ถ้าชีวิตคือการต่อสู้แข่งขัน หากคุณไม่ทำในเรื่องใดเรื่องหนึ่งในเวลาหนึ่ง ๆ แล้วจะเป็นอย่างไร “เวลาและโอกาสไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่งตลอดไป” ฉะนั้นสิ่งที่คิดได้ คือ อย่าหยุดนาน อย่าท้อนาน ให้รีบลุกเหมือนตุ๊กตาล้มลุก ให้กำลังใจตัวเองและยืนขึ้น มองงานในแนวทางของตัวเอง ทำเพื่ออะไรและจะทำอย่างไร
*****เกิดบทเรียนในการคบหามิตร ใครจะเป็นปิยมิตร ดูอย่างไร
“ในเมื่อวิบัติ จะเห็นใจมิตร….”
“ผู้ใดไม่ทิ้งเพื่อนในคราวร่าเริง
กับในคราวได้ทุกข์ร้อน
ในคราวกันดารอาหาร
ในคราววุ่นวายจลาจล
ติดตามไปถึงทวารพระราชวังและถึงป่าช้า
ผู้นั้นนับเป็นพวกแท้” (หิโตปเทศ :เสถียรโกเศศ-นาคะประทีป)ในการคบมิตร "จงระวังคำพูด เพราะอาจจะทำให้เสียมิตร จงให้ความจริงใจ แต่อย่าไว้วางใจเป็นอันขาด"
"มีเพื่อนดี มีหนึ่งถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนเกลือดี มีนิดหน่อย น้อยราคา
ยังมีค่า กว่าน้ำเค็ม เต็มทะเล" (พุทธภาษิตคำกลอน พระไตรปิฎก)
*****เกิดบทเรียนในการใช้ชีวิต “จงระวังความคิดเพราะจะทำให้เกิดทุกข์” มนุษย์จะสุข ทุกข์ อยู่ที่เลือกในสิ่งที่คิด จะคิดให้เป็นสุข ก็จงคิดแต่สิ่งดี ๆ วันที่ท้องฟ้าสดใส ดอกไม้บาน นกร้อง ฯลฯ
*****เกิดบทเรียนในการทำงาน "อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะโอกาสไม่ได้เป็นของใครอยู่นาน"
1. กิจกรรม คนในความคิด โดยให้นึกชื่อคนในความคิดของเราแล้วมาบอกกับคนอื่น เช่นที่อาจารย์แทนตัวเองว่า “เอส โจนาธาน” อธิบายเพื่อนว่าทำไมถึงชอบคนนี้ หรืออาจารย์กำลังสอนเรื่อง “ต้นแบบ” คนเราควรมีใครที่เป็นต้นแบบที่เราอยากเป็นอย่างหรือไม่ เช่นที่ถ้าอยากเป็นนักพูดก็จะยึดใคร ใคร สักคน มาเป็นแบบอย่าง หรืออยากเป็นนักการเมือง ก็ยึดแบบอย่าง ใคร ใคร สักคน (ความสำคัญของการมีต้นแบบ ลองหาอ่านได้ในหนังสือสู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง หนังสือน่าอ่าน 2 ที่ได้แนะนำมาแล้ว) ซึ่งการยึดต้นแบบมิใช่ว่าเราจะเลียนแบบไปเสียทุกเรื่อง หากแต่เป็นบางจุดที่น่าปะทับใจ น่าสนใจ เป็นโลโก้เฉพาะของคนนั้นและเป็นสิ่งที่เราต้องการเป็น
