หลงป่า 4*4 เชียงใหม่


รักป่า...หลงป่า

ไปเที่ยวเชียงใหม่คราวนี้ พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ เนื่งจาก เราได้ไปบริจาคของให้กับเด็กๆ ชาวกะเหรี่ยงที่โรงเรียน ที่หมู่บ้าน ตีนผา

ฟังชื่อหมู่บ้าน ก็รู้สึกว่าไม่ธรรมดา ข้อมูลเบื้องต้น ไปทางดอยอินนนท์ แต่แยกออกไปทางบ้านแม่แอบ ขึ้นเขา ลงเขาไปซัก 4 - 5 กิโลเมตร ก็ถึงแล้ว ... อืม คงไม่ไกลเท่าไร

เราขนเสื้อลองจอน (ใช้ใส่ให้อบอุ่น), และหมวกไหมพรม ที่ทางบริษัทฯช่วยบริจาค ขึ้นรถไฟตู้นอนตอนบ่ายวันศุกร์ที่ 30 พ.ย. 50 เวลา 15:20 น. ที่สถานีดอนเมือง ไปถึงเชียงใหม่ตอนเช้าของวันที่ 1 ธ.ค. 50 เวลา 5:45 น.  

ได้พบเพื่อนพี่ไก่ ใจดี ชื่อ พี่บอย (เสื้อขาว) , พี่เจนนี่ (เสื้อแดง), และพี่มด (เสื้อเทา)ที่กอดคอกันอยู่ ขับรถพาไปหมู่บ้านตีนผา และดีประทับใจมากที่ได้นั่งรถคันใหญ่  หลายๆคนแซวน้องๆที่นั่งรถนี้ว่า นั่งแล้วหน้าท้องแบนราบ!!!  ...พอได้นั่งจริง...อารมณ์ตอนแรกเหมือนขี่ม้า กระเด้งกระดอน หัวสั่นหัวคลอน สนุกดีแฮะ ก่อนจะปรับเป็นระบบ 4*4 จะต้องปลด Lock ที่ล้อหน้าก่อน แล้วทีนี้ก็สนุกได้เต็มที่ จะลุยน้ำ ลุยโคลน ลุยเนินดิน เนินหิน หรือหลุมใหญ่ๆ ก็ไม่หวั่น

ไม่น่าเชื่อ ระยะทางแยกจากถนนลาดยางแยกเข้าบ้านแม่แอบ ไป 4 - 5  กิโลเมตร เราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 30 - 40 นาที ได้ เส้นทางน่าหวาดเสียว แต่ทิวทัศน์สวยงามเพราะเป็นธรรมชาติที่ยังไม่ค่อยมีผู้บุกรุกทำลาย เรากระเด้ง กระดอนกันมากๆ อาการเหมือนเอาเครื่องในมาเขย่ารวมกัน ตอนนั้น ไม่กลัว เพราะมั่นใจในฝีมือคนขับรถที่ถือว่า มืออาชีพ แต่ยอมรับว่าเครียด แล้วเราก็ไปถึงหมู่บ้านตีนผา สำเร็จ!!!

หมู่บ้านตีนผา เป็นชาว กะเหรี่ยง มี 14 ครัวเรือน มีโรงเรียน ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน ...โรงเรียนมีครู 1 คน ครูผู้เสียสละตน....ฟังต่อได้ในเพลง โรงเรียนของหนู: พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ (รายละเอียดของหมู่บ้าน และโรงเรียนนี้ จะเขียนเล่าในตอนต่อไปนะคะ) ไปถึงแล้วก็ประทับใจธรรมชาติรอบตัว แล้วก็คิดว่าสมชื่อหมู่บ้านตีนผาจริงๆ เพราะเหมือนเราขึ้นเขา แล้วลงเขาแล้วก็ขึ้นเขาอีกจนมาอยู่ที่ตีนผา

ฉันถามพี่มดว่า เส้นทางไปบ้านตีนผานี้ ถือว่ายากไหม พี่มดตอบว่า ...ไม่ยาก แต่อันตราย ใช่...ฉันเห็นด้วยทางเป็นดินปนหินกรวด ที่แคบลาดชันมาก และอยู่บนผาสูง ต้องเลี้ยวหักศอกขึ้นเขา ลงเขาหลายครั้ง คนขับต้องชำนาญทางแบบนี้ มาพอสมควรจึงจะปลอดภัย ทางไม่ยากเพราะไม่มีหลุมหรืออุปสรรคกีดขวางทางมากนัก แต่อันตรายเพราะถ้าพลาดหมายถึงเราต้องกลิ้งตกเขาแน่ อาจถึงชีวิตได้

ฉันยืนอ่านข้อความหลังรถ เขียนว่า หลงป่า 4*4 เชียงใหม่ พี่มดบอกว่าเป็นชื่อชมรม ตอนนี้มีสมาชิกแค่ 2 คน คือ พี่มด และพี่เจนนี่!!!!  ตั้งขึ้นมาเพื่อไปสำรวจเส้นทางตามดอยต่างๆ พี่มดชอบท่องเที่ยวแบบนี้ ลุยๆ ไปในทางที่ยังไม่ค่อยมีใครไป มักอาสาไปสำรวจเส้นทางให้ก่อนเพื่อบอกกลุ่มที่จะเดินทางเข้าไปหมู่บ้านห่างไกลรู้ว่าเส้นทางนี้ไปได้แค่ไหน ต้องเดินเข้าไปไหม หรือรถเข้าไปได้ตลอด

พี่มดเล่าประสบการณ์ ให้ฟังว่า เคยไปสำรวจทางหมู่บ้านหนึ่งไกลมากต้องขับรถอยู่ในป่าทั้งวัน จึงจะไปถึง  สิ่งสำคัญในการขับรถสำรวจเส้นทาง เราต้องรู้ระยะทางที่ชัดเจนว่าจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งนั้น ไกลแค่ไหน และต้องกำหนดเวลาในการเดินทางให้ดี เส้นทางที่เราไป ในป่า ไม่สามารถบอกได้ล่วงหน้าว่าเราจะเจออุปสรรคอะไร ทางอาจถูกกีดขวางด้วยไม้ใหญ่ , หรือถนนพังเพราะน้ำป่า ทำให้เดินทางต่อไม่ได้เราต้องเผื่อเวลาเดินทางย้อนกลับด้วย  (แอบเก็บภาพรถที่จอดพักผ่อนอยู่ระหว่างเรากินข้างตอนบ่ายที่ร้านอาหาร ในเขตดอยอินทนนท์)

การไปหมู่บ้านตีนผาด้วยรถ 4*4 ครั้งนี้ ให้ประสบการณ์ใหม่ที่ดีกับฉัน 2 เรื่อง

1) เข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ รถ 4*4 ว่ามันสามารถแสดงสมรรถนะได้เหมาะสม และสง่างามมาก เมื่อต้องบุก ตะลุยทางแบบ ขึ้นเขา ลงห้วย ฉันเคยมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระในการซื้อรถแบบนี้มาขับในเมือง คิดว่าอยากเท่ห์ อะไรทำนองนั้น... ใช่! ในเมืองมันเหมือนนักเลงโต ที่น่าหมั่นไส้ ... แต่ในป่าแบบเส้นทางวิบาก มันกลายเป็นราชสีห์ ที่งามสง่า และมีชีวิตชีวา

2) มองคำว่า หลงป่า ในมุมมองใหม่ แต่ก่อน ฉันมักเข้าใจทันทีว่าหลงป่าคือความทุกข์ ที่หาทางออกไม่เจอต้องหลงวนเวียนจนเหนื่อย... แต่คำว่า หลงป่าที่หลังรถนี้ พอได้สัมผัส มันคือ ความสุข ความหลงไหลในผืนป่าที่ดึงดูดให้เข้ามาสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงขั้นลงทุนแต่งรถ ตั้งชมรมเข้ามาเพื่อจะหลงอยู่ในป่าเมื่อว่างและมีโอกาส เช่นพี่มด และพี่เจนนี่

เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลาย และ งดงาม เพียงแต่มันถูกความเจริญครอบงำ อย่างรวดเร็ว จนน่าหวาดกลัว ... กลัวว่าวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่ดีงามของชนพื้นเมืองจะแปรเปลี่ยน แล้วจะไม่เหลือเอกลักษณ์ กลายเป็นชาวเมืองที่สวย แต่ไม่งามอีกต่อไป 

