เมื่อวันศุกร์ ฃที่ ๑๔ ธ.ค. ๕๐ ได้รับเอกสารให้ไปยืนเขตถือครองที่ดินที่ ต. ม่วงหัก อ. พยุหคีรี จ. นครสวรรค์ หม่องเกิด ( ที่เกิด ) ของครูพรรณา อยู่มาตั้ง ๕๐ ปี เพิ่งเห็นที่ดินของตัว อันเป็นมรดกจากเจ้าคุณตา ... เว่อร์ เนอะ.... ทำพินัยกรรมมอบไว้ให้ก่อนอำลาหลานรัก...แต่อีหลานตัวดีไม่ได้เคยเห็นเลยว่าอยู่แห่งหนตำบลใด แม้แต่แม่ก็ไม่รุ้แน่ชัด.....สุดท้ายต้องอาศัยเจ้าหน้าที่รังวัดและเจ้าของที่ดินเขตติดต่อเป็นผู้นำไป....จดจำไว้ว่าอยู่ตรงทางแยกที่มีป้อมตำรวจโคกไม้เดนขับรถเข้าไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึง สี่แยกแล้วเลี่ยวซ้าย ไปอีกไกล ที่หมายเสาไฟฟ้าแรงสูงต้นที่ ๓ แล้วเดินลุยลงไปในทุ่งนาอีก ประมาณ ๑ กม. .....งานนี้ใครห้ามเปลี่ยนจุดสังเกตเด็ดขาดเลย......ที่สำคัญงานนี้ครุพรรณาได้พบกับพี่อนันต์ ปานพรหม ลุกของพี่ชายคนโตของแม่ ...คนนี้เตี่ยกล่าวถึงไว้บ่อยมากในเรื่องของความอุตส่าหพยายามในการเรียน สมัยก่อนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตาจะแจกเทียนให้แก่ลูกๆ บ้านละ ๑ เล่ม ต่อสัปดาห์ ...ใหญ่แค่ไหนเตี่ยไม่บอก....คนที่ใช้เทียนเปลืองก็คือพี่นันต์ เพราะต้องจุดอ่านหนังสือ และก็มักจะได้จากบ้านของเตี่ยบ่อย ๆ ...เออแล้วทำไมไม่แม่นะ...ก็แม่ไม่ค่อยเล่าไง.....ตาจะขี้เหนี่ยวมาก..งานนี้เตี่ยเป็นคนสรุป...และก็อยากให้ลูกหลานอยู่ช่วยกันทำนา พี่นันต์เป็นลูกของลูกชายคนโตของตา.....แต่สุดท้ายพอหลาน ๆ คนไหนเกียจคร้านการเรียนตาก็มักจะยกตัวอย่างพี่นันต์ให้เห็นและฟังกันบ่อย ๆ .....งานนี้ขอบอกครูพรรณาไม่เคยเห็นพี่นันต์เลยตั้งแต่เกิด แต่พี่นันต์ถามหาครูพรรณาจากพี่สาวครูพรรณาว่า ...อีพรรณตัวเล็กๆ ที่พี่พาจูงเดินมาที่นากับตา ( ปู่ ) น่ะ มันมาไหม พี่ไม่ได้เห็นมันมา ๖๓ ปี แล้ว พี่นันต์อายุ ๖๘ ปีแล้ว ตาตายจากครูพรรณาเมี่อครูพรรณาอายุได้ ๕ ขวบเอง .....แต่แปลกครุพรรณาจำได้ว่าเคยนั่งเกวียน ขี่คอตา และใคร .....รวมทั้งถูกอุ้ม และเดินเองบ้าง เพื่อไปตรวจเยี่ยมการทำนา และพักค้างคืนที่บ้านยายผึ่ง ( ตายไปหลายปีแล้วก่อนตายครูพรรณาก็ได้พบ และจำกันได้ ) .....ไม่อยากจะเอ่ย สมันนั้นตารวยมากมีนาหลายร้อยไร่ เมื่อแบ่งให้ลูกๆ และ ๑ หลาน แล้วเหลือคนละ ๑๐ กว่าไร่ ..คิดเองนะว่าตาจะมีลูกกี่คน........ขอขอบคุณตาที่มอบมรดกนี้ไว้ให้ระลึกถึงตาและยายบ่อย ๆ....นั่งรถผ่านทางแยกเข้าบ้านท่าน้ำอ้อยทีไรก็ยกมือสวัสดีตากับยาย....หลาย ๆครั้งเข้า..พ่อและลูก ๆ ก็ถามว่าแม่ไหว้ใคร...ก็ไว้ตากับยายของแม่ไง ..แต่ถ้าไปรถส่วนตัวก็จะเข้าไปเยี่ยมญาติกาของตัวเองด้วย .....ที่ดินนี้ครูพรรณามีป้าเป็นคนดูแลให้..แม้แต่ป้าก็จำแห่งที่ไม่ได้เช่นกัน...มันน่าถูกโกงนะ...แต่คนเช่าเขาซื่อสัตย์....ทำนาเสร็จถึงปีก็เอาเงินค่าเช่ามาให้ ป้าก็ส่งไปให้แม่ครูพรรณา........หลายคนบอกให้ครุพรรณาขายที่ดินนี้ซะรวมทั้งป้าด้วย ......หนูไม่ขายหรอกเก็บเอาไว้จะได้แวะเวียนมาเยี่ยมญาติกาและตากับยายไง ..ถ้าขายเสียแล้วก็คงไม่มีธุระอันใดจะมาหากันอีก.....ข้อนี้ป้าเลยยอมจำนน...แต่ที่ครุพรรณาไม่ขายเพราะ ..ตายกให้ด้วยความรักและเมตตา...บรรดาหลาน ๆ เกือบร้อยคนไม่มีใครได้เลย.....แล้วครูพรรณาจะขายได้อย่างไร...เก็บไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงตากับยายดีกว่า.........ในเรื่องของความรักที่ตาและยายมีให้แก่ครุพรรณา...เป็นที่รำลือกัน..เมื่อไปเยี่ยมญาติที่ท่าน้ำอ้อยคราวใดก็มักได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในระแวกบ้านญาติถามหาอีพรรณ ลูกสาวตายามันมาไหม.....พอแสดงตัว...ก็เข้ามากอดลูบหน้าลูบหลังด้วยความรัก ( รู้สึกได้เมื่อสัมผัส ) และเล่าว่าสมัยก่อนเอ็งยังเล็กตายาไปไหนก็แบกเอาไปด้วย ไม่ให้ห่างเลย....เขารักของเขามาก..และ.......เป็นที่ซาบซึ้งใจ.......
ไม่มีความเห็น