ในโลกแห่งการทำงาน ขอให้เราทุกคนทำตนเองว่า ที่เราทำงานทุกวันนี้ เราแค่ทำให้เสร็จหรือทำให้สำเร็จ ถ้าทำให้เสร็จคือทำขอไปที งานก็จะไม่เป็นที่ประจักษ์กล่าวขาน ไม่เป็นประจักษ์พยานของความรู้ความสามารถ แต่ถ้าทำสำเร็จตามคุณธรรมทั้งสี่ประการ งานก็จะเป็นเวทีแสดงออกซึ่งศักยภาพ สติปัญญาของเรา พร้อมกันนั้นก็จะเป็นอนุสาวรีย์แห่งชีวิตอันงดงามด้วย
ท่านคิดว่าหลักธรรมใดที่จำเป็นในการทำงาน
ตามคำสอนพระพุทธเจ้าท่านทรงแนะให้ปฏิบัติตามหลักอิทธิบาท 4
อิทธิบาท แปลว่า หลักพื้นฐานแห่งความสำเร็จ หรือทางสู่ความสำเร็จ
ประกอบด้วย
1.มีใจรัก
2.พากเพียรทำ
3.จดจำจ่อจิต
4.วินิจวิจัย
มีใจรัก คือ ทำงานด้วยใจรักงาน ใครที่ทำงานด้วยใจรักถือว่าสำเร็จไปกว่าครึ่ง สิ่งตามมาคือความสุขจากการทำงาน
"ความรักในงานเป็นสะพานไปสู่ความสุข เมื่อใจรักงาน ก็ไม่สะทกสะท้านต่อความลำบาก"
พากเพียรทำ
รักแล้วต้องขยัน ความรักในงานจะทำให้เรารู้ว่าจะทำงานอะไร การทำงานถ้าขาดความขยันจะทำให้ขาดความชำนาญ
"ความเพียร ทำให้เกิดทักษะ เบาสบาย ราบรื่น งานก็ไม่เป็นทุกข์ "
จดจำจ่อจิต คือ ทำอะไรก็ตามต้องเจาะลงไป ปักใจสิ่งนั้นอย่างลึกซึ้ง อย่างมุ่งมั่น อย่างจริงจัง และอย่างทุ่มเท
"ใครก็ตามที่ทำงานด้วยการเอาใจจดจ่ออยู่กับงานนั้น คนนั้นจะประสบความสำเร็จ"
วินิจวิจัย คือ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ พัฒนา
"ความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าเรารู้ เรามอง เรามีสติ "
ดังนั้นในโลกแห่งการทำงาน หากต้องการทำงานให้สำเร็จก็ต้องมี
หนึ่ง ฉันทะ คือมีใจรัก
สอง วิริยะ คือพากเพียรทำ
สาม จิตตะ คือจดจำจ่อจิต
สี่ วิมังสา คือ วินิจวิจัย
ในโลกแห่งการทำงาน ขอให้เราทุกคนทำตนเองว่า ที่เราทำงานทุกวันนี้ เราแค่ทำให้เสร็จหรือทำให้สำเร็จ ถ้าทำให้เสร็จคือทำขอไปที งานก็จะไม่เป็นที่ประจักษ์กล่าวขาน ไม่เป็นประจักษ์พยานของความรู้ความสามารถ แต่ถ้าทำสำเร็จตามคุณธรรมทั้งสี่ประการ งานก็จะเป็นเวทีแสดงออกซึ่งศักยภาพ สติปัญญาของเรา พร้อมกันนั้นก็จะเป็นอนุสาวรีย์แห่งชีวิตอันงดงามด้วย
ส่วนหนึ่งของ: ศิลปะแห่งการทำงานอย่างมีความสุข
ท่าน ว.วชิรเมธี