อิ่มกาย นั้น ทุกคนย่อมแสวงหากันอยู่ทุกๆ วันอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการกิน การซื้อของเพื่อมาประดับตัวให้ดูดี ดูมีค่าราคา แล้วอิ่มใจคืออะไร
อิ่มใจหลายคนได้อิ่มแล้ว หลายคนไม่อิ่ม หลายคนไม่รู้ว่าอิ่มรึยัง อันนี้น้องนางก็ยังไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้ทำบุญแล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรแล้ว รู้สึกโล่ง แต่ว่าก็ยังอยากทำบุญอีก จึงคิดว่าคงยังไม่อิ่มใจ แต่ว่าอิ่มกายนั้น ได้กินอิ่มทุกวันค่ะแค่มีข้าวกินอิ่มแบบนี้ก็ดีใจแล้ว อิอิ
วิธีการทำบุญ ๑๐ ประการอย่างย่อ |
๑. การเอื้อเฟื้อ ให้ปัน |
๒. การรักษาศีล |
๓. การทำใจให้สงบ ทำปัญญา ( ความรู้แจ้งเห็นจริง)ให้เกิดขึ้น |
๔. การอ่อนน้อมหรือแสดงคารวะ |
๕. การขวนขวายในกิจการที่ชอบที่ควร คือ ช่วยผู้อื่น หรือ ช่วยงานสาธารณะ |
๖. การให้ส่วนบุญ คือการแบ่งส่วนบุญให้ผู้อื่น |
๗. การพลอยยินดีในการทำความดีของผู้อื่น |
๘. การฟังธรรมหรือฟังคำแนะนำอันเป็นธรรม |
๙. การแสดงธรรมหรือให้คำแนะนำอันเป็นธรรม |
๑๐. การทำความเห็นให้ถูกให้ตรง (ตามทำนองคลองธรรม) |
ขอสนับสนุนคนไอทีมีธรรมะในหัวใจครับ
ดีใจจัง ไม่นึกว่าจะมีคนมาร่วมตอบ เพราะเพิ่งสร้างบล็อคค่ะ
เท่าที่ทำความเข้าใจมาก็นานเหมือนกันค่ะ การทำบุญแล้วได้บุญนั้นมีอยู่ 3 ประการโดยเรียงจากน้อยไปหามาก คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา ซึ่งการให้ทานเราทำกันได้ง่ายไม่ว่าจะทานน้อยทานมากก็ได้บุญ แต่การได้บุญในที่นี้ ขอหมายถึงว่า เจ้ากรรมนายเวรนั้นได้บุญนะคะ(เพราะตัวเราทำบุญแล้วจิตใจสงบมีความสุขก็ถือว่าบุญถึงเราแล้วค่ะ)
การให้ทาน แล้วกรวดน้ำไปให้เจ้ากรรมนายเวร ก็เปรียบเสมือนกับการส่งสินค้าทางเรือกว่าจะถึงผู้รับก็เป็นเดือน แต่การทำบุญโดยการรักษาศีลก็จะทำให้ผู้รับได้บุญเร็วขึ้น ส่วนการทำบุญด้วยการภาวนา ยิ่งเร็วขึ้นไปอีกค่ะ ยิ่งถ้าเราทำบุญด้วยกันทั้ง 3 อย่างแล้วผู้รับได้รับผลบุญเร็วเหมือนดิดจรวดเลย ค่ะ ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ว่าผู้รับได้รับผลบุญแล้ว...โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