คืนหนึ่งเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ผมเกิดอาการไข้หนาวสั่น สั่นจนกรามกระทบกันแบบไม่สามารถควบคุมบังคับได้ ใจก็ไม่ได้คิดว่าเป็นอะไรมากมายเพราะปรกติสุขภาพก็แข็งแรงดี ออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารก็ค่อนข้างระวังอยู่เสมอนะครับ แต่อาการดังกล่าวกลับเป็นมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ บางวันไข้สูงถึง 40 องศา ต้องกินยาลดไข้วันละหลายเม็ด ปวดหัวแบบรำคาญใจเป็นตลอดเวลา ผมปรึกษาเพื่อนหมอสองสามคนแต่ละคนก็ให้ความกรุณาผมอย่างดียิ่ง ผมต้องเจาะเลือดตรวจหลายอย่าง เอ็กซเรย์ปอด ฉีดยา กินยาหลายขนาน ก็ยังหาสาเหตุไม่พบว่าผมเป็นอะไรกันแน่ อาการผมยังเป็นเช่นเดิมคือ ไข้หนาวสั่นวันละอย่างน้อยสามเวลา แล้วก็ปวดหัวทุกครั้งที่มีไข้ ช่วงสองทุ่มเป็นช่วงทรมานที่สุดครับหนาวสั่นเหมือนนอนบนรถไฟเขย่าไปทั้งตัว
อาการยังคงเป็นเช่นนี้ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ถึงไม่เลวลงมากแต่ก็ไม่ดีขึ้น ที่สำคัญคือผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร? แล้วคืนหนึ่งผมได้รับโทรศัพท์จากหมอสุนีเพื่อนรุ่นน้อง ถามไถ่อาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็เล่าไปตามที่ผมเป็น มันไม่ได้มีอาการอะไรมากกว่าไข้หนาวสั่น ปวดหัวเลยครับ สุนีแนะนำว่ายังงัยพี่ก็น่าจะไปทำ อัลตร้าซาวน์ดูในท้องหน่อยเผื่อจะพบสาเหตุถึงจะไม่ปวดท้องก็น่าจะทำดู ผมเห็นด้วยเพราะคิดไม่ออกแล้วว่าจะเป็นอะไรได้
ผมได้รับการตรวจอวัยวะในท้องโดยเครื่องอัลตร้าซาวด์เมื่อวันที่ 25 มค 51 โดยความกรุณาของคุณหมอศุภร เจียรพีรพงศ์ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้นะครับ ระหว่างนอนหงายเปิดพุงให้คุณหมอศุภร ตรวจหาความผิดปรกติในช่องท้อง ผมก็นอนภาวนาในใจว่าขอให้พบสาเหตุที่เถอะจะได้รักษาให้ตรงไม่กลัวหรอกครับว่าจะเจออะไร แล้วในที่สุดคำภาวนาของผมก็เป็นผล
ผมมีฝีในตับขนาด 6-7 ซม. ซึ่งเป็นสาเหตุของไข้หนาวสั่นมา 10 กว่าวัน ขั้นต่อไปที่ต้องทำคือ ใช้เข็มเจาะเอาหนองออกโดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์นี่แหละครับเป็นตัวนำทางไม่ให้เข็มไปผิดทิศผิดทาง หมอศุภรโทรตามหมอสุนีเพื่อมาดูภาพฝีของผม ซักสิบนาที หมอสุนีก็มาถึงห้องอัลตร้าซาวด์ พร้อมโทรหา หมอแดง (หมออรวรรณ) มือโปรเจาะตับ ของโรงพยาบาลพุทธฯ พอหมอแดงมาถึงก็เตรียมอุปกรณ์ในการเจาะ ทายาปูผ้าหน้าท้องผม ตำแหน่งที่เข็มควรจะแทงลงไปคือบริเวณต่ำกว่าลิ้นปี่ซัก 1 นิ้วเห็นจะได้ครับ หมอแดงฉีดยาชาให้ผมจนไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไร มีแต่ตึงๆแน่นๆ ผมต้องหายใจเข้าลึกมากๆแล้วก็กลั้นใจไว้เท่าที่จะทำได้ขณะที่หมอแดงแทงเข็มผ่านผิวหนังไปสู่ตำแหน่งของฝีในตับ หมอแดงดูดหนองจากฝีในตับผมครั้งแล้วครั้งเล่า ชั่วขณะจิตนั้นเอง ใจผมหวนกลับไปเห็นภาพเมื่อผมอายุราว 10 ขวบคุยกับแม่ของผม ว่าผมอยากกินปูทะเลผัดน้ำพริกเผา แม่ผมพยายามบอกว่ามันยังเป็นๆอยู่นะลูก กินปูม้าก็ได้ ผมไม่ยอม ผมจะกินปูทะเลให้ได้ ผมจะเป็นคนทำให้มันตายเอง ผมเห็นภาพตัวผมเอาเหล็กแหลมแทงลิ้นปี่ปูทะเล ขณะที่ลิ้นปี่ผมเองกำลังโดนเหล็กแหลมแทงอยู่เช่นเดียวกัน ผมเล่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะงมงายอยากโทษเวรกรรมที่ทำให้ผมเป็นเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ก็สอนผมว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ทำร้ายชีวิตใครอีกแล้วไม่ว่าเรื่อง "กรรม" นี่จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่เป็นห่วงนะครับ ตอนนี้ผมสบายดีแล้ว