2. กิจกรรมวางสัมภาระ แลกเปลี่ยนเก้าอี้ โดยให้วางสัมภาระในการเรียน ทั้งสมุดปากกา ดินสอ กระเป๋า ปิดโทรศัพท์มือถือ วางเก้าอี้เป็นวง “ฟังและปฏิบัติ” ปล่อยสมองให้กล้าที่จะคิดและหาคำตอบเพื่อตอบคำถาม ซึ่งกว่าจะถึงเวลาของเรา เพื่อนที่อยู่ก่อนอาจจะจะตอบคำตอบที่เราคิดไปแล้ว ถ้าคนอยู่ห่างกันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนที่นั่งติดกับเราดันคิดคำตอบเหมือนเราล่ะแย่เลย และที่สำคัญมักจะเป็นเช่นนั้นเสียด้วย “เราจึงควรมีคำตอบหลาย ๆ คำตอบให้กับคำถาม 1 คำถาม” เช่นกันกับการเปลี่ยนเก้าอี้นั่ง ที่สอนให้เราไม่ยึดติด และพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง (โดยไม่ต้องสร้างสมบัติไว้เยอะ) ยังบอกเราว่าบางทีเก้าอี้ที่เราหมายตาไว้ อาจถูกเพื่อนที่อยู่ใกล้ ที่ว่องไวหรือมีความสามารถมากกว่าแย่งนั่งไปก่อน เราจึงควรปรับทิศทางให้ทัน มิฉะนั้นเราจะไม่มีเก้าอี้นั่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถที่จะเลือกที่ยืนและที่นั่งของตัวเองได้ ขอให้มีความมุ่งมั่นและหาโอกาสที่เหมาะสม และสมควรแก่เวลา
3. กิจกรรมฟัง 1 โดยให้เพื่อนเล่าในสิ่งที่อยากเล่า และเราก็ฟังและไม่ค้าน ไม่แสดงความคิดเห็นในด้านลบ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้ฟังได้เพื่อนเพิ่มขึ้น และได้บุญที่รับฟังคนอื่น เพราะบางคนอยากจะระบายความในใจแต่หาคนที่รับฟังคนอื่นโดยไม่ใส่ความคิดเห็นได้ยากมากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แถมบางคนวิพากษ์วิจารณ์ร่วมพร้อมทั้งโจษความผิดให้กับคนเล่าเสียนี่ เรียกว่าหนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ผู้เล่าอาจแค่ระบายความอัดอั้นตันใจ ผู้ฟังที่ถูกเลือก“จงรับฟังและรับฟัง ให้กำลังใจแล้วลืมมันซะ”
4. กิจกรรมฟัง 2 “หยุดคิด ให้อภัยคนอื่น ให้อภัยตัวเอง และอวยพร” ถ้าเพียงแต่ไม่พอใจใครก็ “หยุด คิดไตร่ตรอง และให้อภัยคนนั้นที่เราเกลียดไม่พอใจ จากนั้นก็ให้อภัยตัวเองที่โกรธ เกลียดคน ๆนั้น แล้วก็อวยพรให้ไป” ด้วยการสารภาพกับคนข้างเคียงว่า “ฉันให้อภัยตัวเองแล้วที่....” ซึ่งทางพุทธศาสนาก็บอกว่าให้แผ่เมตตาให้กับคนที่เราไม่รู้สึกเป็นมิตร จะทำให้เราปลอดโปร่ง สบายใจ
: ในชีวิตเราเคยฟังอะไร จริงๆ บ้างไหม
5. เปิดใจกว้าง (Open Mind Can Grow) พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ กล้าที่จะทักทายคนอื่นก่อน กล้าที่จะก้มไหว้คนที่ด้อยกว่าก่อน กล้าที่จะไหว้คนที่เกลียด (จะทำได้ไหมนี่) โดยการฝึกไหว้อย่างนอบน้อม และทักทาย พูดคุยด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง “คนเราเลือกที่จะพูดสิ่งที่ดีๆได้”
