เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กพ. 49 ฉันได้ไปเที่ยวโรงเกลือกับเพื่อนๆ 4 คน และเพื่อนของฉันที่อยู่
ม.บูรพาได้พาฝรั่งไปต่อวีซ่าด้วย 1 คน
ฉันไม่ได้ไปโรงเกลือมา 6 ปีแล้ว แต่เมื่อ 6 ปีที่แล้วก็ยังต่างจากครั้งแรกที่ฉันไป
ครั้งแรกที่ฉันไปเมื่อ พศ.33 สิบหกปีแห่งความหลัง
ช่วงนั้นระเบิดยังเก็บกู้ไม่หมด และเขมรยังยากจนอยู่มาก ของที่ขายส่วนใหญ่เป็ของป่า และสัตว์สงวนมีหัวกระทิง เขากวาง นำมาโชว์ขายเต็มไปหมด มีนกฮูก และกล้วยไม้ป่านำมาขายจำนวนมาก
แต่เมื่อหกปีที่แล้ว ตลาดโรงเกลือกลายสภาพเป็นตลาดเสื้อผ้ามือสองขนาดใหญ่ แต่พ่อค้าแม่ค้ายังไม่คัดเลือกเกรดของเสื้อผ้า เรายังไปเลือกๆ ได้ของดีราคาถูกมาบ้าง
ปัจจุบัน พัฒาการของตลาดเปลี่ยนแปลงไปเป็นของนายทุน มีการแยกเสื้อผ้ามียี่ห้อออกมาจากเสื้อผ้าราคาถูก รองเท้า และกระเป๋าที่มียี่ห้อ มีราคาสูงกว่ามาก และที่สำคัญคนขายส่วนใหญ่เป็น "คนไทย" คนเขมรเป้นลูกจ้าง
ฉันซื้ออะไรไม่ได้สักอย่าง อากาศร้อนมากๆ มีเด็กเขมร อุ้มเด็กเล็กๆ สะพายกระเป๋าเหมือนจิงโจ้ เดินเต็มไปหมด ห้ามให้ใครสักคนเพราะถ้าให้แล้วจะมารุมขออีกหลายคน แต่พวกเด็กๆ ก็ไม่ค่อยจะขอกับคนไทย ชอบไปขอฝรั่ง ผรั่งให้เยอะกว่าคนไทย
ที่ว่าโรงเกลือ หรือ คนเกลือสาเหตุเป็นเพราะที่จอดรถ พอพวกเราจอดรถปุ๊บ ก็จะมีคนไทย ขี่จักรยานมาถึงที่รถแล้วบอกว่า 100 บาท เราต่อรองว่าจอดไม่นานหรอกเพราะไปถึงก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว น่าจะเดินได้แค่ 1 ชั่วโมง เขาบอกว่าไม่ได้ เพราะเหมาจ่าย 100 บาท
คนเก็บเงินก็เอาเงินขี่จักรยานหายไป มีแต่ยามเขมรแก่ๆ คนหึ่งเฝ้ารถ
เฮ้อ....เหนื่อยใจจริงๆ
ไม่มีความเห็น