การนำหลักธรรม มาเป็นสื่อสอนเด็กที่มีความต้องการพิเศษ


หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่นำมาปรับใช้ในชีวิตประจะวันของพวกเราได้ทุกคน ขึ้นกับว่าเราจะนำหลักธรรมข้อไหนของพระองค์มาปรับใช้

                  เป็นความยากและท้าทายมากสำหรับการฝึกเด็กออทิสติกวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ที่ผู้ฝึกต้องมีสติ มีสมาธิตลอดขณะที่ทำการฝึก เพราะต้องจับประเด็นท่าทาง คำพูด น้ำเสียงของเด็กมาทำการวิเคราะห์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะ

                    ถึงได้บอกว่ายากและท้าทายตรงที่ว่า ผู้บำบัดจะนำสื่อวิธีการสอนอะไรมาเป็นสื่อกลางเพื่อพูดคุยในสิ่งที่เด็กเผชิญปัญหาอยู่ และเป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กกลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่เราเข้าถึงได้ยากเป็นเพราะเริ่มโตขึ้นมีความคิดเป็นของตนเอง ไม่อยากให้ใครมายุ่ง อยากมีโลกส่วนตัวทำอะไรได้ด้วยตนเอง เด็กออทิสติกของเราคนนี้ก็เช่นกัน ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากเพื่อนในวัยเดียวกันเลยอยากคิด อยากทำอะไรด้วยตนเอง แต่ก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วใช่ไหมคะว่า เด็กออทิสติกส่วนใหญ่มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ของตนเอง การปรับตัวในสังคม กาลเทศะในการพูด/แสดงพฤติกรรมต่างๆ และที่สำคัญเด็กกลุ่มนี้มักมีปัญหาในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การตีความในสิ่งที่เป็นนามธรรม

                     และสิ่งที่น้องคนนี้เผชิญอยู่คือการปรับตัวในชั้น ม. 1 ในโรงเรียนสองภาษา ในเรื่องการปรับตัวเข้ากับเพื่อน เพราะน้องมีพฤติกรรมไม่ชอบเวลาเพื่อนคุย รู้สึกรำคาญ พักกลางวันก็ชอบไปว่าเพื่อน จะสอบแต่ละทีก็มีความวิตกกังวล ร้องไห้ ท้อแท้ มองตัวเองในด้านลบว่าตนเองไม่มีความสามารถ จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านแต่ละครั้งก็เหมือนจะต้องไปเผชิญกับสิ่งที่ตนเองไม่ชอบมากๆ ปัญหาเหล่านี้ก็มาวนเวียนกลับไปมาขึ้นกับสถานการณ์ในแต่ละครั้งที่ผู้บำบัดทำการฝึก ดังนั้นผู้บำบัดก็ต้องใช้วิชาการให้คำปรึกษาร่วมด้วยในการฝึกน้องแต่ละครั้ง

                  ผู้บำบัดเองได้นำวิธีต่างๆมาใช้รวมถึงการนำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพูดคุยกับน้องเพียงแต่เราต้องมีเทคนิคในการพูดนิดนึง ออ!ลืมบอกไปว่าน้องเขามีความเชื่อว่าทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วมีแต่ได้ดี แค่คำพูดประโยคนี้ก็ท้าทายแล้วใช่ไหมคะว่าจะต้องมีวิธีที่แนบเนียนมากเพื่อที่จะนำหลักธรรมมาสอนน้อง นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ผู้บำบัดนำมาพูดคุยกับน้อง "ชีวิตคนเรามี 24 ชั่วโมง เท่ากัน แต่ทำไมเราต้องทำให้ตัวเรามีความทุกข์มากกว่าความสุขด้วย ถ้าเรามีแต่ความทุกข์เราก็ขาดทุน ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุข เรื่องไหนที่ทำให้เราทุกข์ใจก็ต้องรู้จักปล่อยวาง อย่าเอามาเก็บ/ถือ/แบก มันไว้ เพราะมันหนักทำให้เราเหนื่อยและทำให้เราเป็นทุกข์"

                  เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา ขณะที่ทำการฝึกน้อง น้องได้พูดออกมาว่า "ตอนนี้ น้องมีความสุขแล้ว เพราะรู้จักปล่อยวาง ไม่เอามาคิดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"  เมื่อได้ฟังประโยคนี้ ผู้บำบัดถึงกับอึ้ง เพราะคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่เราพูด เราสอนเขา วันหนึ่งจะได้ผลมากกมายขนาดนี้ ที่เราช่วยให้น้องสามารถคิดได้ด้วยตนเอง

                  ตรงนี้ก็อยากให้ผู้ปกครองทุกท่านใจเย็นๆในการสอนเด็กกลุ่มนี้นะคะว่า เด็กกลุ่มนี้เขามีความสามารถเหมือนเด็กทั่วไป เพียงแต่เขาต้องการคนเข้าใจ และสนใจเขามากหน่อย และที่สำคัญต้องให้เวลา แต่เมื่อใดที่เด็กกลุ่มนี้เข้าใจในสิ่งที่เราสอน ทั้งเด็กและผู้ปกครองก็จะเบาขึ้น และเป็นก้าวที่สำคัญที่ผู้ปกครองต้องฝึกให้เด็กคิดเหตุและผลด้วยตนเองให้ได้ เพื่อให้ลูกหลานของท่านใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

หมายเลขบันทึก: 162038เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2008 10:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท