่อวันที่ 8 กพ. 2551 ที่ผ่านมานี้ ผมเองได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุม"ผู้ประสานงานด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม" ที่สำนักอธิการบดี โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ โดยการประชุมครั้งนี้ส่วนใหญ่จะมีความเห็นเกี่ยวกับภาษาที่จะใช้เขียนแผนมากกว่า ซึ่งโดยส่วนตัวผมแล้วผมคิดว่าควรจะให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำไปใช้ในระยะยาวมากกว่า โดยมีอาจารย์คณะกรรมการบางท่านได้เสนอในสิ่งที่ผมคิดเหมือนกัน การประชุมจึงมีความเข้มข้นมากขึ้น
โดยหน่วยงานที่กำลังจะสร้างขึ้นมาใหม่นี้ทางกรรมการต่างๆยังไม่มีผลสรุปแน่นอนว่า จะเป็น สำนัก หรือศูนย์ หรือ หน่วยงาน แต่ถูกสร้างมาเพื่องานด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมแล้วลงในส่วนนี้ไปสู่ชุมชน ผมว่าเป็นความคิดที่ดีมากอย่างหนึ่งเพราะผมคิดว่า
มหาวิทยาลัยเมืองไทยทุกวันนี้เหมือนสถานที่ราชการมากเกินไป ผมมีเพื่อนที่เรียนอยู่ต่างประเทศจำนวนหนึ่งก็ได้คุยสัพเพเหระกันไป แต่บางสิ่งที่ผมได้รู้จากเพื่อนๆก็คือในต่างประเทศมหาวิยาลัยเหมือนเป็นแหล่งความรู้สาธารณะมากๆผู้คนโดยทั่วไปสามารถเข้าไปหาความรู้ได้มากมายทั้งวารสารความรู้ทั้งงานวิจัยและก็มีชมรมต่างๆมากมายที่สร้างสรรค์วัฒนธรรมย่อยที่มีประโยชน์ในชุมชนรอบๆมหาวิทยาลัย
ที่ผมกล่าวมานี้เพื่อจะบอกให้ทราบถึงว่าตอนนี้มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีแผนยุทธศาสตร์ที่จะนำความรู้นำแรงกายแรงใจเพื่อลงสู่พื้นที่ชุมชน เพื่อสืบสานมรดกวัฒนธรรมที่เริ่มเลือนหาย และนำความรู้ต่างๆไปสอดแทรกลดช่องว่างของคำว่ามหาวิทยาลัยกับชุมชนออกไปบ้าง
ส่วนการสรุปผลการประชุมคงต้องดูว่าวาระต่อไป จะเป็นอย่างไรจะเขียนให้ทราบเป็นระยะนะครับ
เยี่ยมมากค่ะ ขอบคุณ "ฟองเบียร์" นะคะที่นำเรื่องดีดีจากการประชุมมาเล่าให้ฟัง ทำให้ทราบว่า
ตอนนี้มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีแผนยุทธศาสตร์ที่จะนำความรู้ นำแรงกายแรงใจเพื่อลงสู่พื้นที่ชุมชน เพื่อสืบสานมรดกวัฒนธรรมที่เริ่มเลือนหาย และนำความรู้ต่างๆไปสอดแทรกลดช่องว่างของคำว่ามหาวิทยาลัยกับชุมชนออกไปบ้าง
ขอบคุณน้องเบียร์นะครับ ที่นำเรื่องมาเล่าให้ทุกคนได้ทราบ หวังว่าทุกท่านก็คงคิดเหมือนผมนะครับ จะคอยติดตามครับ