ถ้ามีคำถามว่าใครงามที่สุดในวรรณคดี นางผู้ซึ่งมีหลักฐานแห่งความงามเป็นอันดับต้นๆ หรืองามที่สุดในวรรณคดี ก็คือนางสีดา บุษบา จากรำพึงรำพัน บทชมโฉม ของพระเอกในเรื่องนั้น แม้ว่าคนยุคปัจจุบันที่ร่วมจินตนาการไปกับบทชมโฉมนั้นจะรู้สึกค้านอยู่บ้างก็ตาม ผู้หญิงที่มีรูปเป็นทรัพย์ มักจะได้คะแนนความงามมากกว่าเกณฑ์อื่นๆ ใครอ่านวรรณคดีหลายๆเรื่องจะยิ่งคุ้นชินกับภาษาที่ใช้พรรณนาความงาม ในวรรณคดีของต่างชาติล้วนแล้วแต่มีการเปรียบเทียบที่เกินจริง แต่ไม่เห็นมีใครคัดค้าน คงมีความเข้าใจและชื่นชมในความสามารถของกวีด้วยซ้ำไป นี่ถ้าลองประกวดนางในวรรณคดีโดยให้เยาวชนยุคสื่อสารไร้พรมแดนเป็นผู้สร้างเกณฑ์การประกวดขึ้นใหม่ อาจมีการกระชากมงกุฎและแย่งสาวยสะพายนะคะ......
ถ้าจะประกวดกันอีกเมือ่ไหร่ อย่าลืมเชิญผู้หญิงสวยเหล่านี้มาเป็นกรรมการตัดสิน เพราะทุกนางล้วนมีฉายายืนยันความงามทั้งสิ้น เป็นต้นว่า
หวังเจาจุน ได้ฉายาว่า ปักษีตกนภา
เตียวเสี้ยน ได้ฉายาว่า จันทร์หลบโฉมสุดา
ไซซี ได้ฉายาว่า มัจฉาจมวารี
หยางกุ้ยเฟย ได้ฉายาว่า มวลผกาละอายนาง
คุณล่ะคะ สวยแบบมีฉายาหรือเปล่า ถ้ามีก็ร่วมเป็นคณะกรรมการได้เลย เรื่องราวในวรรณคดีแต่ละเรื่องมีทั้งความงามและความสนุกสนานเพลิดเพลิน เรียนวรรรคดีเรื่องใดก็ตามลองช่วยกันคิดขำๆ ต่อเติมเข้าไป เพื่อช่วยทำให้วรรณคดีน่าสนใจยิ่งขึ้นค่ะ
สวยมากจนรากแตก!! 555+
ครูครับ ผมอาจใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้องนะครับ เริ่ม!
จารย์ครับ จารย์ใช้หัวข้อคำว่า "ใครงามที่สุดในวรรณคดี " ผมนึกว่าอาจารย์จะพูดเกี่ยวกับตัวเองซะอีก( นางผีเสื้อสมุทร ) อาจารย์ไซซี ฉายา มัจฉาจมวารี คือ อะไรครับ
คือสวยจนปลาจมน้ำตายหรอครับ หึ หึ พูดเล่น
ผมว่าถ้าอาจารเอาบทหรือเรื่องต่างๆที่เคยเล่าในห้องเรียน มาลง คนอ่านท่าจะ ฮามิใช่น้อยนะคร้าาาบผมจะคอยดูผลงานอาจารย์นะครับ แค่นี้แหละครับเดี๋ยวผมจะไปอ่าน เม่นกับงูก่อน หวัดดีครับ
สวัสดีครับอาจารย์
ผมมาลองนึกถึงคนถูกชมมั่งนะครับ ถ้าชมแบบนี้ในสมัยปัจจุบัน นึกไม่ออกจริงๆครับ ว่าเจ้าหล่อนจะทำหน้าฉันใด
ยิ้มไม่หุบ หรือ อ้วกไม่หยุด แหะๆ
สนุกดีครับ ว่างๆผมจะกลับไปหาวรรณคดีเก่าๆของไทยเรามาอ่านอีก สแกนเอาเฉพาะบทชมโฉม จะได้รู้ว่าหญิงไทยกับหญิงจีนใครงามกว่ากัน
หวังเจาจุน ได้ฉายาว่า ปักษีตกนภา
หมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้" (งามจนนกต้องหยุดบิน)
เตียวเสี้ยน ได้ฉายาว่า จันทร์หลบโฉมสุดา
หมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้"
ไซซี ได้ฉายาว่า มัจฉาจมวารี
หมายถึง"ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงปลายังต้องจมลงสู่ใต้น้ำ" (ว่ากันว่านางไปทำอะไรที่ลำธารนี่แหละ แต่พอฝูงปลาได้เห็นนาง ก็ต้องตะลึงจนหยุดว่ายไปเลย)
หยางกุ้ยเฟย ได้ฉายาว่า มวลผกาละอายนาง
หมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย" (งามจนถึงขั้นที่ว่าดอไม้ที่อยู่ใกล้ๆนางยังดูเฉาไป)