ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของมหาวิทยาลัยนเรศวรที่สำคัญ ที่ต้องบันทึกไว้ในวันนี้ คือการชะงักงันของ พ.ร.บ. ออกนอกระบบ
ยากที่จะทราบอนาคตของมหาวิทยาลัยในเวลาข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ อีกปีเศษ นับจากวันนี้ จะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอันเกี่ยวกับการนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบตามแถลงการณ์ของท่านอธิการบดี (รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี) คลิ๊กหลักฐาน แต่.... การเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นหล่ะ......มันก็บ่แน่ดอกนาย....
อย่าวิตกกังวลมากเกินไป มันอาจดีก็ได้ ( ดิฉันปลอบใจตัวเองด้วยประโยคนี้ ซ้ำไปซ้ำมา...ในใจ...)
เพื่อให้คลายความกังวล (ของตัวดิฉันเอง) ต้องหางานทำให้มาก อย่างน้อยเวลานี้ก็เป็นเวลาที่ดี ที่จะทำความเข้าใจ พ.ร.บ. มน. อย่างรอบคอบ (อย่างที่มีหลายท่านคอยเตือน) โดยศึกษาทีละมาตรา ทุกมาตรา แล้ววิพากษ์ด้วยตนเอง ตามข้อจำกัดของสติปัญญาและความรู้อันน้อยนิด
ทั้งนี้ อาศัยประโยชน์ของ Blog ซึ่งเป็น Diary สาธารณะ บางที....อาจช่วยให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "ประชาพิจารณ์" ได้
ดิฉันขอนำ พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยนเรศวร เทียบเคียง กับ พ.ร.บ. ของมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยพี่ใหญ่ ที่เพิ่งออกนอกระบบไปเมื่อไม่นานนี้ เพราะแน่ใจว่าองค์การขนาดใหญ่ ซับซ้อน วุ่นวาย และผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนอย่างมหาวิทยาลัยมหิดล จะต้องกลั่นกรอง ควบแน่นมาแล้วเป็นอย่างดี ถ้าพี่ใหญ่ทำได้ น้องเล็กก็ไม่น่าจะมีปัญหา
พ.ร.บ. ม.นเรศวร |
พ.ร.บ. ม.มหิดล |
|
มาตรา ๑ | พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ......" | พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. ๒๕๕๐" |
มาตรา ๒ | พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป | พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป |
มาตรา ๓ | ให้ยกเลิก |
ให้ยกเลิก |
มาตรา ๔ | ในพระราชบัญญัตินี้ | |
"มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร | "มหาวิทยาลัย" หมายความว่า มหาวิทยาลัยมหิดล | |
"สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยนเรศวร | "สภามหาวิทยาลัย" หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยมหิดล | |
"สำนักงานมหาวิทยาลัย" หมายความว่า ส่วนงานบริหารกลางของมหาวิทยาลัย | ||
"วิทยาเขต" หมายความว่า เขตการศึกษาของมหาวิทยาลัยที่มีส่วนงานวิชาการตั้งแต่สองส่วนงานวิชาการขึ้นไป ซึ่งตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตามที่สภามหาวิทยาลัยกำหนด | "วิทยาเขต" หมายความว่า ส่วนงานของมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตามที่สภามหาวิทยาลัยกำหนด | |
"คณะ" หมายความว่า ส่วนงานวิชาการกลางของมหาวิทยาลัย | "ส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น" หมายความว่า ส่วนงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ | |
"พนักงาน" หมายความว่า พนักงานของมหาวิทยาลัยนเรศวร | ||
"อาจารย์" หมายความว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร | ||
"สภาอาจารย์" หมายความว่า สภาอาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร | "สภาคณาจารย์" หมายความว่า สภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล | |
"พนักงานมหาวิทยาลัย" หมายความว่า พนักงานมหาวิทยาลัยมหิดล | ||
"ผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย" หมายความว่า พนักงานมหาวิทยาลัยมหิดล ข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการซึ่งสังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล พนักงานซึ่งจ้างจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย และพนักงานซึ่งจ้างโดยเงินอุดหนุนจากองค์กรภายนอกมหาวิทยาลัย | ||
"รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ | "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ | |
มาตรา ๕ | ให้มหาวิทยาลัยนเรศวรตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ.๒๕๓๓ เป็นมหาวิทยาลัยนเรศวรตามพระราชบัญญัตินี้ และมีฐานะเป็นนิติบุคคล | ให้มหาวิทยาลัยมหิดลตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นมหาวิทยาลัยมหิดลตามพระราชบัญญัตินี้ และมีฐานะเป็นนิติบุคคล |
มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ มีฐานะเทียบเท่ากรม และเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ซึ่งไม่เป็นส่วนราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น | มหาวิทยาลัยมหิดลมีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ซึ่งไม่เป็นส่วนราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น | |
มาตรา ๖ | ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ | ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ |
ทั้ง 6 มาตรา มีความเหมือนบ้างและความต่างบ้าง (ตัวอักษรสีแดงคือส่วนที่ต่าง)
ข้อสังเกต
มาตรา ๔ มน.เรียกว่า สภาอาจารย์ ม.มหิดล เรียกว่า สภาคณาจารย์
มาตรา ๕ ของมหาวิทยาลัยมหิดล เพิ่มคำว่า กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ด้วย เห็นทีจะมีเจตนาบางอย่าง ซึ่ง ดิฉันก็จนด้วยเกล้าไม่ทราบว่าทำไมต้องกำหนด? ได้แต่ตั้งสมมุติฐานว่า คงจะป้องกันไว้ทุกประตู ที่จะไม่ถูกครอบงำด้วยระบบราชการเดิมๆ (จะให้แน่คงต้องศึกษากฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการอีกฉบับ)
โอย!!...นี่แค่ 6 มาตราแรกเท่านั้น.....อยากจะรู้ว่าใครหมกเม็ดอะไร ก็ต้องคว้านเนื้อ คว้านไส้ ออกให้หมดอย่างนี้แหละค่ะ อย่าเพิ่งด่วนสรุป ด่วนประณามใครนะคะ...บาปกรรมเปล่าๆ
ช่วยกันชำแหละแคะคุ้ยกันมากๆ นะคะ โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้ยังมีอนาคตอีกยาวไกลในมหาวิทยาลัยนเรศวร แม้จะรอให้แน่ใจอย่างถึงที่สุด อีก 10 - 20 ปี ก็คงไม่สายกระมัง!!!
ผมเห็นด้วยนะครับ
นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะการนำออกมาเผยแพร่และตีแผ่จะได้รับประโยชน์อย่างมาก เหมือนรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ที่มีการนำมาแจกจ่ายให้ทุกคนได้อ่านแม้แต่ลูกเล็กเด็กแดง ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีเสียงของประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ผมก็อยากเห็น พ.ร.บ. ม.นเรศวร มีการวิพากวิจารณ์อย่างแพร่หลาย เช่นนั้นเหมือนกัน หวังว่ามหาวิทยาลัยคงจะอนุเคราะห์พิมแจกและเผยแพร่แม้จะต้องยกร่างใหม่ก็ตาม แต่ พ.ร.บ. ของม.นเรศวร จะเป็นที่แรกที่มีส่วนร่วมของประชาคมและประชาชนอย่างแท้จริง
ผมว่านะ.....คุณดุเดือดเกินไปนะครับ
จะคิดจะพูดแสดงความเห็นขอให้ใจเย็นๆ
ไม่โน้มเอียงด้วยความชอบและมิชอบใดๆ
เพราะสำเนียงย่อมส่อภาษา กริยา วาจา อาการย่อมส่อถึงสกุล
ทีนี้เรามาเรื่องที่มีสาระดีกว่าครับ เริ่มจาก....
1....- เท่าที่รู้มาว่ามหิดลออกนอกระบบก็ด้วยการทำแบบเงียบๆ
ผมให้ความเห็นว่า....
แสดงว่าสิ่งที่คุณรู้ยังไม่ใช่ข้อ "เท็จจริง"
แต่เป็นเพียง ......เค้าว่างั้น .......เค้าเล่าว่า
.......เค้าบอกว่า.....โอยยย แย่ครับพี่น้องการปล่อยข่าวลือให้ปลาซิวปลาสร้อยแตกตื่นตูมตาม
มันทำให้สังคมบ้านเราแย่ลงๆๆๆ และแย่ลง
วิสัยแบบนี้นะครับ สามล้อเค้าทำกันครับ
ผมแนะนำว่า..... อย่าเชื่อในสิ่งที่ฟังกันมา (โปรดศึกษากาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3 )
2....-เหมือนกัน บุคลากรในมหาวิทยาส่วนใหญ่นิสัยดีไม่ค่อยโต้แย้ง-
ผมให้ความเห็นว่า....ธรรมชาติของมนุษย์เรานะครับหากสิ่งใดนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่พึงปราถนาเราย่อมหลีกเลี่ยงมัน แต่หากสิ่งใดเป็นสิ่งที่ปราถนาหรือพอจะยอมรับได้เราย่อมไม่รังเกียจที่จะรับมันไว้ ใช่หรือไม่ครับ ???
ดังนั้นการที่บุคลากรไม่โต้แย้งนั่นก็หมายความว่าเป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับได้ แล้ว...เขาผิดเหรอครับที่เค้ายอมรับได้ ตกลงว่าบุคลากรผิดหรือคนที่เห็นต่างไปจากคุณนั้นผิด
ผมแนะนำว่า....คิด พูด ทำ(รวมถึงพิมพ์ด้วยนะครับ) อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง พึงสำนึกไว้เสมอว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของสุริยจักรวาล เราเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญพอๆกับส่วนอื่นๆ เช่นกัน
อย่างไรเสีย ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงย่อมนำมาซึ่งความตื่นตระหนกให้แก่ผู้อยู่สภาพแวดล้อมนั้นๆ
การเปลี่ยนแปลงมีทั้งดีและเลวในตัวมันนะครับ
ดังนั้นเราควรศึกษาอย่างถ่องแท้ อย่าเอาความอคติเป็นที่ตั้ง
เพราะไม่อย่างนั้นเราและคุณ จะไม่มีทางเรียนรู้ร่วมกันได้
หากเรียนรู้ร่วมกันไม่ได้ ความเข้าใจในกันและกันย่อมไม่เกิดขึ้นมา
แต่หากเราคุยกัน ปรึกษากัน ปรับความเข้าใจกันโดยเปิดกว้าง ยอมรับในกันและกันได้
เมื่อนั้นผมคิดว่าเราจะหาจุดร่วมระหว่างผู้สนับสนุนและผู้คัดค้าน
ไม่เป็นไรนะครับวันนี้เสียแล้วเสียไป วันพรุ่งนี้เดินหน้ากันใหม่ทำให้ดีกว่าเดิมด้วยกัน
ฝากไว้กับทุกท่านครับ คนที่ไม่พัฒนา คือคนที่ตายแล้ว
น่าเสียดายจริงๆครับ เวลาอันมีค่าของผมหมดลงแล้ว
ผมกลับก่อนล่ะ
น่าเห็นใจท่านนะครับอุตสาห์หารายชื่อ 2000 คนสนับสนุน ช่วยนำมาแสดงด้วยนะคะ เดี๋ยวเขาไม่เชื่ออีกนะจะบอกให้
เปิดความจริงหลังม.มหิดลออกนอกระบบ สิทธิรักษาพนง.น้อยกว่าเดิม-เงินเดือนขึ้นลูกผีลูกคน |
โดย ผู้จัดการออนไลน์ | 11 ธันวาคม 2550 09:06 น. |
|