<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> ฟังชื่อเรื่องหลายท่านคงนึกสงสัยว่า เอ๊ะ ยังไงกันนะ?</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> อย่างที่รู้กันว่าธรรมเนียมการกินสุกี้เป็นเรื่องของการกินสามัคคี คือกินด้วยกัน ร่วมมือร่วมใจกันบริหารจัดการหม้อสุกี้ที่ตั้งไว้กลางวง หม้อสุกี้เป็นของส่วนรวม ใช้ร่วมกันในกลุ่มญาติมิตรที่นั่งล้อมรอบหม้อ </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> ฉันเคยพูดถึงมารยาทในการกินสุกี้แบบนั้นไปแล้ว แต่คราวนี้มีความแตกต่างที่หม้อสุกี้ค่ะ เป็นการกินสุกี้ที่ไม่มีหม้อสุกี้วางกลางโต๊ะ หากแต่วางไว้หน้าผู้กินแต่ละคน </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> คนที่นั่งด้วยกันในโต๊ะ หากไม่ได้รู้จักสนิทชิดชอบกันมาก่อน แต่เกิดจับพลัดจับผลูต้องมานั่งโต๊ะเดียวกัน ก็สามารถกินสุกี้สามัคคีได้อย่างไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> คนช่างคิดไม่พ้นชนชาติช่างกินคือคนจีนค่ะ วิถีกินนี้คือสุกี้ปักกิ่ง</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> การกินสุกี้ที่นี่ ผู้กินจะมีหม้อสุกี้ของคนเองวางประจำอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด ขนาดก็พอๆกับหม้อจุ่มจิ้มของไทย ส่วนเครื่องปรุงทั้งหลายวางไว้กลางโต๊ะ เลือกกินกันเองว่าชอบอะไร ทำให้คนกินมังสะวิรัติกับไม่กินก็นั่งร่วมโต๊ะกันได้ </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> เครื่องปรุงก็หน้าตาคล้ายๆกับเมืองไทย อาทิ เต้าหู้ วุ้นเส้น ผัก และเนื้อสัตว์ต่างๆ แต่ที่แปลกและขึ้นชื่อของที่นี่คือ เนื้อแพะ คนจีนเชื่อว่ากินเนื้อแพะในฤดูหนาวจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ร้านที่ไปกินมีทุกอย่างมาเติมให้แบบไม่อั้นค่ะ ใครมีปัญญากินแค่ไหนก็กินไป </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> เนื้อสัตว์ที่นำมาเสิร์ฟ จะแล่บางเฉียบ แค่คีบมาจุ่มลงในหม้อน้ำซุบที่เดือดปุดๆ อยู่ตรงหน้าแล้วยกขึ้น ก็สุกเรียบร้อยแล้ว </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> ใครอยากจะปรุงแต่งน้ำซุปของตนให้มีรสชาติอย่างไรก็ทำได้ตามใจ แต่ถ้าจะปรุงให้แซ่บแบบไทย ทำไม่ได้ค่ะ เพราะร้านสุกี้ที่ปักกิ่งไม่มีมะนาว กระเทียม และพริกให้เติม </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> น้ำจิ้มสุกี้ปักกิ่งจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนทำจากเต้าเจี้ยวบด รสชาติจืดๆ หน้าตาคล้ายน้ำจิ้มชาบูชาบูของญี่ปุ่น ส่วนน้ำซุปที่ใส่มาในหม้อก็จืดๆ เช่นกัน สไตล์อาหารจีนแบบปักกิ่งที่ไม่เผ็ดร้อนเหมือนอาหารจีนแบบเสฉวน </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> ก็อร่อยแบบปักกิ่ง แต่ไม่อร่อยโดนใจคนไทย ดังนั้น หากมีโอกาสได้ไปชิมสุกี้ปักกิ่ง คนชอบรสจัดควรมีเครื่องปรุงติดไปด้วย อาทิ ซุปก้อนหรือผงซุปสำหรับใส่น้ำซุป พริกขี้หนูสด ซอสพริก ฯลฯ ส่วนบางอย่างเช่นกระเทียมสับ เต้าหู้ยี้ ซีอิ้ว อาจขอจากทางร้านได้ ถ้าพูดกันรู้เรื่อง</p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> วันที่ได้กินครั้งแรกนั้น เพื่อนร่วมกินสร้างความตื่นเต้น โดยวางกระดาษเช็ดมือท่าไหนไม่ทราบ ทำให้เปลวไฟจากเตาที่วางหม้อสุกี้ ลามไปติด จนไฟลุกพรึบขึ้น สมาชิกทั้งโต๊ะลุกฮือโดยพร้อมเพรียงกัน </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> ช่วยกันดับทันค่ะ เลยได้บทเรียนสำคัญว่า ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการใช้เตาแบบนี้ เพราะวางอยู่ใกล้ตัว แถมน้ำในหม้อก็ร้อนจัดด้วย เวลาเอื้อมมือไปคีบเครื่องปรุงที่อยู่กลางโต๊ะ ต้องระวังมือและแขนเสื้อให้ดี จะได้ไม่ไประรานหม้อ </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> หลังจากกินอิ่มแล้วก็พบว่า น้ำซุปในหม้อเหลือมาก เพราะให้มาเกือบเต็มหม้อ ถ้ากินครั้งต่อไปจะตักออกให้เหลือแค่ครึ่งเดียวหรือสองในสามก็พอ จะได้น้ำซุปเข้มข้นอร่อยๆ ไว้ซดปิดรายการ หรือทำข้าวตุ๋นส่งท้าย อ้อ! ข้าวที่นี่เป็นเมล็ดสั้นแบบข้าวญี่ปุ่นค่ะ </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> รายการสุกี้นี้เกือบจะถูกตัดออกจากรายการทัวร์ปักกิ่งฤดูหนาวไปซะแล้ว เพราะคนพาเที่ยวบอกว่าไม่อร่อย เกรงว่าสมาชิกจะกินไม่ได้ แต่พวกเรายืนยัน และแล้วก็จัดการปรับปรุงให้ถูกปากทุกคนจนได้ </p>
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt"> กินสุกี้ปักกิ่ง ติดใจตรงหม้อใครหม้อมันนี่แหละ เพราะได้ความเป็นส่วนตัวในท่ามกลางหมู่คน ช่างคิดดีแท้.. </p><p align="center"></p><p align="center"> </p>
ดูน่ากลัวหม้อตกใส่นะคะ เสี่ยงจังค่ะ Sasinanda
ต้อมชอบสุกี้ค่ะ แต่เพื่อนชอบทำหน้าสงสัยแล้วถามว่า "ตกลงเธอทานสุกี้ หรือซดน้ำจิ้มกันแน่"
น่าทานจังเลยค่ะ อยากไปกินที่ปักกิ่งบ้างค่ะ หม้อสุกี้ น่ารัก และน่านำมาใช้ในเมืองไทยบ้าง ตามร้านสุกี้ทั่วไป หรือจะเป็นผู้นำในการทำร้านแรกของท้องถิ่นก็ได้ค่ะ แต่ต้นทุนอาจจะสูง เพราะต้องสั่งทำเป็นพิเศษกระมังคะ โอ้ย เห็นแล้วหิวค่ะ
เสาวลักษณ์
ขออภัยค่ะ ที่หายหน้าไปช่วงกุมภา สอบ สอบ สอบ...
ขอบคุณคุณ Sasinanda อย่างยิ่งค่ะ สำหรับกุหลาบสีแดงแจ้งรักแบบเปิดเผย อิ อิ อิ
อาทิตย์ที่ผ่านมาและตอนนี้ พี่สาวบอกว่าทุกกิ่งทุกต้นของกุหลาบพันธุ์นี้ที่ป้าเจี๊ยบตัดแต่งเมื่อปลายธันวา ออกดอกสะพรั่งเช่นกันที่บ้านกลางดง เธอบ่นเสียดายที่ป้าเจี๊ยบไม่ได้เห็น (ป้าแจงไม่มีกล้อง!)
คุณ Lin Hui ส่งภาพกุหลาบสวยๆ ทำให้ได้เห็นเช่นกัน แถมชื่นใจกับชาซากุระ (ยังไม่เคยชิมสักที) และฟรุตเค้กอีกด้วย ใส่รัมหรือบรั่นดีในเค้กบ้างหรือเปล่าคะ อั้ม...
สอบเสร็จหรือยังคะ ของป้าเจี๊ยบที่สวนสุนันทานี่มีการเลื่อนเข้ามาหนึ่งสัปดาห์อย่างกระทันหัน อาจารย์หัวปั่นกันใหญ่ ส่งเกรด 29 กพ.ด้วย..
อ.ลูกหว้า ส่งกุหลาบขาวตัวแทนของรักบริสุทธิ์ รักแบบไม่มีเงื่อนไขมาให้ แถมมีเทียนแบบว่า "แสงเรืองๆที่ส่องประเทืองอยู่ทั่วเมืองไทย..." อีกด้วย ยินดีเจ๊า.. อ้อ! ภาพที่เปลี่ยนใหม่นี้ ใส่หมวกคล้ายๆ กับ"หมวกอารมณ์ดี" ของป้าเจี๊ยบเลย ฮ่าๆๆๆ เป็น "ลูกหว้าอารมณ์ดี" ...
ป้าเจี๊ยบและสมาชิกครอบครัวทุกคนชอบกินสุกี้ค่ะ
เนปาลี ถ้ามีโอกาสกินสุกี้ด้วยกัน ป้าเจี๊ยบยกน้ำจิ้มให้คุณต้อมค่ะ ของน้องแพรด้วย อิ อิ.. เพราะเราไม่ชอบกินน้ำจิ้ม..
ขอบคุณค่ะ คุณเสาวลักษณ์ที่แวะมาทักทาย เราคงต้องใช้หมอดินแบบจุ่มจิ้มแทน ดีมั๊ย?
เห็นแล้วหิวค่ะ
หากเบนกล้องไปทางขวาอีกนิดจะเห็นเรานั่งอยู่ เฮ้ออ ไม่เห็น