ถึงแม้ความคิดเชิงลบจะทำให้คนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทบนโลกแห่งความจริง แต่ความคิดเชิงบวกเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คน สามารถมีชีวิตที่สุขสวยสดงดงาม ฟ้าเป็นสีฟ้า นกร้องเสียงไพเราะ ได้ทุกวัน....อย่าให้เป็นเช่นที่อาจารย์ว่า "ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทาง" จาก จินตนาภร
น้องเขียว สรุปพร้อมใส่เติมเพิ่มความคิดดีๆ เข้าไปได้ดีมากครับ อาจารย์รัศมี เป็นอีกคนที่อยู่ในใจของเราชาวนิวเว็บ1 ทุกคน
เขียว ยังอยู่ดีใจจัง++++++
ได้ทบทวนบ่อยๆ ดีจัง อย่าลงทางเดิมน่ะ สร้างทางใหม่ได้น้อ
ผมจะอยู่ใกล้ๆคุณตลอดไป และติดตามผลงานเสมอๆ
"มีเพื่อนดี มีหนึ่งถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนเกลือดี มีนิดหน่อย น้อยราคา
ยังมีค่า กว่าน้ำเค็ม เต็มทะเล"
เห็นด้วย ถูกต้อง
มีเพื่อนเยอะ...ใช่ว่าจะหาความจริงใจได้เสียทุกคนสะเมื่อไหร่ล่ะจริงไหมจ้ะ
ความสุขและความโศกเศร้าในชีวิตคนเราเป็นของที่อยู่ติดกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวเหมือนกับผลไม้ที่มีทั้งเปลือก เนื้อและเมล็ด ที่เปรียบความทุกข์และความโศกเศร้าเป็นเปลือก และเนื้อของมันก็เปรียบได้กับความสุข
เมื่อเราฉีกเปลือกของผลไม้ออกแล้ว เราจะพบกับเนื้อของมัน เช่นเดียวกับเมื่อเราถอดเอาความโศกเศร้าทิ้งเสีย เราจะพบกับความสุข
แต่การฉีกเปลือกผลไม้ อย่างทุเรียนและมะพร้าวใช่ว่าจะง่ายนัก เปลือกที่เป็นความโศกเศร้าของคน ก็ฉีกเปลือกออกได้ยาก ยิ่งกว่ามะพร้าวและทุเรียน ที่มีหนามแหลมคมและหนาสักเพียงใด ความโศกเศร้าที่มีมากของคนก็ฉีกออกได้ยากยิ่งกว่านั้น
แต่การปอกเปลือกทุเรียนและมะพร้าว ก็มีกรรมวิธีเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยมีดแหลมคม ประกอบด้วยความชำนาญและกลวิธีบางประการ ที่ต้องอาศัยการเรียนรู้และฝึกฝนจึงจะเกิดความชำนาญ
การปอกเปลือกแห่งความโศกเศร้า ก็มีกรรมวิธี มีเครื่องมือ มีการเรียนรู้และการฝึกฝนเช่นกัน เมื่อมีความชำนาญมันไม่ยากเหมือนกับการปอกเปลือกทุเรียนและมะพร้าว
สำคัญที่ว่าคุณต้องการและพร้อมที่จะเรียนรู้หรือฝึกฝนหรือไม่เท่านั้น
นึกจินตนาการไปด้วย ก็เห็นภาพที่คุณมังคุดบอก วิธีการแต่ละคนที่จะปอกเปลือกของผลไม้ก็แตกต่างกัน เช่นเดียวกับการปลีกจากความทุกข์ และความเศร้า แม้บางทีหาเจอสาเหตุแห่งทุกข์และเศร้านั้นแล้ว แต่ก็แก้ไม่ได้ ไม่ใช่ไม่พยายามจะปลีกออก หากแต่ภาวะจิตใจ และแวดล้อมอื่นๆ อีกมากที่มาเป็นปัจจัยให้เจ้าตัวมีข้อแก้ตัวที่จะจมกับความทุกข์ เศร้าหมองนั้นต่อไป เพื่อรอเวลาเป็นตัวรักษา เป็นการเอาสีข้างเข้าถู จริงจริง ดีใจที่ได้อ่านอะไรดีดี ขอบคุณคนเขียน และคุณมังคุด