07 : การตั้งอยู่นานของกายที่เกิดแล้ว



การตั้งอยู่นานของกายที่เกิดแล้ว


หลังจากกายมนุษย์คลอดออกมาจากครรภ์แม่  หากกายยังไม่ได้รับการปฏิสนธิ กายนั้นจะสลายไป

(การปฏิสนธิจะเกิดได้ในระหว่างตั้งแต่ ไข่กับอสุจิปฏิสนธิกันมาจนถึง หลังจากคลอดแล้วเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมง  หรือว่า หลังจากที่กายประกอบด้วยห้าปุ่มแล้ว มาจนถึงหลังจากคลอดแล้วเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมง?   ตอบว่า ไม่รู้  เพราะนี่คือจินตนาการ  อันไหนคิดได้ก็เล่า คิดไม่ได้ก็ไม่รู้ข้อจะเล่าจะตอบ  และอันที่เล่าออกมา ก็ไม่ใช่ความจริง เป็นเพียงความคิดคาดเดาไปตามประสานักตรึกนักตรอง)

หลังจากกายมนุษย์คลอดออกจากครรภ์แม่ และได้รับการปฏิสนธิจากวิญญาณ  กายนี้หากขาดกวฬิงการาหารเลี้ยงไว้ จะตั้งอยู่ต่อไป หรือว่าจะดับไป?   ก็น่าจะดับไปนะ  ตอบไปให้มั่นใจกว่านี้ว่า เอ้า เมื่อขาดกวฬิงการาหารแล้ว มันก็จะตายล่ะ

การรับกวฬิงการาหาร ในระหว่างอยู่ในครรภ์กับอยู่นอกครรภ์นั้นต่างกัน   ในขณะอยู่ในครรภ์กวฬิงการาหารผ่านทางสายรก เหมือนหมอให้น้ำเกลือคนไข้  ผู้รับอาหารจะมีเจตนาจะรับหรือไม่ กายก็ได้รับกวฬิงการาหาร  กายก็ตั้งอยู่

แต่ตอนอยู่นอกครรภ์ หากกายขาดวิญญาณ  การสัมผัสด้วยถันแม่และปากทารก จะไม่ได้รับการตอบสนองให้การดูดดื่มน้ำนม รับอาหารไปหล่อเลี้ยงกาย สุดท้ายกายก็ตายไป  ผัสสะที่กระทบแล้วจะกระตุ้นวิญญาณให้ทำงานรันโปรแกรมอัตโนมัติในการดูดดื่มนม

ก็หากกล่าวว่ามันเป็นแต่อาศัยสมองรับการกระตุ้นจากผัสสะแล้ว สมมติกายไม่มีวิญญาณปฏิสนธิอยู่ มันกระทบกับสิ่งใด มันก็ไม่รับรู้สิ่งนั้น แม้มีสมองอยู่ ก็ไม่ตอบสนอง ก็แสดงว่า การดำรงอยู่ต้องอาศัยวิญญาณเลี้ยงไว้ด้วยอย่างนี้ โดยวิญญาณจะมีส่วนสัมพันธ์ต่อการควบคุมการรับอาหารมาหล่อเลี้ยง ร่วมกับมโนสัญเจตนาหารบ้าง ผัสสาหารบ้าง กวฬิงการาหารบ้าง  การรับอาหารทั้ง๔อย่าง ไม่ได้เป็นไปตลอดขณะ  หากแต่เป็นไปเป็นคาบๆ  เป็นคาบเวลาที่สามารถดำรงสภาวะ หรือ ภวะแห่งความเป็นมนุษย์ไว้ได้  มันก็จะไม่ตาย  เช่นว่า ลมหายใจ  ไม่ได้หายใจเข้าตลอดขณะ แต่หายเจ้ารับอาหารเข้าไปเป็นจังหวะ มีคาบเวลาต่างๆกันในต่างๆบุคคล

และลักษณะของการรับอาหารนี้ จะเกี่ยวข้องกับปริมาณอาหารที่ได้รับ   ทำให้สัตว์ผู้มีคาบเวลาในการหายใจ ในการกินการดื่ม ในการนึกคิด การกระทบสัมผัส การตั้งเจตนา การรับรู้ต่างกัน มีอายุขัยไปต่างๆกัน  เพราะ ได้รับอาหารต่างกัน

อาหารทั้ง๔อย่าง  ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็ไม่ได้  หากขาดไป ก็ขาดการสืบต่อแห่งอาหาร

หากทำการทดลองว่า
มนุษย์จะอยู่โดยไม่รับอาหารคือก้อนข้าว และน้ำดื่มได้นานที่สุดเท่าใด?  ผลการทดลองจะออกมาเป็นอย่างไร  มีความเที่ยงแท้แห่งคำตอบหรือไม่ว่า อยู่ได้เพียงหนึ่งวัน สองวัน หนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์

หรือว่า มนุษย์จะสามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่รับอาหารคือลมหายใจ ได้นานที่สุดเท่าใด?
มนุษย์จะสามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่อาศัยผัสสะ การกระทบสัมผัสรู้ในความเป็นมนุษย์ ในโลกมนุษย์นี้ นานที่สุดเท่าใด?
หรือว่า มนุษย์จะสามารถดำรงอยู่ในโลกมนุษย์ได้โดยไม่อาศัยเจตจำนงอันตั้งไว้ภายในใจว่าจะดำรงอยู่?  หรือว่า
มนุษย์จะสามารถดำรงอยู่ในความเป็นมนุษย์ได้ โดยขาดวิญญาณ ได้นานที่สุดเท่าใด?

หรือจะทำการทดลองว่า
อาหารประเภทกวฬิงการาหารต่างๆ  มีผลทำให้กายมนุษย์ หรือความเป็นมนุษย์ตั้งอยู่ได้นานเท่าใด?   ลมหายใจ ทำให้กายมนุษย์ตั้งอยู่ได้นานเท่าใด?  วิญญาณาหาร ทำให้ความเป็นมนุษย์ตั้งอยู่ได้นานเท่าใด? ผัสสาหาร ทำให้ความเป็นมนุษย์ตั้งอยู่ได้นานเท่าใด?  มโนสัญเจตนาหาร ทำให้ความเป็นมนุษย์ตั้งอยู่ได้นานเท่าใด?

ไม่เคยได้ยินว่า มีนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ทำการทดลองในปัจจัยแห่งอาหารอีก3อย่างที่เหลือจากกวฬิงการาหาร   นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน เห็นเหตุปัจจัยของการตั้งอยู่นานของอายุมนุษย์มาจากการประมาณอาหารหยาบๆ
อย่างเดียวเท่านั้น
 

ด้วยเหตุนี้ วิทยาศาสตร์ปัจจุบัน จึงยังไม่อาจอธิบายปรากฏการณ์บางอย่าง เช่นการดำรงอยู่ตลอดหนึ่งปี สองปี สิบปี หรือร้อยปีของเหล่าฤาษีผู้เข้าฌานสมาบัติ อธิษฐานให้ความเป็นมนุษย์ยังสืบต่อไปเองอยู่


ไม่ใช่แต่เรื่องร่างกายมนุษย์นี้เท่านั้น  ยิ่งขยายความรู้ออกไปสู่เรื่องการดำรงอยู่ของโลกมนุษย์กลมๆนี้  การดำรงอยู่ของจักรวาล ของแกแล็กซี่  นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ก็ไม่อาจมองเห็นปัจจัยหล่อเลี้ยงสิ่งเหล่านั้นให้ตั้งอยู่เกินกว่าอาหารหยาบๆ คือ การไหลเข้าไหลออกของอณูแห่งธาตุ หรือปรมณูแห่งธาตุ แล้วทำปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงหล่อเลี้ยงสภาวะนั้นๆให้ดำรงอยู่ได้   นักวิทยาศาสตร์ เมื่อประมวลปัจจัยในการศึกษามาไม่ครบ การคาดคำนวณเหล่านั้น ก็มีอันผิดพลาดไปมากมาย

แม้เมื่อน้อมเรื่องความรู้ในพระพุทธศาสนาเข้ามาประกอบบ้าง เรื่องอาหารอันปราณีต อันเป็นนาม เป็นระดับพลังงานพื้นฐานของสรรพสิ่ง   อันไม่อาจตรวจวัดได้โดยง่ายด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน  พลังงานบางอย่าง อันส่งออกจากจิตและรับรู้ได้ด้วยจิต
ผลกระทบของการไหลวนของพลังงานอันออกมาจากจิต และไหลเหล่าสู่จิตเป็นกระแสที่แปรปรวนอยู่ในอากาศ อันเกี่ยวพันไปกับธาตุ๔ ในกายแห่งสัตว์  ในภพแห่งสัตว์ จักรวาลแห่งสัตว์ ในโลกธาตุแห่งสัตว์ และในโลกแห่งสัตว์ สิ่งเหล่านั้น นักวิทยาศาสตร์ไม่อาจแลเห็น และไม่อาจรู้ผลกระทบได้เลย


หมายเลขบันทึก: 159514เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2008 11:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดี  เรื่องที่คุณมนต์นำมาบันทึกไว้ทำให้ต้องกลับมาอ่านให้เนียนจนถึงตอนที่ ๗ เป็นเรื่องอยากแก่การเข้าใจแต่คนที่ทึกทักเอาว่าตนเป็นผู้รู้..ก็ต้องมีภูมิเรื่องเหล่านี้มีเวลาบันทึกมาอีกนะครับ แม้ว่าผมเพียงต้องการเข้าถึงแก่นแห่งความเป็นปุถุชนให้ถึงที่สุด แต่วันหนึ่งอาจเดินเลยไปก็ได้ดังนั้นจึงขอตั้งสุตตะเรื่องนี้ไว้ ขอบพระคุณครับ (มีตอนต่ออีกไหม?ครับ)

สวัสดีค่ะ คุณเดโชชัย  
เรื่องที่เอามาลง หากพอเป็นประโยชน์บ้าง  แม้ว่าแม้เพียงหนึ่งคนจะเห็น
คุณค่ามันบ้าง  ... จะนำมาลงให้อ่านต่อนะคะ

ขอให้ท่านผู้อ่านด้วยดี ได้รับสิ่งที่ดีตามที่ท่านตั้งหวังไว้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท