สำหรับนักศึกษาวิชาบริหารทรัพยากรมนุษย์ 2/2550


ถามมา-ตอบให้

สวัสดีนักศึกษาครับ พอดีได้โอกาสทำ Blog ขึ้นมา ก็เลยอยากให้เป็นเวทีและเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการบริหารทรัพยากรมนุษย์นะครับ

 ดังนั้นหากนักศึกษาต้องการแลกเปลี่ยนเรื่องใดๆ ก็เชิญได้นะครับ ไม่ต้องเป็นทางการก็ได้ เพื่อประโยชน์กับทั้งผมและนักศึกษาเองครับ

คำสำคัญ (Tags): #ถาม-ตอบ#นักศึกษา
หมายเลขบันทึก: 153656เขียนเมื่อ 14 ธันวาคม 2007 22:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 17:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

ทำอย่างไร ภายในองค์กรจึงมีความสามัคคีให้มากกว่านี้

ก่อนอื่นใดผู้บริหารต้องตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีมก่อน เมื่อผู้บริหารเห็นว่าความสามัคคี จะก่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็ควรจัดหากลยุทธในการสร้างกิจกรรมที่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ซึ่งอาจจะไม่ใช่ลักษณะของการทำงานทั่วไป อาจจะจัด Walk Rally หรือสัมมนานอกสถานที เพื่อช่วยลดความตึงเครียดในบริษัท และเป็นโอกาสให้พนักงานที่มีความขัดแย้งในหน้าที่ได้อยู่ร่วมกัน สร้างความผูกพันธ์โดยให้องค์กรมีส่วนร่วมอีกด้วยครับ

ดังนั้นในฐานะพนักงานจะต้องแสดงให้ผู้บริหารเห็นว่าความขัดแย้งในองค์กรเป็นปัญหาสำคัญและต้องได้รับการแก้ไข เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งเจ้าภาพก็คงเป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคลในองค์การนั่นเองครับ

ลืมคำถาม...เดี๋ยวถามใหม่คับ

อาจารย์เรียนที่ califrnia ใช้ทุนทรัพย์มากแค่ไหนคะเพื่อจะเจริญรอยตามอาจารย์บ้างค่ะ

ค่าเรียนในระดับปริญญาโทตลอดหลักสูตรประมาณ 1 ล้านบาทครับ ซึ่งปัจจุบันอาจถูกกว่านี้เพราะค่าเงินบาทแข็งตัว

อันที่จริงรัฐคาลิฟอร์เนียนี่ค่าเรียนค่อนข้างแพงครับ เมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆ อย่างเท็กซัส หรืออิลินอยส์ คงเป็นเพราะค่าครองชีพ ฯลฯ น่ะครับ

ฝากเวบไซต์น้องชายด้วยนะครับ

http://www.marokee.th.gs/

เว็บนี้สร้างสรรค์มากหรือว่าเราอาจจะไม่ทันสมัยก็ไม่รู้ แต่มีความรู้สึกว่าปัจจุบันเราอาจจะยังไม่มีปัญหาแต่ถ้าอนาคตเรามีปัญหาเกี่ยวกับที่ทำงานเราก็จะสามารถสอบถามอาจารย์ได้ ชื่นชอบมากคะ ขอบพระคุณมากคะ

 การบริหารทรัพยากรและการบริหารธุรกิจที่ดีนั้นผมว่าน่าจะต้องมีหลักง่ายๆ คือ PDCA

 p = การวางแผน

 d = การลงมือทำ

 c = การตรวจสอบในสิ่งที่ทำ

 a = การวิเคราะห์ปัญหาว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกหรือผิด ถ้าผิดก็ต้องย้อนกลับไปที่ p เพื่อวางแผนใหม่

 ใครว่าใช่ ยกมือขี้น

อ. เปลี่ยนไปเยอะจัง...จำแทบไม่ได้  มีคำถามคือว่า

ตอนนี้ได้งานทำตำแหน่งพนักงานขาย ไม่มีเงินเดือน  ไม่มีค่าน้ำมัน ไม่มีค่าโทรศัพท์  ไม่มีสวัสดิการอะไรเลย มีแต่คอมมิชชั่น ราคาสินค้าประมาณแสนกว่า คิดคอม ฯ 5%,4%,3%,2%,1%  ตามลำดับแล้วแต่ราคาที่ลดให้ลูกค้า อ. คิดว่าคุ้มไหม ?  แล้วคอมมิชั่นกับอินเซ็นทีฟ  แตกต่างกันอย่างไง ?  (คือทำเป็นฟรีแลนซ์คะ)

PDCA เป็นวิธีการดำเนินงานที่เข้าใจง่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายครับ ในทุกๆศาสตร์ของการบริหารรวมทั้งการบริหารบุคคลเช่นเดียวกัน

 PDCA เรียกอีกอย่างว่าวงจรเดมมิ่ง (ตั้งตามชื่อผู้ริเริ่มแนวคิดบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร หรือ TQM) เป็นขั้นตอนต่อเนื่องกัน 4 ขั้นประกอบด้วย การวางแผน การปฏิบัติ การตรวจสอบ และการดำเนินการ เหมือนที่คุณ DucK ว่า ซึ่งเราสามารถนำกระบวนการนี้ไปใช้ในระดับ หน่วยงานใดขององค์กรก็ได้ หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆในชีวิตประจำวันเช่นไปซื้อของ ก็สามารถทำได้ดังนี้ครับ

1. Plan วางแผนว่าจะซื้ออะไรบ้าง

2. Do ไปตลาดซื้อของตามที่ตั้งใจ

3. Check ตรวจสอบสินค้าที่ซื้อมาว่าตรงตามที่คาดหวังหรือไม่ สามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมหรือเปล่า หมดค่าใช้จ่ายไปเท่าไร

4. Act บันทึกหรือจดจำว่าสิ่งใดต้องซื้อแบบไหน ยี่ห้อใดถึงจะดี ก็กลายเป็นมาตรฐานในการซื้อคราวต่อไป ความผิดพลาดก็จะน้อยลง

สำหรับงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ก็นำมาใช้ได้ในทุกๆ หัวข้อครับ ต้องขอขอบคุณ คุณ DucK ที่นำความคิดมาแลกเปลี่ยนกัน

ตอบคุณ Supattra ครับ

ถามว่าคุ้มไหม ก็มีปัจจัยหลายอย่างนะครับ

- ถ้าสินค้านั้นเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย และรู้จักเป็นอย่างดี ประสิทธิภาพในการขายสินค้านั้นก็น่าจะดีตาม ยอดขายก็น่าจะสูง ซึ่งก็น่าจะคุ้ม

- ถ้าเรามีใจรักในงานประเภทนี้ และสนใจสินค้าที่เราขายอยู่แล้ว เราก็จะขายสินค้านั้นอย่างมีความสุข ซึ่งอาจไม่ส่งผลต่อยอดขายนัก แต่ในแง่คุณภาพชีวิตก็คงดีเพราะได้อยู่กับสิ่งที่ตนเองรักตลอดเวลา ซึ่งก็น่าจะคุ้ม

- ถ้าเรารู้แหล่ง หรือตลาดที่จะขายสินค้า หรือช่องทางในการขาย ก็อาจจะทำให้เราสามารถทำกำไรได้จากการขายสินค้า ซึ่งก็น่าจะคุ้ม (แต่ต้องมั่นใจว่าเราเข้าใจตลาดของเราดีพอว่ามีกำลังซื้อแค่ไหน วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างไร ส่วนแบ่งการตลาดมากน้อยแค่ไหน คู่แข่งเป็นอย่างไร ฯลฯ)

ผมไม่แน่ใจว่าคุณสุภัทราขายสินค้าอะไร แต่เงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนรูปแบบนี้ ก็เป็นลักษณะทั่วไปของอาชีพตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว คุณสุภัทราอาจต้องลองคำนวณดูว่าการขายสินค้านั้น มีความยากง่ายเพียงไร อย่างถ้าเป็นของที่มีอายุการใช้งานนานๆ คุณสุภัทราก็ต้องแน่ใจว่าคุณสุภัทราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลาย พร้อมๆ ไปกับเงื่อนไขของการดูแลสินค้านั้นๆ ในลักษณะบริการหลังการขาย (ถ้ามี)

หรือถ้าสินค้านั้นมีเป็นสินค้าที่มีวงจรชีวิตสั้น เช่นอยู่ในตลาดได้ไม่นาน ก็ต้องแน่ใจว่าเราจะสามารถขายสินค้านั้นๆออกไปให้เร็วที่สุดในช่วงที่ยังขายได้อยู่เป็นต้น

แต่เห็นว่าราคาเป็นแสน คงเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ ความถี่การซื้อน้อย ซึ่งถ้าเป็นผมคงดูสองสามอย่างเช่น ส่วนแบ่งการตลาด (มีคู่แข่งเยอะหรือไม่) การตั้งราคา (ถ้าตั้งสูงมากเพื่อให้ลูกค้าต่อรองเยอะๆ จะได้รู้สึกดี แบบนี้คนลำบากก็คือเราที่จะได้ค่าคอมฯลดลง) และความสามารถในการขายของเราเองอย่างที่ผมเกริ่นตอนต้น

ลองเป็นข้อมูลนะครับ ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในสายการตลาดโดยตรง อย่างไรลองศึกษาข้อมูลจากหลายๆแหล่งดูครับ

สำหรับ Incentive คือค่าตอบแทนแบบจูงใจ ก็เป็นค่าตอบแทนที่มอบเพื่อจูงใจให้พนักงานพยายามทุ่มเทให้กับงานมากๆ เพื่อให้ได้งานตามมาตรฐานที่กำหนดหรือสูงกว่า ซึ่ง Commission ก็คือรูปแบบหนึ่ง ของ Incentive นั่นเองครับ คุณสุภัทราเป็นฟรีแลนซ์ก็คงไม่ได้รับเงินเดือนหรือสวัสดิการในฐานะลูกจ้าง สิ่งที่ได้ก็คือค่าตอบแทนที่บริษัทจะจ่ายให้ตามยอดขายหรือกำไรจากการขายนั่นเอง ซึ่งผมว่าลองดูสักพักคงคุณสุภัทราคงตอบได้ว่าคุ้มหรือไม่ครับ

    อยากรู้ว่าการทำงานที่ดีมีประสิทธิภาพทำได้ยังไงในสภาวะกดดันจาก หน. งานและสิ่งแวดล้อมรอบข้างเพราะที่ทำงานปัจจุบันเก็บและสนใจแต่ตัวเลข จากแต่ก่อนเคยได้เลิกงาน 18.00น ได้หยุดวันเสาร์ เดี๋ยวนี้ก็กลับ19.30น วันเสาร์ทำงาน เงินเดือนเท่าเดิมค่ารถค่าเรือ ค่าใช้จ่ายประจำวันสูงขึ้น มีความรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ จึงไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานเท่าไรเลยส่งผลให้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ผมควรทำยังไงดีครับ อาจารย์ช่วยชี้นำแนวทางแก้ไขด่วน........

จี้เองนะ (กังสดาล)

ปิดคอร์นแล้วอาจารย์มีสอนนักศึกษาที่สถานบันต่อหรือป่าวค่ะ แล้วอาจารย์สอนวิชานี้วิชาเดียวใช่ป่าว เสียดายจะไม่ได้เจออาจารย์แว้ว

สวัสดีคะอาจารย์ สุขพัฒน์ หนูมีเรื่องอยากจะรบกวนอาจารย์ให้ช่วยส่งแบบฟอร์มการสมัครงาน Versionภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการสมัครงาน พร้อมคำแปลมาให้ที่ E-Mail [email protected]

ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

สุริย์วิภา ก49/27

อยากรู้ว่าการทำงานที่ดีมีประสิทธิภาพทำได้ยังไงในสภาวะกดดันจาก หน. งานและสิ่งแวดล้อมรอบข้างเพราะที่ทำงานปัจจุบันเก็บและสนใจแต่ตัวเลข จากแต่ก่อนเคยได้เลิกงาน 18.00น ได้หยุดวันเสาร์ เดี๋ยวนี้ก็กลับ19.30น วันเสาร์ทำงาน เงินเดือนเท่าเดิมค่ารถค่าเรือ ค่าใช้จ่ายประจำวันสูงขึ้น มีความรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ จึงไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานเท่าไรเลยส่งผลให้ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ผมควรทำยังไงดีครับ อาจารย์ช่วยชี้นำแนวทางแก้ไขด่วน........

อันนี้ผมว่าน่าจะมีสาเหตุนะครับที่หัวหน้างานให้ลูกน้องทำงานเกินกว่าเวลาที่กำหนดไว้เดิม เพราะการทำแบบนี้นอกจากจะสร้างความไม่พอใจกับพนักงานแล้ว ผมว่าคงจะไม่มีใครอยู่ทำงานนานแน่ๆ

ถ้ามองในแง่ดีผมว่าหากยอดที่เขาตั้งไว้บรรลุ เราอาจได้เงินเดือนเพิ่ม ได้โบนัส หรือสวัสดิการดีๆ เพิ่มขึ้นนะครับ ผมไม่แน่ใจการเพิ่มเวลาทำงานนี่เป็นการบังคับ หรืองานมันมากจนคุณต้องมาทำกันแน่ เพราะหากทำงานเกิน 8 ชั่วโมงคุณก็ต้องได้โอทีตามสัดส่วน ซึ่งก็แปลว่าคุณถูกมอบหมายให้ทำงานนานขึ้น แต่ก็มีค่าตอบแทน

แต่ถ้าเป็นปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น คุณจึงถูกขอให้อยู่ดึกและมาทำงานวันเสาร์ จริงๆ เป็นสิทธิของคุณนะครับที่จะทำหรือไม่ แต่นั่นเองที่ผลมันก็จะไปตกกับประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานคุณที่อาจจะทำเสร็จตามกำหนดอะไรเหล่านั้น ซึ่งคงจะหลีกเลี่ยงภาวะกดดันไม่ได้

ผมว่าถ้าคุณไม่ได้การชี้แจงใดๆ ในสิ่งที่เกิดขึ้น คุณควรปรึกษากรรมการสวัสดิการ หรือสหภาพแรงงานของบริษัทคุณดูนะครับว่าทำไมถึงเกิดสถานการณ์แบบนี้

การทำงานบนความไม่แน่นอนไม่ส่งผลถึงประสิทธิภาพที่ดีแน่นอนครับ อย่างไรก็หาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเองดีกว่า ถ้าทางเลือกใดสร้างความสมดุลย์ให้กับงานและชีวิตส่วนตัวได้ ผมว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดนะครับ ลองพิจารณาดู

เรียน คุณกังสดาล

จริงๆ ผมก็สามารถสอนวิชาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้นะครับ เพียงแต่จะเป็นทางคณะฯ ที่จะแจ้งตารางสอนให้ผมทราบถ้าหากมีภาระการสอนในเทอมต่อๆไป

 สำหรับนักศึกษาในกลุ่มหนึ่งจะมีอาจารย์มาสอนไม่ซ้ำกันในแต่ละวิชานะครับ ผมเข้าใจแบบนั้น เพราะฉะนั้นคงจะไม่ได้สอนกลุ่มนี้แล้วนะครับ

เทอมหน้าผมยังไม่เห็นทางคณะฯแจ้งผมเลย สงสัยจะไม่มีสอนนะครับ แต่ยังไงอยากคุยเรื่องต่างๆ ก็โทรมาหาได้เลย ยินดีมากๆ ครับ

โชคดีในวิชาที่เหลือครับ

สุภัทรา เขียวเขิน

อ.  คิดยังไงที่พนักงานที่คุยเอ็ม (msn) ที่ทำงาน  ซึ่งตอนนี้มีแพร่หลายอย่างมาก ทุกบริษัท แทบทุกโต๊ะที่คอม ฯ และเล่นเนตได้  แต่เท่าที่หนูดูแล้ว ก็ไม่เห็นใครออกมาพูดหรือทำอะไรจริงจัง  (เพราะหัวหน้าก็ออน)  ซึ่งหนูก็เปิดออนไว้ แต่ก็คุยบ้างประปลาย

เรียน คุณสุภัทรา

 ที่บริษัทผมเองก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นโรงงาน เขาสั่งบล็อก MSN เลยนะครับ เพราะเขาเห็นว่าไม่จำเป็น เนื่องจากไม่ได้ติดต่อใครภายนอก

ส่วนอีกฝ่ายเป็นออฟฟิศฝ่ายขายซึ่งพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นเด็กรุ่นใหม่ และก็มักจะใช้ msn เพื่อติดต่อลูกค้าบ้างอะไรบ้าง แล้วแต่เขาจะหาเหตุผลมาบอก

ถามความเห็นส่วนตัวผม ผมเฉยๆกับการเล่น msn นะครับ เพราะถ้าผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้นๆ ยังตรงตามเป้า บรรลุวัตถุประสงค์ของบริษัท บางทีวิธีการจะเป็นอย่างไร ผู้บริหารบางท่านก็คงไม่ได้ลงรายละเอียดนัก อีกอย่างถ้าพนักงานมีระเบียบวินัยเขาควรจะทราบว่าอะไรควรไม่ควร รู้กาละเทศะตอนไหนเล่นได้เล่นไม่ได้น่ะครับ ฉะนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาตามสายงานเขากำหนดดีกว่า ว่าจะเล่นได้ไม่ได้อย่างไร ส่วนฝ่ายบุคคลก็คงเป็นสื่อการในการสร้างความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความสุขในการทำงานดีกว่าครับ

บางทีผมก็ไม่สนใจนะครับว่าแมวจะมีสีอะไร ขอให้แมวตัวนั้นจับหนูได้ผมก็โอเค

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท