BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

บ้านก๋อง


บ้านก๋อง

แม้ผู้เขียนจะเป็นคนอำเภอสทิงพระโดยกำเนิด แต่ถ้าแยกออกไปแล้ว โยมแม่เป็นคนตำบลคูขุด ส่วนโยมพ่ออยู่ตำบลกระดังงา... ตำบลคูขุดอยู่ติดทะเลสาบ ส่วนตำบลกระดังงาอยู่ติดทะเลหลวง โดยเหตุที่อำเภอสทิงพระมีทะเลกระหนาบทั้งสองด้าน ดังนั้น พวกที่อยู่ริมทะเลสาบซึ่งมีพื้นที่ต่ำกว่าจะถูกเรียกว่า พวกบ้านต่ำ หรือ พวกโสดล่าง ... ขณะที่พวกที่อยู่ติดทะเลหลวงจะเรียกกันว่า พวกเนิน หรือ พวกโสดเนิน... เพราะเหตุว่า โยมพ่อเป็นพวกเนิน ส่วนโยมแม่เป็นพวกบ้านต่ำ ดังนั้น ผู้เขียนจึงซึมซับเอาวิถีความเป็นอยู่ทั้งสองฝ่ายไว้...

แม้เด็กๆ ผู้เขียนจะเป็นอยู่และแรกเข้าเรียนที่คูขุด แต่ก็จะไปอยู่กระดังงาบ้างตามโอกาส... และโอกาสหนึ่งในแต่ละปีที่จะไม่พลาดก็คือวันตรุษจีน หรือ วันไหว้ก๋อง เพราะโยมพ่อมีเชื้อสายคนจีนอยู่หลายส่วน และพ่อของพ่อ ผู้เขียนไม่เีรียกว่า ปู่ แต่เรียกว่า ก๋อง (คือ ก๋ง นั่นเอง แต่สำเนียงใต้ออกเสียงว่า ก๋อง )

บ ้านก๋อง ตามความทรงจำในตอนเด็กๆ นั้น สภาพภายในบ้านยังมีความเป็นคนจีนอยู่มาก แต่เมื่อผู้เขียนเป็นวัยรุ่นแล้ว รู้สึกว่าความเป็นคนจีนก็สลายไปเกือบหมด (ฟังว่า โยมพ่อและน้องๆ ของท่านทุกคน สมัยก่อนก็ใช้ชื่อจีน เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นชื่อไทยก็เมื่อแรกเข้าโรงเรียน)

บ้านก๋องในสมัยก่อนมีหลายหลัง เช่น บ้านไม้สองชั้นสองคูหา ด้านหนึ่งเป็นร้านขายของชำ ซึ่งนอกจากขายที่บ้านแล้ว คุณย่าจะนำไปขายตามตลาดนัดในหมู่บ้านใกล้ๆ ด้วย... อีกด้านหนึ่งเป็นร้านขายเครื่องยาจีนทั่วๆ ไป ซึ่งเมื่อโตขึ้น ผู้เขียนเห็นร้านขายยาสมุนไพรหรือร้านขายยาในหนังจีนโบราณแล้ว ก็มักจะถึงบ้านก๋องเสมอ เช่น มีมีเครื่องชั่งยาโบราณ มีตะกร้าหลากชนิดใส่เครื่องยา และมีตู้ลิ้นชักเรียงขึ้นไปเป็นชั้นๆ ไว้เก็บเครื่องยาสำคัญ เวลาจะเอาก็ต้องพาดบันไดขึ้นไป... ซึ่งพวกเราเด็กๆ มักจะวิ่งไล่จับขึ้นบันไดในคราวผู้ใหญ่ไม่อยู่เสมอ....

นอกจากร้านขายของชำและขายเครื่องยาสมุนไพรแล้ว ด้านข้างจะเป็นโรงสีข้าวขนาดใหญ่พอสมควร ซึ่งผู้เขียนทันเห็นเครื่องสีเดินเครื่องอยู่ไม่เท่าไหร่นัก เพราะไม่ทันได้เป็นวัยรุ่น เครื่องสีก็หยุด แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นโกดังเก็บของแล้วก็ถูกรื้อไป... ต้นมะขามขนาดใหญ่ด้านหน้าบ้านก็ถูกโค่นลง... บ้านหลังอื่นๆ ถูกรื้อบ้าง สร้างใหม่บ้าง จนสภาพเดิมค่อยๆ หมดไป... ด้านหลังบ้านนั้น สมัยก่อนเป็นส่วนกล้วยขนาด ๑-๒ไร่ ซึ่งผู้เขียนมักจะเข้าไปเที่ยวแล้วเดินหลงเสมอนั้น ก็ค่อยๆ เล็กลงๆ....

.............. 

ก๋องมีลูก ๑๐ คน และอยู่มานานถึงเก้าสิบกว่าปี เพิ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อ ๓-๔ ปีนี้เอง... เดียวนี้ บ้านก๋องไม่มีแล้ว เพราะถูกแบ่งออก ๔ ส่วนสำหรับลูกและหลานของก๋อง ๔ ครอบครัวที่สมัครใจอยู่บ้านเดิม ส่วนลูกคนอื่นๆ ของก๋องอีก ๖ คนก็แยกย้ายกันไปอยู่อื่น ชีวิตของก๋อง กลายเป็นเรื่องเล่าประจำตระกูลและคงจะเลือนหายไปตามธรรมดา...

