พลังประชาชนขอจัดตั้งรัฐบาล ให้ดีไหม


คำเตือน ความเรียงชิ้นนี้ เขียนคิดบนทัศนะคติ และความคิดเห็นทางการเมือง ของผู้เขียน ดังนั้นจึงมีลักษณะโน้มเอียง วิพากษ์วิจารณ์ กระแหนะกระแหน ประชดประชัน ต่อบทบาทท่าทีทางการเมืองของพรรคพลังประชาชน จึงขอนำเรียนเพื่อสร้างความเข้าใจก่อนการอ่าน และ กรุณาละไว้ในฐานที่เข้าใจ ถึงพื้นที่ของทัศนะคติความคิดเห็นทางการเมือง ว่าไม่ใช่ความแตกแยก แต่เป็นความแตกต่างและหลากหลายของความคิดเห็น ขอขอบพระคุณผู้อ่าน และผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นทุกท่านครับ ขอบพระคุณครับ

พลังประชาชนขอจัดตั้งรัฐบาล ให้ดีไหม

อ้างอิง - ภาพ http://www.lomography.com/folkways

วันวานในวันอาทิตย์

นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี

แถลงข่าวในนามพรรคพลังประชาชน

โดยระบุว่าในสัปดาห์สุดท้าย พรรคพลังประชาชนจะใช้คำกล่าวหาเสียง เพื่อขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนคนไทย ผู้มีสิทธิมีเสียงเลือกตั้ง โดยระบุว่า พรรคพลังประชาชนขอคะแนนเสียง 240 เสียง หรือจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวม 240 คน เพื่อให้มีคะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่ง

เพื่อจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

โดยเป็นการจัดตั้งรัฐบาล

ลำพังเพียงพรรคเดียว

รวมทั้งในการรณรงค์หาเสียงครั้งนี้ นอกจากการขอ คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ยังขอว่า ถึงเวลาเลิกทะเลาะกันแล้ว ได้เวลาทำให้ประชาชนคนไทยร่ำรวย พรรคพลังประชาชนจะเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ทำให้คนไทยร่ำรวย นำเศรษฐกิจของชาติกลับมาเจริญรุ่งเรือง

พอผมฟังประโยคหาเสียงโค้งสุดท้าย

ผมบังเกิดความฉงนสนเท่ห์

ว่าผมกำลังฟังคำขวัญ

หรือคำหาเสียงของพรรคไทยร่ำรวยกันแน่ เพราะสำนวนคำเขียน รูปประโยค และเนื้อหาคลับคล้ายคลับครากับพรรคไทยร่ำรวย เหมือนดั่งใช้คนเขียนบทคนเดียวกัน หรือกระทั่งประโยคที่ คุณปฐม อัญสกุล หัวหน้าพรรคไทยร่ำรวย

ซึ่งปัจจุบันพักร้อนอยู่ภายในเรือนจำกลาง

ในคดีแชร์ข้าวสาร

ได้กล่าวหาเสียงในฐานะหัวหน้าพรรคไทยร่ำรวย กล่าวหาเสียงผ่านทางสถานีโทรทัศน์ กับลีลาน้ำเสียงของหมอสุรพงษ์ แทบจะเหมือนถอดพิมพ์เดียวกันมาอย่างกับแกะ ถอดแบบถอดลีลา เหมือนผู้จัดการบริษัทขายตรงชื่อดัง ขายทั้งความฝัน ขายทั้งความหวัง รวย รวย รวยครับพี่น้อง

คล้ายกันจนน่าหวั่นใจ

จนตระหนกตกใจไปเองว่า

สงสัยพรรคพลังประชาชนกำลังควบกิจการ

สงสัยในขณะนี้พรรคพลังประชาชน ได้ติดต่อทำสัญญาทางลับกับพรรคไทยร่ำรวยหรือไร จึงไปนำคำโฆษณาทางการเมืองของพรรคนี้ มากล่าวอ้างเพื่อเข้าโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 เหมือนเช่นที่อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เคยพยายามทำมาตลอดอายุการเป็นรัฐบาล

ควบได้เป็นควบ รวมได้เป็นรวม

ยุบได้ก็ยุบรวมกันให้หมด

ซื้อได้ก็ซื้อ

ทำทุกวิธีทางที่จะให้พรรคการเมืองผูกขาดอำนาจ เหมือนอาการท้องผูกทางการเมือง ทำให้พรรคไทยรักไทยผูกขาดอำนาจทางการเมือง ยุบรวมกินรวบ และผูกขาดอำนาจการเมืองไทย เถลิงอำนาจจนประชาชนต้องออกมาร้องเพลงไล่ กระทั่งทหารขี่รถถังสีขาว รถเกราะสีเขียว ต้องมีการสวนระบายทางการเมืองด้วยการทำรัฐประหาร

ยิ่งฟังยิ่งบังเกิดความสงสาร

เหมือนพรรคพลังประชาชนถูกกลั่นแกล้ง

ถูกพรรคการเมืองรวมหัวกันจัดตั้งรัฐบาลแข่ง

จนต้องออกมาขอคะแนนสงสารจากประชาชนคนไทย ปล่อยให้คนแก่เช่นหัวหน้าพรรค อย่างคุณสมัคร สุนทรเวช ต้องออกเดินสายขอปลาแดกชาวบ้านชิม ขอชิมน้ำพริกน้ำแกงชาวบ้านร้านตลาด ก็เพียงเพื่อได้เสียงเพียงพอจัดตั้งรัฐบาล จะได้ไม่ถูกเขากลั่นแกล้ง

 

ฟังแล้วน่าสงสารไหมครับ

สำหรับพรรคการเมืองน้องใหม่

นามว่าพรรคพลังประชาชนผู้น่ารัก

พรรคการเมืองที่น่าสงสาร เพราะถูกกีดกันกลั่นแกล้ง ถูกอำนาจใหม่แกล้งตามล้างตามเช็ด ถูกหมายหัวว่าจะอุ้มฆ่า ถูกกดดันและค้นบ้านยามวิกาล หรือกระทั่งมีคำขู่ฆ่าจนต้องออกมาฟ้องประชาชน ว่าพรรคการเมืองของตนนั้น ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ฟังแล้วบังเกิดจิตสมเพช

เวทนาในวิบากเคราะห์วิบากกรรม

ไม่รู้ไปกระทำย่ำยีใครเขามาแต่ชาติปางไหน

ชาตินี้จึงต้องมารับกรรม เป็นคนดีที่ไม่มีใครรักใครเข้าใจ ต้องถูกเข้ากีดกันขับไล่ไสส่งเหมือนพี่พจมานของชายน้อย ถูกผลักไสให้ไปนอนเรือนคนใช้แถวลอนดอน อาหารการกินก็ขาดแคลน เพราะเวลาอยากจะกินเป็ดย่างปักกิ่งก็ไม่ได้กิน ต้องมานั่งกินหูฉลามฮ่องกง

น่าสงสารและน่าคิดตาม

ถึงน้ำคำน้ำเสียงเรียกร้องความสนใจ

เรียกร้องคะแนนสงสารทางการเมืองของพลังประชาชน

พรรคการเมืองซึ่งประกาศมาตลอดเวลา ว่าประชาชนรักประชาชนหลง คนไทยรักและสงสารพรรคการเมืองพรรคนี้อย่างมาก วันนี้ต้องจำบากหน้าเคล้าน้ำตามาขอคะแนนสงสารจากคนไทย พอเข้าโค้งสุดท้าย ทำได้ทุกวิถีทาง หน้าเศร้าใจจริงกับกลยุทธ์เช่นนี้

ชั่วโมงนี้จึงต้องมาอ้อนวอนร้องขอ

หลังจากระยะเวลาที่ผ่านมา

ยามครองอำนาจ

ไม่เคยต้องมานั่งร้องขออ้อนวอนใคร ยามมีอำนาจก็เพียงพยักหน้าด่าคนอื่นเขา ยามมั่งมีใครก็พินอบพิเทาแทบก้มกราบติดพื้น ไม่ต้องมาอ้อนวอนให้เจ็บใจเช่นนี้หรอก เห็นแล้วให้นึกถึงคำผู้เฒ่าผู้แก่ เมื่อยามมีอำนาจก็ใหญ่คับบ้านคับเมือง แต่ยามนี้เป็นเช่นไรก็จงโปรดพิจารณาเถิด

สำหรับผมโดยส่วนตัว

บังเกิดจิตสงสารอย่างยากหาคำตอบ

อยากช่วยเหลือส่งเสริม ให้พลพรรครักเอยของพลังประชาชน

ได้นอนหลับให้อิ่มเต็มตา ได้นอนฝันหวานและหวังใจว่าจะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน หรืออยากให้ท่านเหล่านี้ไม่ต้องมาทนเหน็นเหนื่อย อดตาหลับขับตานอน ไม่ต้องตากแดดระกำทุกข์เช่นนี้ ทำไมวันนี้ต้องไปเที่ยวเดินขอคะแนนเสียง ไปยกมือไหว้ผู้คนทั่วไป

วันนี้ผมสงสารทุกท่านจับจิต

สงสารพรรคพลังประชาชนจับใจ

อยากให้พรรคการเมืองพรรคนี้ได้พักผ่อน

วันนี้ ผมอยากให้ คุณสมัคร สุนทรเวช ได้กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน กลับไปอยู่กับลูกหลาน ตำน้ำพริกให้ศรีภรรยาทาน ได้เดินตลาดไปถามไถ่แม่ค้า ด่าบ้างหยอกบ้าง ชิมไปด่าไป ไม่ต้องมานั่งเหน็ดเหนื่อยต้องหวั่นใจรอคอย คะแนนเสียงทางการเมืองให้ป่วยหัวใจเล่น ยิ่งในยามที่ผ่านมาทราบว่าท่านเคยไปตรวจสุขภาพของหัวใจ ก็เห็นว่าต้องดูแลเป็นพิเศษ

วันนี้อยากให้พรรคพลังประชาชน

ไม่ต้องคอยห่วงกังวลใจ อยากให้ท่านทุกคนได้พักผ่อน

อย่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลย เหนื่อย อย่าเป็นเลยนะครับ

หมายเลขบันทึก: 154871เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2007 04:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท