เส้นทางสู่หมู่บ้านหลังเขา: วันก่อนวันสุดท้ายที่ญี่ปุ่น...สู่สวนสันติภาพ Nagasaki


  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">วันนี้เราต้องตื่นแต่เช้า เพื่อทานอาหารเช้าที่โรงแรมก่อนขึ้นรถเดินทางไปยังท่าเรือเฟอรี่เพื่อข้ามอ่าวจากเมือง Kumamoto ไปยังเมือง Nagasaki นั่งรถประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็ถึงท่าเรือเฟอรี่ รอสักพักอย่างตรงเวลา เรือก็เทียบท่า เราขึ้นรถเพื่อขึ้นเรือ เมื่อรถขึ้นเรือได้แล้วเราจึงลงรถขึ้นไปบนส่วนบนของเรือซึ่งมี 2 ชั้น ชั้นบนแรกเป็นห้องมีที่นั่งผู้โดยสารชนิดหรู สวยงาม สะอาด และมีส่วนหน้าสุดหรูยิ่งกว่า ตรงส่วนนี้หากประสงค์จะนั่งต้องจ่ายค่าโดยสารเพิ่มค่ะ เที่ยวที่เราไปไม่มีผู้โดยสารในส่วนนั้น</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">สมาชิกในกลุ่มเราขึ้นไปอีกชั้น ซึ่งเป็นชั้นที่มีที่นั่งหลากหลายรูปแบบ แต่เราไม่ค่อยสนใจ เราพุ่งไปยังบริเวณดาดฟ้า เพื่อชมความงามของท้องทะเล ท้องฟ้า  พร้อมสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ และดูนกนางนวลที่บินล้อกับลมทะเล ... คลื่นน้อยมาก นับเป็นโชคดีค่ะ มิฉะนั้นดิฉันอาจจะเมาเรือได้ ... ทำให้ดิฉันอิ่มความสุขจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ไม่นานเราก็มองเห็นภูเขาที่มีรูปลักษณะคล้ายนกอินทรีย์กางปีก … ค่ะ เรามาถึงฝั่งเมือง Nagasaki ค่ะ แต่ยังต้องนั่งรถ ผ่านภูเขา ผ่านอุโมงค์อีกหลายอุโมงค์กว่าจะถึงเมือง Nagasaki ค่ะ…เกือบเที่ยงเราก็ถึงเมือง และร้านอาหารเที่ยงของพวกเรา วันนี้เราทานเมนูอาหารจีน ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของ Nagasaki นั้นก็คือ chanpon จัมปง เป็นเส้นหมี่เล็กๆทอดกรอบ ราดด้วยผัดผักเหนียวๆ คล้ายๆ ราดหน้าบ้านเราค่ะ …ก็อร่อยดีค่ะ…แต่ราดหน้าบ้านเราอร่อยกว่า… :-))</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> </p><p></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หลังอาหารเที่ยง เราได้ไปเยี่ยมชม Nagasaki Atomic Bomb Museum ทุกคนที่มาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ดิฉันไม่เห็นวี่แววของความสนุกสนาน ต่างจากเวลาที่ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ... ที่นี่ ทุกคนดูด้วยความสงบ และหดหู่ใจกับเรื่องราว และสภาพบ้านเมืองที่ปรักหักพงอันเป็นผลเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ... เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้ชาวญี่ปุ่นเกลียดและกลัวสงคราม เพราะสงครามคือความสูญเสีย อย่างใหญ่หลวง ... ที่นี่ท่านอาจารย์วรภัทรได้ขอให้ไกด์พาพวกเราไปยังจุดที่ใกล้ๆ กับจุดที่ระเบิดปรมาณูตกลงมา แล้วพวกเราก็นั่งสวดมนต์เพื่ออุทิศส่วนบุญให้ผู้ที่เสียชีวิต ณ ในเหตุการณ์</p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ใกล้ๆกันนั้นเราก็ไปเยี่ยมสวนมิตรภาพที่มีรูปปั้นผู้ชายนั่งชี้มือขวาขึ้นด้านบน ส่วนมือซ้ายคว่ำลง เป็นสัญลักษณ์ขอให้โลกสงบสุข...</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>   <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">จากนั้นเราขึ้นรถมุ่งหน้าไปยัง เมือง Fukuoka เมืองแรกที่เรามาถึงเพื่อขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับบ้านเราค่ะ…..</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> 

คำสำคัญ (Tags): #japan#nagasaki#atomic#bome#meseum
หมายเลขบันทึก: 153421เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2007 19:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 01:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับ

  • ขอไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยครับ
  • หลังสงคราม ญี่ปุ่นก็พัฒนาไวจริงๆ

ภูเขาที่มีรูปลักษณะคล้ายนกอินทรีย์กางปีก

...

ดูเหมือนมากเลยนะครับ

แต่ผานกเค้าที่เมืองเลย ... ดูแล้วต้องใช้จินตนาการอย่างมากโขเลยทีเดียว

ผมชอบที่ญี่ปุ่นเรียนรู้ประสบการณ์จากบาดแผลของแผ่นดินได้เป็นอย่างดี  หลายแห่งมีวัตถุสถานให้เรียนรู้อย่างไม่เขินอาย  ... สิ่งเหล่านี้ผมว่าเมืองไทยยังไม่เปิดรับเท่าที่ควรนัก  บางคนยังมองว่าประจานอดีตกาลอันเป็นรากเหง้าของตนเองเลยด้วยซ้ำไป

.....

ขอบคุณครับ

เห็นหลังคากระจกแบบนี้นึกถึงด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ลุฟว์เลยค่ะ มันคืออาคารอะไรคะพี่ หรือเป็นหลังคา museum เหมือนกัน ขำสามคนนั้น เลียนแบบรูปปั้น อืมม์ แต่พอมีคนเทียบทำให้รู้เลยว่ารูปปั้นใหญ่มากทีเดียว

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

 P

พี่ดูภูเขาแล้วก็เห็นเค้าเปรียบได้เหมือนจริงๆ ค่ะ ว่าเหมือนนกอินทรีย์กางปีก ... และเขาก็ใช้ตรงนี้เป็นสัญญลักษณ์ของเมืองด้วย ... พี่คิดว่าญี่ปุ่นชอบหาสัญญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงจุดเด่นของแต่ละเมือง ไม่รู้นี่คือการสร้างอัตลักษณ์ด้วยรึปล่าว อย่างเช่น เมือง Kagoshima ที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะกิวชิว เกาะเดียวกับเมือง Nagasaki นี่แหละค่ะแต่อยู่ใต้ลงไป เป็นเมืองที่มีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ Sakura shima วันๆพ่นเถ้าภูเขาไฟออกมามากมาย ช่วงที่เถ้าตกลงในเมือง บ้านเมืองเต็มไปด้วยฝุ่นเถ้า เด็กๆก็เป็นภูมิแพ้กันมากมาย คนเดินถนนก็ต้องปิดจมูก ดูแล้วลำบากไม่น้อย แต่ชาวเมืองก็ถือว่านี่คือสัญญลักษณ์ของเมือง และนำสัญญลักษณ์มาผลิตเป็นสินค้ามากมาย....คิดดูซิค่ะ

อีกอย่างหนึ่งคนญี่ปุ่นชอบศึกษาประวัติศาสตร์มังค่ะ เขาคุยกันถึงประวัติศาสตร์ได้เป็นฉากๆ พอเขาหันมาถามเรื่องประวัติศาสตร์เรามั่ง...เอ๋อ เลยค่ะ...ถามเขา เขาก็ไม่ได้ศึกษาเป็นพิเศษไปจากปกติ แต่ทำไมเขาเข้าเรียน จำได้ และเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ได้ แต่ทำไมเราไม่เป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่ก็เรียนมาเหมือนกัน.....คิดว่ายังไงค่ะ ทำไมเราไม่ค่อยศึกษา หรือรู้ซึ้งถึงประวัติศาสตร์บ้านเราค่ะ

สวัสดีค่ะคุณกบ

  P

ตามเที่ยวได้ทุกจุดที่เราไปได้เลยค่ะ ... จริงๆ ค่ะ ญี่ปุ่นพัฒนาไวมากๆ...อย่างที่แผ่นดินไหวที่เกิดครั้งใหญ่เมื่อปี มกราคม 2538 (1995) เมือง Kobe บ้านเมืองพังไปมากมาย ทั้งตึกถล่ม ไฟไหม้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี แทบไม่เห็นร่องรอยค่ะ

 

สวัสดีค่ะน้องซูซาน

 P

พี่ยังไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์ลุฟว์ค่ะ แต่รู้จักจากหนังสือเรื่องดาร์วินชี โค้ด หลังคานี้เป็นหลังคาของ museum ค่ะ อยู่ตรงทางเดินเข้าค่ะ เห็นสวยดีก็เลยถ่ายภาพหลังคา และถ่ายภาพพวกเราที่กำลังเดินเข้าไปด้วยค่ะ

ขำ ขำ เหมือนกันค่ะ ก็ทำท่าถ่ายภาพ ทั้งเด็กและผู่ใหญ่ใน Trip นี้ วัยใกล้ๆกันค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท