ทำไมต้อง " สีชมพู"
หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อสีชมพู ขณะเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนต้องการสวมเสื้อสีชมพู เพื่อเสริมพระบารมีน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากเป็นสีมงคล เป็นสีประจำพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสีชมพูยังหมายถึงการมีสุขภาพและพลานามัยที่สมบูรณ์
มีนักพยากรณ์โหราศาสตร์ ผู้ใช้นามปากกาว่า "จันทร์ตรี" บอกว่า ตามตำราพรหมชาติ ระบุว่า ชมพูเป็นสีประจำวันอังคารในระบบทักษาพยากรณ์ อันหมายถึง เทวดาพระเคราะห์ผู้ทำหน้าที่ปกป้องรักษา เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพวันจันทร์ทรงมีดาวอังคารซึ่งมีสีชมพูเป็นอายุ ในทางโหราศาสตร์หมายถึง สีอันเป็นมงคลและเสริมพระพลานามัย ด้วยเหตุนี้เอง จึงแลเห็นแถบแพรสีดังกล่าว ปรากฏบนตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2550
ตามคติความเชื่ออิทธิพลของสี เป็นความเชื่อของคนไทยที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตมาช้านาน และสีชมพูก็เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเสมอมาดังเช่น เครื่องแต่งกายของชาววังในสมัยโบราณ ได้ถือปฏิบัติจนกลายเป็นประเพณีโดยเฉพาะเวลาเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน ต้องแต่งด้วยผ้าลายและสะพักแพตามวันต่าง ๆ ดังนี้ วันอาทิตย์ ทรงผ้าสายสีลิ้นจี่ ทรงสะพักแพรสีโศก หรือทรงผ้าสีเขียวใบไม้ ทรงสะพักสีทับทิม, วันจันทร์ทรงผ้าเหลืองอ่อน ทรงสะพักแพรสีน้ำเงินหรือสีบานเย็น ทรงผ้าสีนกพิราบน้ำเงินหม่น ทรงแพรสีจำปาแดง,วันอังคาร ทรงผ้าสีม่วงอ่อน ทรงแพรสีโศกหรือผ้าสีโศก ทรงแพรสีม่วง ,วันพุธ ทรงผ้าสีเหล็กหรือสีถั่วเขียว ทรงสะพักแพร สีจำปาอ่อนหรือแก่ ทรงแพสีเหลืองหรือสีแก่กว่า, วันพฤหัสบดี ทรงผ้าสีแสด, วันศุกร์ ทรงผ้าสีน้ำเงินแก่ ทรงแพรสีเหลือง และวันเสาร์ ทรงผ้าลายพื้นม่วง ทรงแพรสีโศก
อ่านต่อตอนต่อไป
