9-10 มกราคม 50 (วันครึ่ง) นี้มีภารกิจปฏิบัติหน้าที่เป็นกองเลขานุการผู้ประเมินคุณภาพภายใน สำนักวิทยบริการ (ห้องสมุด) คณะกรรมการประกอบด้วย 1) อาจารย์ ดร.ขวัญชฎิล พิศาลพงศ์ จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 2) ศาสตราจารย์นายแพทย์เฉลิม วราวิทย์ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 3) รองศาสตราจารย์จิตเจริญ ไชยาคำ จากศูนย์พัฒนาและประกันคุณภาพ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
หลังจากต้อนเช้าพบผู้บริหาร บุคลากร และชี้แจงแนวทางเสร็จ 10.00 น. ทีมกรรมการก็ขอเดินทางไปดูสำนักฯที่ตั้งเดิม ที่ตั้งศรีสวัสดิ์ (ม.เก่า)
ท่านอาจารย์เฉลิม วราวิทย์ ขอให้เจ้าหน้าที่ลองค้นหาหนังสือผ่านระบบ IT ที่เกี่ยวกับ “แพทย์แผนไทย” ปรากฏรายการทุกเล่ม คือ “อยู่บนชั้น” หมายถึงไม่มีใครยืม จึงทำให้ผู้ที่เป็นอาจารย์ต้องกลับมาคิดถึงข้อสอบที่ออก เช่น จาก 10 ข้อ นั้น ออกจากเอกสารที่แจกในชั้น 9 ข้อ อีก 1 ข้อ ออกจากหนังสือตำรา
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่นิสิตเล่ากันปากต่อปากจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องว่า “ไม่ต้องไปยืมหนังสือมาอ่านเลย อ่านเฉพาะเอกสารที่อาจารย์แจกก็พอแล้ว”
เรื่องการรักการอ่าน ใฝ่เรียนรู้ และมีคุณลักษณะชอบสืบค้นหาความรู้นี้ เป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่วนหนึ่งฝ่ายผมที่ดูแลกการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ต้องมาทบทวนตัวเองด้วย รอไปจนถึงระดับอุดมศึกษาก็จะเกิดปรากฏการณ์เช่นว่านั้น เรื่องเล็ก ๆ นี้สะท้อนภาพสังคมใหญ่ ๆได้ ถ้าคิดถึงว่าเราจะมีคนเช่นนี้ดูแลประเทศชาติต่อไป มันก็เป็นอะไรที่เลวร้ายมาก
หลังจากการไปศึกษาดูงานของ โรงเรียนรุ่งอรุณ
ได้คำตอบที่เป็นทางเลือกหนึ่งครับ กับ "Action Learning"
ถึงแม้ผมจะไม่ใช่อาจารย์ผู้สอน แต่กระบวนการนี้ก็สามารถนำมาปรับกระบวนท่าการทำงานได้ครับ
ขอบคุณครับคุณไร้วรยุทธ์
คงต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ ทั้งศาสตร์ที่เรียน ทั้งศาสตร์ทักษะชีวิต โดยเฉพาะการอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
สวัสดีครับครูหนุ่ม
คงต้องพึ่งกระบวนการสร้าง input จากระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่งต่อมาสู่ระดับอุดมศึกษา
คงไม่มีใครโทษใคร แต่ร่วมกู่สร้างสรรค์ พัฒนาการศึกษาสู่มาตรฐานครับ
ขอบคุณครับ