แม้ว่าป่าจะลดน้อยลงมาก แต่เราหลายคนรู้แล้ว ว่าสำคัญมาก เราต้องช่วยลดการลำลาย ช่วยเพิ่มปริมาณป่าให้มาก เท่าที่จะทำได้ตามกำลังแต่ละคน  กลับมาคราวนี้ รักป่าจัง มารักษ์ป่ากันเถอะ

หมายเลขบันทึก: 153799เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2007 19:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • ความเจริญแบบชุมชนเมืองเข้าไปที่เชียงใหม่เร็วมากจริง ๆ
  • เห็นเชียงใหม่แล้ว คิดถึงจังหวัดโออิตะของญี่ปุ่น อยากให้เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวแบบนั้น เพราะเราทุกคนรู้ว่า วิถีชีวิตของ "คนเมือง"(เมืองเหนือ) สวยงามและมีเสน่ห์มาก แค่ได้ยินเสียงซึงก็สัมผัสบรรยากาศได้....
  • ดูจากรูปแล้ว อากาศคงไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่นะคะ ???

อากาศบนดอยดีมากจ้า...น้อง auai เราไปถึงที่หมายในรูป ก็เกือบ 11 โมงแล้ว  อากาศเย็นสบาย (รูปที่ถ่ายเนี่ยใส่เสื้อ 3 ชั้น กางเกง 2 ชั้น ถุงเท้า 2 คู่!!!)

แต่ตอนกลางคืนและช่วงเช้า...หนาวสะใจมาก หนาวจนหลายคนในTrip งดอาบน้ำไปหลายวัน (ลองเดาดูซิ.. อิ๊อิ๊)

 

 

  • แสดงว่าหนาวมากจริง ๆ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นชั้นเดียวเลย..ยกเว้นชั้นในสุด ^o^
  • ขอเดาอย่างมั่นใจ 100 % ว่าเขาคนนั้นคือ water boy อิอิ

พี่น้ำ แน่ แน่

oOo

 

อ่านแล้วม่วนขนาด อยากไปแอ่วเจียงใหม่เจ้า

เคยนั่งรถ 4*4 ครั้งนึง เมื่อนานมาแล้ว นานมากกกกก  ตอนนั้นไปเที่ยวภูเรือ เดินป่าไปดูผาชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว (เชื่อรึยังว่านานมาก) ระยะทางตอนเดินไปบอกว่ากิโลเดียวก็ถึง เดินกันขาลากเลยค่ะ แถวนั้นไม่มีแม้วนะ แต่ทำไม 1 กิโล มันไกลประมาณกิโลแม้วก็ไม่รู้ เดินกันจนเห็นสิ่งที่ตั้งใจไปดู

พอขากลับใจนึกอยากจะให้มีรถมารับ มีจริง ๆ จ้ะ เป็นรถ 4*4 ของ ปตท. ที่เข้ามาปลูกป่าในโครงการสมัยนั้น โอ้โห ! ดีใจสุด ๆ ขอกระโดดขึ้นท้ายทันที

มันส์มาก ชอบ ๆ จริง ๆ พี่คนขับก็พาเราตะบึงห้อกลับมาถึงจุดหมายได้โดยสวัสดิภาพ ไม่ต้องเป็นลมตายกลางทาง พร้อมพกพาความประทับใจเก็บใส่ในความรู้สึก ขนาดนานมากกกกกก แต่ไม่ลืมจ้ะ

 

นึกถึงโฆษณารถกระบะ 4 wheels ยี่ห้อนึงที่ขับไปช่วยหมู่บ้านที่มีมาลาเรียระบาด แล้วมีเด็กน้อยเล่าว่ามีพระเอกขี่ม้าขาว(กระบะคันโตสีขาว) เข้ามาช่วย

อ่านที่พี่แนมเล่าแล้วทำให้มองภาพคนขับรถตีนโตพวกนี้เปลี่ยนไปจริงๆค่ะ :D

ตระ บรึ ภาษา ชาวท้องถิ่น เค้าฝากมา ขอบคุณ นะ ... หลงป่า team

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท