วันนี้เป็นวันที่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) มาเยี่ยมเยียน รพ. แม่สอด เนื่องจากครบ course การฝึกนิสิตแพทย์ปีที่ 4 (นสพ.) นำโดยอาจารย์วิโรจน์ (jacket ขาว)
อาจารย์เปิดให้ นสพ. comment ข้อดี โอกาสการพัฒนา โดยสรุป
นสพ. บอกถึงข้อดีของการมาแม่สอด คือ ประสบการณ์ที่ได้จากการดูของจริง +การพูดคุยและความเอาใจใส่ที่อาจารย์ให้ (ข้อนี้ฟังแล้วก็ปลื้มครับ) เด็กหลายคนชอบวิธีการสอนที่ให้คิด ไม่ตัดสิน เปิดโอกาสความคิดให้กว้างไกล ไม่ติดกรอบ
สิ่งที่น้องเห็นว่าต้องปรับปรุง คงจะเป็นระบบการเรียนการสอน ที่ต้องเทียวไปเทียวมาบนทางเขากว่า 87 กม.ระหว่างศูนย์แพทย์ตาก-รพ.แม่สอด +ไม่มีแหล่งความรู้ที่เพียงพอ (ไม่มี free internet เหมือนในศูนย์แพทย์)+บางครั้งการสอนไม่ได้ตั้งกรอบแนวคิดให้เลยทำให้เป็นการเรียนที่ไม่คุ้นเคย(กำหนดกรอบแล้วให้เด็กคิดในกรอบวิชาการ)
อาจารย์หลายท่าน comment รวมสรุปว่า
1. การเรียนรู้มีหลายระดับ
ระดับเบื่องต้นคือทำทุกอย่าง routine เพียงเพื่อผ่านไปวันๆ ระดับ(ไม่คิด)
ระดับต่อมาเริ่มคิด แต่คิดตามที่คนวางกรอบ
ระดับต่อมาคือคิดแบบไม่มีกรอบ อิสระเสรี
แล้วถาม นสพ. ว่าอยากเป็นหมอที่มีวิธีคิดระดับไหน?
2. โอกาสการเรียนแบบมีประสบการณ์+หาไม่ได้จากตำรามีน้อย อ่านเอาก็ไม่ได้อย่างของจริง นี่คือจุดแข็งของการเรียนแบบนี้
ผม comment
ผมดีใจมากที่ได้สอนน้องๆ เพราะเป็นโอกาสการพัฒนา ผมเห็นว่า การสอนวิธีคิดนั้นสำคัญกว่าการสอนเนื้อหา สิ่งที่ผมบอกเด็กคือ " สิ่งที่ผมสอนอาจเป็นวิชาประวัติศาสตร์ในอนาคต การสอนให้น้องคิดเป็น+หาความรู้เป็น น่าจะได้ประโยชน์สูงสุด"
เจตนารมณ์จริงๆ ที่สอนแบบถามเด็กไปเรื่อยๆ เปิดโอกาสให้คิด ได้ดูของจริงหรือลงมือทำแล้วมาเรียนรู้กัน เพราะผมคิดว่า ความรู้อ่านเองได้ แต่ประสบการณ์กับของจริงหาไม่ได้ในตำรา
คำถามที่ผมถามน้องคือ "สิ่งที่ผมสอนมาในช่วง 6 สัปดาห์นี้ ผมสอนอะไร "
เด็กตอบว่า "สอนให้เป็นหมอที่ดี"
ผมดีใจจริงๆ ครับ แทบจะน้ำตาซึมเลยละครับ
"สอนให้เป็นหมอที่ดี"
ชอบคำนี้ครับ
และหวังว่าเราจะได้หมอที่มีคุณภาพและมีหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์เพื่อทุกคนครับ
ผมก็ดีใจจริงๆ ครับที่ เด็กตอบคำนี้
เด็กกลุ่มนี้เป็นแพทย์เพื่อชาวชนบทโครงการ 5 ปีครับ
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ สอนให้เป็นหมอที่ดี คำนี้ทำให้นึกถึงพระราชดำรัสของพระบิดาเลยค่ะ