ก๋องมีแนวคิดว่า ลูกหลานนั้น ถ้าอยู่ใกล้กันมักทะเลาะกัน จึงต้องการให้อยู่ห่างออกไปเพื่อจะได้พึ่งพาอาศัยกันตามโอกาส ดังนั้น ก๋องจึงวางแผนไปซื้อที่ดินไว้ในที่ต่างๆ เพื่อต้องการให้ลูกๆ ได้ไปอยู่...  ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อประมาณ ๕๐-๖๐ ปีก่อน ก๋องกับก๋องอีกท่าน (พี่หรือน้องของท่าน) ชวนกันเดินทางมาซื้อที่ดินที่แถวหน้ามอ. หาดใหญ่ วันที่ตกลงจะจ่ายเงินนั้น บังเอิญก๋องมองไปที่ยอดยาง เห็นใบยางแดงและและกิ่งยางแห้ง จึงรู้ว่าน้ำใต้ดินไม่สมบูรณ์จึงขอลดราคาที่ดินลงอีก เมื่อไม่ตกลง ก๋องทั้งสองจึงชวนกันไปซื้อแถวสถานีรถไฟทุ่งลุง อำเภอสะเดา...

ฟังว่า เมื่อโยมพ่อโยมแม่แรกแต่งงานนั้น ได้ไปอยู่ที่ดินทุ่งลุงผืนนี้ แต่อยู่ได้สองเดือนก็กลับมาอยู่คูขุด โยมแม่เล่าว่า สมัยนั้น ยังไม่มีไฟฟ้า อยู่กลางสวนยางตามเกียงป๋อง (ตะเกียงน้ำมันกาด) 

ประเด็นที่ดินหน้ามอ.หาดใหญ่นี้ ลูกหลานคุยสนุกๆ กันว่า ถ้าได้ซื้อแล้วตกทอดมาถึงปัจจุบัน ลูกหลานคงจะรวยระเบิด... 

..............   

เมื่อก๋องยังอยู่ ก๋องก็จะทำพิธีไหว้ก๋องไหว้ศพทุกปี (มีฮ้วงซุ้ยหรือหลุมศพก๋องของก๋องที่มาจากเมืองจีนอยู่ที่ป่าช้าหน้าวัดกระดังงา) แต่เมื่อก๋องจากไป ลูกหลานของก๋องบางครอบครัวก็ยกเลิกไม่ไหว้ ซึ่งก็คงจะเป็นไปตามความสมัครใจของแต่ละคน...

อย่างไรก็ตาม ในโอกาสตรุษจีนปีนี้ ผู้เขียนก็เล่าถึงบ้านก๋องเพื่อเป็นที่ระลึกถึง ก๋อง  บรรพบุรุษคนสุดท้ายที่ทันเห็นก๋องในฮ้วงซุ้ยและบรรดาญาติอื่นๆ ที่มาจากเมืองจีน....

หมายเลขบันทึก: 163539เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2008 16:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

นมัสการหลวงพี่

             อ่านแล้วมองเห็นภาพครับ...ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ผมเองก็เป็นมรดกจากแถวนั้นเหมือนกัน อ่านแล้วสะท้อนใจครับ

                                           นมัสการครับ

P

นายช่างใหญ่

 

อาตมาจัดเป็น พวกลูกครึ่ง เหมือนกัน... กล่าวคือ ครึ่งบ้านต่ำครึ่งเนิน

พวกบ้านต่ำกับพวกเนินนั้น อุปนิสัยและความสามารถบางอย่างแตกต่างกัน เช่น พวกเนินค่อนข้างจะมัธยัสถ์ในเรื่องอาหารการกินมากกว่าพวกบ้านต่ำ...

แต่พวกเนิน ยั่วเบ็ด เก่งกว่าพวกบ้านต่ำ  โดยสามารถใช้เบ็ดยั่วคันยาว ๑๐-๒๐ เมตร ยั่วช่อนหรือชะโดจากกลางสระใหญ่ๆ ได้ ทั้งนี้คงเกิดจากสภาพความจำเป็นพื้นฐาน...

เจริญพร 

ข้าน้อยว่าเด็กสมัยนี้ถดถอยเรื่องกตัญญูกตเวที่  เลยไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าในชีวิต   บรรพชนของเราๆควรกราบไหว้บูชานะ  เป็นการแสดงออกถึงความเป็นคนดีดังที่โบราณบัณฑิต  ว่า  นิมิตฺตํ  สาธุรูปานํ  กตญฺญูกตเวทิตา  ...รู้คุณคนแล้วทำตอบแทน  นั่นแหละเป็นยี่ห้อของคนดี.สมัยนี้เด็กกตัญญูนะมีเยอะแต่  เด็กกตเวทีนี้สิหายาก....ข้าน้อยนะก็เด็กสัยนี้แหละ  33หยกๆ34หย่อนๆ.....แต่โชคดีที่ได้พบครูชั้นยอดในชีวิตช่วยพยุงบอกทางดีๆให้ก็กำลังพยายามทำตามท่าน....ครูข้าน้อยมีนามมากมายหลายชื่อเรียกขาน..แต่ข้าน้อยเรียกว่า...พระพุทธองค์ขอรับ....

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท