หน้าแรก
สมาชิก
prasarn s.
สมุด
การเตรียมความพร้อ...
ถอดรหัสทุกข์ 3 ปี...
prasarn s.
ประสาร สถานสถิตย์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ถอดรหัสทุกข์ 3 ปี"สึนามิ"..!!! แผลร่างกาย-จิตใจ ไร้การเยียวยา (สกู๊ปแนวหน้า)
การเยียวยา
"
สึนามิ"
ทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวดของผู้ต้องสูญเสีย แม้ว่าเวลาความโศกเศร้าจะผ่านมา
3
ปีแล้ว แต่ความทรงจำอันเจ็บปวดยังฝั่งอยู่ในหัวใจชาวบ้าน บางส่วนยังมีปัญหาสุขภาพ
สาเหตุการตาย รวมทั้งอุบัติการณ์โรคใหม่ ให้กับผู้ที่ประสบกับเหตุการณ์สึนามิ...!!!
กลุ่มที่
1
กลุ่มอาการเจ็บป่วยภายนอกที่ได้รับบาดแผลภายนอกในช่วงประสบภัยสึนามิ เช่น
อาการกระดูกแตก เอ็นขาดต้องต่อเอ็น บาดแผลที่นิ้วมือนิ้วเท้า แขนหรือขาและลำตัว
ปัจจุบันบาดแผลมีอาการอักเสบเป็นบางครั้ง บวม คัน มี หนอง บางครั้งมีอาการปวดเจ็บ
และยังต้องทำกายภาพบำบัดอยู่ พบที่บ้านน้ำเค็ม
10
ราย เกาะคอเขา
1
ราย เกาะพีพี
10
ราย ชุมชนหาดประพาส
1
ราย ชุมชนชัยพัฒนา
1
ราย
ซึ่งเป็นชาวไทยใหญ่ฐานะยากจนมีอาการเป็นแผลเรื้อรังที่ชาวบ้านเรียกว่า"เป็นรวด"ไม่ได้รับการรักษา
และดูแลอย่างถูกต้อง
กลุ่มที่
2
กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจ และปอด มีอาการ สำลักน้ำทะเลในช่วงคลื่นสึนามิ ภายหลัง
6-12
เดือน จึงแสดงอาการ เช่น ไอบ่อย ไอเรื้อรัง หายใจลำบาก ปอดติดเชื้อ
บางคนไปตรวจ ช่วงแรกไม่พบอะไร ภายหลังพบว่าเป็นวัณโรค และปอดพรุน
มีจำนวนมากบริเวณบ้านน้ำเค็ม เกาะคอเขา ชุมชนชัยพัฒนา
และมีคนตายจากอาการดังกล่าวแล้วประมาณ
15
คน
กลุ่มที่
3
กลุ่มผู้ป่วยอัมพฤกษ์พบจำนวน
2
รายที่ตำบลเกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
และอีก
1
รายที่บ้านตันหยงกลิง ต.เกาะสาหร่าย จ.สตูล
สาเหตุจากการวิ่งหลบหนีคลื่นสึนามิ
กลุ่มที่
4
กลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพ พบว่าผู้ประสบภัยยังมีภาวะหวาดกลัวคลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว
และภาวะโศกเศร้า กับการสูญเสียญาติ
โดยทั่วไปการศึกษาพบผู้ประสบภัยที่มีอาการกลัวคลื่น และแผ่นดินไหวมาก
อยู่ในภาวะเครียดหวาดกลัวไม่กล้าอยู่ใกล้ทะเลเก็บตัวอยู่คนเดียว ร้องไห้
หรือเป็นลมหมดสติ เมื่อทราบข่าวแผ่นดินไหว พบอาการค่อนข้างหนัก
5
รายที่บ้านน้ำเค็ม
และเกาะคอเขา จังหวัดพังงา สตูล
2
ราย ตรัง
1
ราย กระบี่
3
ราย
มีอาการกังวลมากส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่โดนคลื่นโดยตรง
กลุ่มที่
5
กลุ่มอาการความดันโลหิต เบาหวาน และโรคหัวใจ
ซึ่งพบกลุ่มอาการดังกล่าวนี้มากที่บ้านน้ำเค็ม และปากบารา บางรายมีอาการอ้วนผิดปกติ
ชุมชนพบว่า เป็นมากขึ้นหลังสึนามิ โดยเฉพาะพื้นที่ได้รับผลกระทบหนัก
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง และมีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง...!!!
"
แผลเม็ดทรายในเนื้อเยื่อ"
เป็นอีกหนึ่งโรคใหม่ คือ
แผลเม็ดทรายในเนื้อเยื่อของผู้ประสบภัย ผศ.ดร.ภก.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)
ได้ให้ข้อมูลว่ากรณีแผลที่มีเม็ดทรายฝังในเนื้อเยื่อเกิดจากเม็ดทรายมากับคลื่นที่พัดโหมกระหน่ำด้วยความเร็วสูง
กว่า
800
กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งเป็นเม็ดทรายละเอียดมาก
จึงสามารถทะลุทะลวงเข้าในบาดแผลของร่างกาย และเข้าลึกสู่เนื้อเยื่อข้างในได้
ผู้ป่วยที่มีบาดแผลจากเหตุการณ์สึนามิหลายคน สงสัยว่าทำไมถึงเป็นแผลเรื้อรัง
เพื่อเป็นการหาข้อเท็จจริง
จึงได้มีการเปิดปากแผลใหม่
เพื่อดูว่าในแผลมีอะไร มีการติดเชื้ออะไรบ้าง ปรากฏว่ามีเม็ดทรายเม็ดเล็กๆ
ฝังอยู่ในเนื้อเยื่อ จึงทำให้แผลเกิดการอักเสบ
การรักษาบาดแผลจะใช้วิธีเปิดปากแผลทำความสะอาด
และใช้ยาปฏิชีวนะช่วยในการรักษาร่วมด้วย
มาตรฐานทางการแพทย์โดยทั่วไปของการรักษาแผลฉีกขาด คือ
ทำความสะอาดบาดแผลและเย็บแต่ต้องดูในแต่ละกรณีด้วย
อย่างกรณีสุนัขกัดทำความสะอาดเปิดปากแผลไว้ก่อน เพราะมีเชื้อโรค
ส่วนบาดแผลที่โดนหิน หรือปะการังบาดจากการเล่นน้ำก็ไม่เป็นไร
ผู้ที่ได้รับบาดแผลจากสึนามิก็ไม่ได้เป็นกันทุกคน
ความเสี่ยงจะมีเฉพาะผู้ที่โดนคลื่นยักษ์ ซึ่งมีความเร็วกระแทกอย่างแรงเท่านั้น
โดยแผลที่มีเม็ดทรายอยู่ในเนื้อเยื่อจะมีลักษณะบวมแดง ปูดอักเสบขึ้นมา
ซึ่งปากแผลจะเล็กแต่ข้างในกว้าง การรักษา คือ
เปิดปากแผลกว้านเนื้อเยื่อข้างในออกให้หมดแล้วทำการรักษาใหม่
กรณีนี้จะไม่มีการเย็บบาดแผลจะรักษาแบบแผลเปิด
ในปัจจุบันได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่มีเม็ดทรายในเนื้อเยื่อหมดแล้ว
ส่วนในกรณีที่เสียชีวิตนั้นผู้ป่วยอาจจะได้รับโรคอย่างอื่นแทรกซ้อนมากกว่า
แต่จะไม่มีการเสียชีวิตจากบาดแผลนี้
ด้าน นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์
รองสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต บอกว่า การศึกษาการเก็บวิเคราะห์ข้อมูล จากงานวิจัยต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพจิต และการให้ความช่วยเหลือ ปัญหาสุขภาพ
และการฟื้นฟูสุขภาพของผู้ประสบภัย ซึ่งทำขึ้นหลังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ เกือบ
3
ปี
เก็บข้อมูลเดือนกันยายน
2550
โดยที่คนส่วนมากอาจจะคิดว่าผู้ประสบภัยไม่มีปัญหาแล้ว
เพราะทุกคนได้ย้ายเข้าบ้านถาวร และกลับไปประกอบอาชีพได้ดังเดิม
จากการสำรวจพบว่าผู้ประสบภัยยังมีปัญหาสุขภาพจิตอยู่
และบางคนมีปัญหาค่อนข้างรุนแรง แต่ปฏิเสธการรักษา
การศึกษาในครั้งนี้ได้รับแรงกระตุ้นจากการบอกเล่าของชุมชนใน อำเภอตะกั่วป่า
จังหวัดพังงา ว่าชาวบ้านยังมีปัญหาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากการกลืน และสำลักน้ำคลื่นสึนามิ
ชาวบ้านบางคนกลับไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานของรัฐบาล
แม้ว่าจะพยายามไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาล
ก็ไม่ได้รับการตรวจอย่างละเอียดทำให้ผู้ประสบภัย
โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยกลืนหรือสำลักน้ำคลื่นสึนามิ
ทยอยเสียชีวิตผู้ประสบภัยมีความรู้สึกว่ายังไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างแท้จริง
จึงควรให้ความสนใจปัญหานี้ โดยดึงให้ชุมชน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น
ซึ่งมีบทบาทด้านการดูแลสวัสดิการของชาวบ้าน รวมทั้งปัญหาสุขภาพของชุมชน
เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความกังวลเรื่องความเจ็บป่วยเรื้อรัง
"
กลุ่มที่สำลักน้ำโคลนในช่วงคลื่นสึนามิมีอาการป่วยเรื้อรัง การไอรุนแรง
มีเสมหะสีเขียว มีอาการหายใจแล้วเจ็บภายใน บางรายตรวจพบเป็นเชื้อวัณโรค
หลายรายเสียชีวิต ชุมชนตั้งข้อสงสัยว่า น้ำโคลนและน้ำสกปรกที่เกิดจากห้องน้ำพัง
หรือที่อยู่ในชุมชนเมืองสะสมเชื้อโรค"นพ.วิวัฒน์ กล่าว
เสียงสะท้อนจากชาวบ้านที่มีความกังวล
กับปัญหาสุขภาพจากการกลืนน้ำโคลนในสึนามิและการสูดดมกลิ่นโคลน
และการสัมผัสสิ่งสกปรกระหว่างการคุ้ยหาศพญาติท่ามกลางกองศพ
ปัญหาสุขภาพทางกายที่เชื่อว่าเป็นผลต่อเนื่องมาจากสึนามิที่ภาครัฐต้องหันมาแลอีกครั้ง!!!
[email protected]
เขียนใน
GotoKnow
โดย
prasarn s.
ใน
การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
คำสำคัญ (Tags):
#สุขภาวะชุมชน
หมายเลขบันทึก: 158347
เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2008 22:10 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:23 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
prasarn s.
สมุด
การเตรียมความพร้อ...
ถอดรหัสทุกข์ 3 ปี...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท