บทความก่อนหน้านี้ ปาฐกถาเรื่อง “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล”
ตอนที่
1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 3, ตอนที่ 4,
ตอนที่
5, ตอนที่ 6, ตอนที่ 7, ตอนที่ 8,
ตอนที่
9, ตอนที่ 10, ตอนที่ 11,
ตอนที่
12
********************************************
ปาฐกถาเรื่อง
“รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล” โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์ณัฐ ภมรประวัติ
–
ตอนที่ 13
(จบ)
ถ้าท่านถามผมว่าได้ให้รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลมา
10 ปี ได้ผลอย่างไร ผมก็อยากประเมินผลที่ได้ในกลุ่มต่างๆ คือ
ในกลุ่มนักวิชาการในต่างประเทศ กลุ่มนักวิชาการไทย
และกลุ่มของคนไทยทั่วไป
ในกลุ่มนักวิชาการชาวต่างประเทศ
ผมคิดว่ารางวัลนี้เป็นที่รู้จักกันในวงนักวิชาการชาวต่างประเทศโดยทั่วไป
และเขามีความพอใจที่รางวัลนี้ได้เป็นประโยชน์ที่เป็นการให้รางวัลทาง
Public Health ซึ่งมีการให้รางวัลน้อย
รางวัลของเราก็เทียบได้กับรางวัล King Faisal ซึ่งให้ 1 รางวัลประมาณ 100,000
กว่าเหรียญ รางวัลของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า Japan
Prize เป็นมูลค่า 100,000 เหรียญ รางวัล Indira Gandhi
Prize ซึ่งผมเข้าใจว่าเขาให้ 20,000 เหรียญ และรางวัลแมกไซไซ
ซึ่งเดิมเขาให้รางวัลละ 30,000 เหรียญ แต่ได้เพิ่มเป็น 50,000
เหรียญภายหลัง จากที่รางวัลของเราออกมาได้ 2 ปี แต่รางวัลแมกไซไซมีหลายรางวัลและเขามุ่งให้คนที่ทำงานให้แก่ชุมชนในประเทศเอเซีย
เวลาที่ผมคุยกับเพื่อนชาวต่างประเทศ
ถามถึงรางวัลนี้ก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจทั้งสิ้น
สำหรับนักวิชาการของไทยนั้น
ผมรู้สึกว่ามีความสนใจในรางวัลนี้เพียงเล็กน้อย
บางคนสนใจว่าคนไทยจะได้เมื่อไหร่ บางคนสนใจว่าเมื่อไร Profession
เขาจึงจะได้ เราได้พยายามจัดให้มีการประชุมในประเทศไทย
โดยคณะกรรมการรางวัลนานาชาติ และผู้ได้รับรางวัลหลายครั้ง
แต่นักวิชาการคนไทยก็มีการตอบรับอย่างธรรมดาไม่ได้เป็นพิเศษ
สำหรับคนไทยโดยทั่วไปก็ไม่ได้มีความสนใจมากนัก
มีความรู้ในเมื่อมีข่าวการพระราชทานรางวัล แต่หลังจากนั้นก็เงียบไป
ไม่มีบรรยากาศเป็น National Day เช่นรางวัลโนเบลของสวีเดน
สำหรับกรรมการรางวัลนานาชาติ
และผู้ได้รับรางวัลก็นับว่ามีความตื่นตัวพอใช้
ทั้งกรรมการนานาชาติและผู้ได้รับรางวัลบางคนได้มีความประทับใจในสมเด็จพระเทพฯ
เป็นพิเศษ และเมื่อท่านเสด็จไปต่างประเทศ
เขาก็มาต้อนรับและดูแลพระองค์ท่านเป็นอย่างดี เช่น Dr. Scrimshaw,
Dr. Stanbury ซึ่งมาดูแลท่านในเรื่อง
โภชนาการและการขาดสารไอโอดีน Dr. Alfred Sommer คณบดีคณะสาธารสุข มหาวิทยาลัย
John Hopkin ได้เชิญสมเด็จพระเทพฯ
ท่านไปเยี่ยมค่ายวิจัยของเขาที่ประเทศเนปาลเป็นต้น
กรรมการและผู้ได้รับรางวัลหลายคนก็ได้ขอไปดูงานในประเทศไทยด้วย
ในแง่การพิจารณา เสนอผู้ได้รับรางวัลนี้
ผมมีความรู้สึกว่ากรรมการแต่ละท่านมีความรู้ทางวิชาการของท่านซึ่งลึกซื้งมาก
และท่านยังมีความกว้างขวาง ในแนวราบดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งการรู้
มากทางดิ่งและทางราบนี้เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้คณะกรรมการรางวัลมหิดลมีลักษณะเป็นพิเศษ
และจะหารางวัลอื่นในประเทศไทยทัดเทียมได้ยาก
ผมหวังว่ารางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
จะคงอยู่คู่กับเมืองไทยชั่วกาลนาน
เป็นเครื่องเชิดชูพระบารมีของสมเด็จพระบรมราชชนกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและจะเป็นรางวัลที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศอย่างยิ่ง
**************************************
ที่มา : บทความพิเศษ
ปาฐกถาเรื่อง “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล” โดย ณัฐ ภมรประวัติ
พ.บ.
จาก สารศิริราช ปีที่ 54 ฉบับที่ 9 กันยายน
2545