บางครั้งในหลายเวลาที่คนเรานั้นเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ทำให้ต้องระเบิดกริยา และวาจาที่คนรอบข้างเรียกคนนั้นว่าเป็น “โรคประสาท”
ประสาทเป็นสิ่งที่รับสัมผัสอันมีอยู่โดยถ้วนทั่วทุกตัวคน
ทุกคนมีประสาท และทุกคนก็เป็นโรคประสาท
แต่ปัญหาจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นนั้นอยู่ที่ใครจะคุมประสาทที่ถูกกระทบ ถูกกด ถูกตบ ถูกตี ถูกกระแทกจากผัสสะหรือสัมผัสรอบข้างได้มากน้อยกว่ากัน
เมื่อสิ่งแวดล้อมภายนอกกระทบอายตนะทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ประสาทส่วนปลายสุดจะเริ่มรับรู้และส่งทอดสัญญาณผ่านสายในร่างกาย พร้อมทั้งผนวกเข้ากับ “สัญญา” หรือความจำเก่า ๆ จากประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต จากนั้นถ่ายทอดออกมาเป็นกริยาทั้งทางกาย วาจา และใจ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จิตจะทำงานและประมวลผลเพียงแค่เสี้ยววินาที
ดังนั้นสิ่งที่จะออกมาจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับ “สติที่ใช้คุมประสาท” ในขณะนั้น ของคนนั้น ณ เวลานั้นว่า สติจะดำรง มั่นคง ทรงอยู่ได้มากน้อยเพียงใด
ถ้าสติลง สติหาย สติเตลิด ขาดสติ ไม่มีสติ สิ่งที่กริยาทั้งกาย วาจา ใจ แสดงออกมานั้นก็กลายเป็นความน่ากลัว ความน่ารังเกียจ น่าสมเพช เวทนา
ถ้าสติทรง ดำรงสติมั่น ทั้งกาย วาจา ใจ อาจจะสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวต่อผัสสะใด ๆ ที่มากล้ำกลาย
หรือถ้าสติเกิดการหมุนเวียนเป็นเกลียวขึ้นจนกลายเป็นปัญญา สิ่งที่กาย วาจา ใจ นั้นแสดงออกมาก็จะกลายเป็นความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ต่อผัสสะต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ
ลมหายใจเข้าที่สบาย ลมหายใจออกที่สบาย ทรงและสร้างสติ
สติมั่นคง ดำรงประสาทให้แข็งแกร่ง แข็งแรง สู้ และสร้างชีวิตให้สวยงามปราศจากการครหาว่าเป็นคน "โรคประสาท” ตลอดไป
อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ
กราบนมัสการ..พระอาจารย์จอห์น..
สภาวะที่ว่านั้น เราเรียกว่า ปฏิฆะหรือเปล่าคะ..
หาก....
ถ้าสติทรง ดำรงสติมั่น ทั้งกาย วาจา ใจ อาจจะสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวต่อผัสสะใด ๆ ที่มากล้ำกลาย
นั่นหมายถึงเราละ "ปฏิฆะ" นั้นได้... ใช่หรือเปล่าคะ
....
กะปุ๋ม