เรื่องเล่าจากเกาหลี : กิมจิ..กิมจิ..ตอนที่ 8 ทะเลสาบซุงจูและหมู่บ้านใต้น้ำที่อยู่บนบก

เช้าตรู่ที่ Danyang Daemyung Hotel อากาศดีมั๊กมากเลยครับ กำลังเย็นสบาย และออกจะหนาวด้วยซ้ำไป หนาวจนเวลาพูดหรือหายใจมีไอน้ำออกมาด้วยครับ เหมือนๆ ที่เรามักพบในหนัง หรือละครเกาหลีนั่นแหละครับ เช้านี้หมอกลงจัดครับ ทำให้มองในระยะไกลไม่เห็นมากนัก

โปรกแกรมการท่องเที่ยวเช้านี้ คือ การเดินทางไปเที่ยวทะเลสาบซุงจู ที่เมืองซุงจูครับ ห่างจากโรงแรมที่เราพักประมาณ 40 นาที บนถนนอันคดโค้งตามร่องและไหล่เขา หากใครชอบบรรยากาศข้างถนนละก็ น่าสนใจไม่แพ้กับครับ เราจะเห็นพื้นที่การเกษตรของชาวเกาหลีใต้ ทั้งนาหลังการเก็บเกี่ยว พื้นที่พื้นสวน ประเภทผักกาด หัวไชเท้า และพืชแปลกๆ อีกหลายอย่าง 

เราอาจเคยได้ยินว่า อิสราเอลสามารถปลูกพืชในทะเลทรายที่แห้งแล้งได้ แต่เกาหลีใต้ก็เจริญรุดหน้าไม่แพ้กันครับ เขาพัฒนาการเกษตรจนสามารถปลูกพืชในฤดูหนาวได้ครับ มีการทำโรงเรือนให้กับพืชที่ปลูกจะปลูกในฤดูหนาวที่มีหิมะลงจัดได้ เพราะมีการทำฮีตเตอร์ให้สำหรับพืช ซึ่งเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่งของประเทศในเมืองหนาว ไม่เช่นนั้นคงขาดแคลนอาหารสด หรือไม่เช่นนั้นก็คงไดกินจะกิมจิตกับข้าวสวยตลอดฤดูหนาวเป็นแน่ครับ

ทะเลสาบซุงจู เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันสอง รองจากทะเลสาบโซยัง ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติครับ แต่เกิดจากการสร้างเขื่อนซุงจู แล้วทำให้น้ำบริเวณหน้าเขื่อนเอ่อขึ้นท่วมพื้นที่ต่างๆ จนกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ขึ้น เป็นแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในประเทศเกาหลีใต้ และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองครับ

 

เราลงเรือนำเที่ยวขนาด 100 คนโดยสารได้ครับ อย่างที่บอกล่ะครับว่า อากาศค่อนข้างหนาวและหมอกลงจัด เราก็ไม่สามารถมองเห็นในระยะไกลได้ครับ ขณะล่องเรือเขาจะมีการบรรยายให้ฟังประวัติความเป็นมา และจุดน่าสนใจต่างๆ ของทะเลสาบด้วยครับ

ที่นี่มีหินผารูปร่างสวยงามครับ ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เขาเล่าว่ามีตำนานรักอันแสนเศร้าของอีหวั่น และกวีและนักปกครองที่สำคัญของชาวเกาหลีกับตูยัง หญิงสาวชาวบ้าน ที่พลัดพรากกัน ขณะที่อีหวั่นถูกเรียกตัวกลับเมืองหลวง ซึ่งเขาได้สัญญากับตูยังว่าจะกลับมา แต่จนแล้วจนรอดตูยังก็รอการกลับมาของอีหวั่นจน จนตรอมใจตายในที่สุด

สิ่งที่เป็นจุดสำคัญคงเป็นไผ่สวรรค์ริมทะเลสาบครับ ไม่ได้เป็นต้นไผ่จริงๆ นะครับ แต่เป็นหินแกรนิตที่มีรูปร่างคล้ายต้นไผ่ ซึ่งเหมือนมากๆ ครับ มีหลุมศพตูยัง และมีภูเขาหินที่ยอดคล้ายเต๋าออกไข ซึ่งเชื่อว่าหากใครได้เห็นเต๋าขณะที่ล่องเรือที่ทะเลสาบซุงจูแห่งนี้ จะอายุยืนครับ

วันนี้มีเรือออกพร้อมกันหลายลำครับ ลำที่เราไปนั้นก็มีคนไทยจากกรุ๊ปทัวร์ของบริษัทอื่นไปด้วย มีชาวจีนที่นิยมไปเที่ยวเกาหลีกันมากขึ้น ก็เลยครึกครื้นกันทีเดียวครับ 

ในระหว่างที่มีการสร้างเขื่อน มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่ไม่ได้รับการสำรวจจากทางราชการ เมื่อสร้างเขื่อนปรากฏว่าน้ำได้ท่วมหมู่บ้านแห่งนี้จนหมด ผู้นำหมู่บ้านก็ไปร้องเรียนทางราชการ ปรากฏว่าทางราชการไม่เชื่อก็เลยลงมาสำรวจว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เมื่อว่าสำรวจก็พบว่าหมู่บ้านแห่งนี้น้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนจริงๆ จึงได้ให้นักประดาน้ำ ลงไปสำรวจและจำลองภาพหมู่บ้านแห่งนั้น แล้วนำวัสดุบางส่วนขึ้นมาก่อสร้างใหม่ เพราะหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่สมัยราชวงศ์โคเรียล อันเป็นราชวงศ์ที่กลายมาเป็นชื่อประเทศในขณะนี้ 

หมู่บ้านที่สร้างใหม่นี้อยู่ในสวนสาธารณะครับ เรียกว่า หมู่บ้านใต้น้ำ มีลักษณะการปลูกสร้างบ้าน และข้าวของเครื่องใช้จัดแสดงให้ดูด้วยครับ มีอาคารสำหรับว่าการของเจ้าเมือง มีการจำลองการตัดสินโทษในคดีความต่างๆ บางจุดสามารถมองเห็นทะเลสาบซุงจูได้ครับ วิวสวยงามทีเดียวครับ

หมู่บ้านใต้น้ำนี้เราจะเห็นความแตกต่างระหว่างบ้านของนักปกครอง ที่สร้างบ้านคล้ายรูปตัวแอล (L) กลับด้าน และบ้านของพ่อค้าที่ค่อนข้างใหญ่โตคล้ายรูปตัวยู (U) กลับหัว และเรายังพบเห็นภูมิปัญญาในการทำความร้อนแบบโบราณของชาวเกาหลีด้วย รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือในการทำมาหากินครับ ที่สำคัญของได้พบไหจำนวนมากสำหรับใส่กิมจิครับ เรียกว่า มีมาตั้งแต่โบราณโน้นครับ

[naree suwan]

• ได้ความรู้และมุมมองเกาหลีเพิ่มมากมาย
• หลังจากที่ชอบดูหนังเกาหลีค่ะ