สวัสดีครับทุกท่าน
สบายดีกันนะครับ เมื่อตอนก่อนเขียนไว้เรื่อง สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยที่ประชาชนต้องการ และกะว่าจะเขียนตัวบ่งชี้ที่จะทำให้สถาบันการศึกษามีปัญหาจนทำให้ต้องหยุดไปหรือปิดไปมีอะไรบ้าง แต่ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเขียนให้เสียเวลาครับ เพราะเชื่อว่าแต่ละสถาบันการศึกษาคงมองกันดีแล้ว และรู้จุดดีจุดด้อยของตัวเองกันดี แต่ก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรม คือ เกิดแก่เจ็บตาย องค์กรไหนดีก็อยู่กันต่อไป องค์กรไหนไม่พร้อมก็ปรับปรุงกันต่อไป
เพราะว่าสถาบันการศึกษานั้น ล้วนสำคัญในเรื่องของการพัฒนาสมอง ให้คนรู้จักคิด รู้จักทำ รู้จักปรับและแก้ไข นำไปสู่การสร้างประโยชน์ร่วมกันของสังคม และคนในสถาบันการศึกษาก็ล้วนมีความรู้ด้วยกันทั้งนั้น
ในเรื่องอื่นๆ เช่น การเกษตรของชาติก็เช่นกันครับ การเมืองก็คงเช่นกันครับ ท้ายที่สุดแล้วประชาชนต้องหาทางออกว่าจะอยู่อย่างไรให้พอเพียงได้ ประชาชนต้องหาคำตอบกันโดยเริ่มจากการคิดทำใช้ในเรื่องที่ใกล้ตัวและจะอยู่ร่วมได้อย่างไรครับ
เราเป็นคนไข้ของต่างชาติมายาวนาน ไม่ว่าจะเรื่องเทคโนโลยี หรือการศึกษา การแพทย์เรื่องยารักษาโรคต่างๆ และอื่นๆ มากมาย ผมเองไม่ทราบว่าจะถึงเวลาหรือเลยเวลามาแล้วหรือเปล่าที่เราเป็นคนไข้ให้กับประเทศเหล่านั้น ที่เราเป็นคนไข้ให้เค้าเลี้ยงไข้อยู่ตลอดเวลาและร่ำไป
ทั้งๆที่เรามีสมุนไพรในประเทศมากมาย จะหันมาฟื้นฟูเพื่อรักษาไข้กันเองด้วยฝีมือคนไทยกันเอง คิดสร้างเทคโนโลยี โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เครื่องจักรยนต์ให้เข้ากับบ้านเราเอง เราจะทำได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ใจของคนไทยเองแล้วหล่ะครับ
เรามีจุดเด่นในเรื่องของจิตใจ ในอดีต เทคโนโลยีใจ การช่วยเหลือเกื้อกูลแบ่งปัน อยู่กันแบบพึ่งพาต่อกัน สิ่งเหล่านี้จะเกิดแบบศรัทธาโดยไม่ต้องระบบในตัวบทกฏหมายที่จะบังคับให้ต้องเสียผ่านค่าภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด ผมก็หวังว่าเราจะยังยึดสิ่งนี้ให้เป็นจุดเด่นของเราต่อไป
ผมเองก็ช่วยกู้ได้แค่ในส่วนที่ทำได้แค่นั้น แต่ละคนก็ต่างความสามารถและสามารถทำกันเป็นทีมร่วมกันได้เสมอ หากจะทำ อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือว่าเราจะรอใช้ เป็นคนไข้ต่อไป มาถึงวันนี้ผมก็มีห่วงที่จมูกหลายห่วงเช่นกัน โดนเจาะเพื่อให้ต่างชาติจูงจมูกกันต่อไป อยู่ที่ว่าเราจะสลัดทิ้งเมื่อไหร่ จะทำหรือไม่ แค่คิดอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำด้วย ....ภูมิปัญญาใคร บ้านใครบ้านคนนั้นล้วนแตกต่างกัน จะปรับกันอย่างไรให้เกิดคุณค่าร่วมกัน ก็ต้องใช้ปัญญา
ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
เม้ง
ไม่มีสิ่งใดเกิดไ่ม่ได้ หากจะทำ
คนอื่นทำได้ เราก็สามารถทำได้เช่นกัน ตามแบบที่เราถนัด และอยู่บนพื้นฐานของบ้านเราครับ
ฉันคือ ประชาชน ต้องอดทน ได้ทุกอย่าง. แม้นปัญหา มันคับคั่ง ประเดประดัง อยู่ในใจ.
ถ้าเราพิจารณาตัวเราเองทั้งหมด เราไปเอามาตรฐานความคิด ความเห็น ความเข้าใจ มาจากต่างประเทศกันไปหมด
ทำอะไรก็เป็นห่วงว่า จะถูกต่างประเทศนินทา โจมตี อะไรๆก็ผูกติดกับต่างชาติ บางครั้งรัฐประหารก็ว่าประเทศไทยไม่มีประชาธิปไตยขู่ว่าจะไม่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือ แอนตี้ แต่ว่ายอมกับค่ายเผด็จการคอมมิวนิสที่เป็นเผด็จการเบ็ตเสร็จ ไม่เห็นว่าอะไร
ความจริงแล้วทุกๆชาติที่มามีอิทธิพลต่อไทยเพียงต้องการผลประโยชน์ต่อไทย เราเองไม่มีความเข้มแข็งพอที่จะมีความเป็นเอกราช
แล้วเป็นเพราะอะไร ผู้ปกครองในประเทศไปมีอะไรกับเขาเหรอ ลองติดตามทบทวนกันดู มีกลิ่นไม่ดีครับ ไม่ว่าในอดีต ในปัจจุบัน
ศักยภาพของประเทศเราไม่มีพอหรือ
ความรู้ความสามารถของประชาชนไม่ดีพอหรือ
ความรักชาติไม่มีหรือ
แล้วอะไรที่มาครอบงำเราหละ ความรู้ เทคนิค กฏหมาย วัฒนธรรม
อันตรายมากครับ ความรู้ถูกครอบงำ ชุมชนล่มสลาย วัฒนธรรมถูกทำลาย
ฦาเราจะเป็นคนป่วยไข้ของต่างชาติ ตลอดไป?
ไม่วิตกเกินเลยไป ยิ่งในสถานะการณ์การเมืองเช่นเวลานี้
เจริญพร
สวัสดีครับพี่เหลียงสิทธิรักษ์
ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่มาร่วมกระตุ้น เรื่อง เอกราชต่างๆ
มีหลายๆ อย่างที่เราต้องร่วมคิดครับ หากคิดไม่ได้ จะทำอย่างไรก็คงไ่ม่ได้ผลครับ การคิดได้เป็นจุดเริ่มที่ดี เพื่อจะบอกว่าทำได้หรือไม่ได้ หากทำไม่ได้ก็ต้องคิดหนักขึ้น ส่วนเรื่องของการทำนั้นก็ต้องดูว่าทำเพื่ออะไร
ขอบคุณพี่มากๆครับ
กราบนมัสการหลวงพี่BM.chaiwutครับ
กราบขอบพระคุณมากครับ หลวงพี่เชี่ยวชาญเรื่องกลอนนะครับ คราวนี้
ธรรมใช้ ดำเนิน ขอบพระคุณมากครับ