ผลกระทบของการนำสัตว์น้ำต่างถิ่นเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย
สัตว์น้ำต่างถิ่น
คือสัตว์ที่พบอาศัยในธรรมชาติที่ต่างจากถิ่นการกระจายพันธุ์ดั้งเดิม
โดยเกิดจากการกระทำของมนุษย์เป็นส่วนมาก
ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะของประชากรได้ 2 แบบ คือ
(1) พบอาศัยแต่ไม่แพร่พันธุ์ และ ( 2 )
สามารถแพร่พันธุ์ได้
สำหรับในประเทศไทยปัจจุบันได้มีการนำเข้าพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่นเข้ามาในประเทศมากมายหลายชนิด
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเพาะเลี้ยงและเพื่อเป็นสัตว์น้ำสวยงาม
ซึ่งชนิดของสัตว์น้ำที่นำเข้าโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเพาะเลี้ยง
ที่ประสบความสำเร็จ มีการเพาะเลี้ยงมาจนถึงปัจจุบัน เช่น กลุ่มปลาจีน
( ปลาเล่ง ปลาซ่ง ปลาเฉา ) ปลาไน ปลายี่สกเทศ ปลานิล ปลาดุกรัสเซีย
นอกเหนือจากผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงแล้ว
ยังพบว่ากลุ่มปลาดังกล่าวยังมีผลผลิตค่อนข้างสูงในแหล่งน้ำธรรมชาติ
โดยจัดอยู่ในกลุ่ม 10 อันดับแรกที่มีผลผลิตมากที่สุด
เป็นการแสดงให้เห็นว่าพันธุ์ปลาต่างถิ่นเหล่านี้มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ซึ่งความสามารถเหล่านี้น่าจะมีผลกระทบต่อพันธุ์สัตว์น้ำพื้นเมืองที่มีความสามารถในการแข่งขันน้อยกว่า
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้จากพันธุ์สัตว์น้ำต่างถิ่น
1.
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะแย่งใช้พื้นที่และแย่งอาหารของพันธุ์พื้นเมือง
โดยจะทำลายโครงสร้างประชากรสัตว์น้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
ทำให้ความหลากหลายชนิดของสัตว์น้ำลดลงโดยพันธุ์ต่างถิ่นมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
ซึ่งการที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้แน่นอนว่าจะต้องมีความสามารถในการแข่งขันสูง
และเป็นไปได้ว่าการแข่งขันจะต้องมีการทำลายล้างกัน เช่น ปลาดุกรัสเซีย
หอยเชอรี่ และปลากดเกราะ (sucker)
2.
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นจะเป็นผู้ล่าหรือตัวห้ำต่อชนิดพันธุ์อื่นๆ
เช่นปลากดเกราะจะมีพฤติกรรมชอบกินไข่ปลาซึ่งติดอยู่กับวัตถุ
ทำให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำ
3.
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอาจจะทำลายหรือทำให้แหล่งอาศัยเสื่อมโทรม
เช่นหอยเชอรี่ชอบกินข้าวในช่วงต้นกล้า ทำให้เกิดความเสียหาย
และเมื่อใช้สาร Endosulfan
ในการกำจัดก็จะทำให้เกิดสารตกค้าง
มีผลทำให้กบเขียดในนาลดน้อยลง
4.
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอาจเป็นตัวแพร่กระจายเชื้อโรคและปรสิตชนิดใหม่ๆ
ที่ติดมากับพันธุ์ต่างถิ่น
ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลในแหล่งน้ำธรรมชาติ
ห่วงโซ่อาหารและระบบนิเวศน์ถูกทำลาย
ส่งผลให้ราษฎรเกิดความเดือดร้อนในการดำรงชีพ
เพราะปลาเป็นอาหารโปรตีนราคาถูกและหาได้ง่ายต้องตายไปเป็นจำนวนมากด้วยโรคระบาด
เป็นพาหะนำโรค เนื่องจากหอยเชอรี่อยู่วงศ์เดียวกับหอยโข่ง
จึงอาจเป็นเจ้าบ้าน ตัวกลางของหนอนพยาธิตัวกลม
เช่นเดียวกับหอยโข่ง
5.
ชนิดพันธุ์พื้นเมืองที่ถูกทดแทนได้รับความสนใจน้อยลง
จนถูกมองข้าม ซึ่งมีผลในการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์
เช่นการนำปลาดุกรัสเซียเข้ามาผสมกับปลาดุกอุยทำให้ได้ลูกผสมชื่อ
บิ๊กอุย ซึ่งได้รับความนิยมแทนปลาดุกด้าน
6. เป็นตัวเร่งให้เกิดมลภาวะ
ซึ่งเมื่อพันธุ์ต่างถิ่นได้รับความนิยมในการเลี้ยง
ก็มีการขยายตัวกันมาก สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ
ปริมาณอาหารและสิ่งขับถ่ายที่อาจเป็นแหล่งก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
เช่น การเลี้ยงปลานิลในกระชังในหลายพื้นที่</span>
สาเหตุที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสัตว์น้ำต่างถิ่นในแหล่งน้ำธรรมชาติ
1. ปล่อยอย่างจงใจ
ส่วนมากเกิดจากการเลี้ยงเพื่อความสวยงาม
และเมื่อเกิดความเบื่อก็ปล่อยทิ้งแหล่งน้ำธรรมชาติ
หรือการปล่อยอย่างตั้งใจเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ
และอีกประเภทหนึ่งคือ
การปล่อยโดยหน่วยงานราชการเพื่อการเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติ
2. ภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วม ทำให้พันธุ์สัตว์ต่างถิ่นหลุดรอดไปในธรรมชาติ</span>
สัตว์น้ำต่างถิ่นที่นิยมน้ำเข้ามาในประเทศไทย
เช่น
- ปลาประมาณ 1,000
ชนิด
เช่น ปลาไหลญี่ปุ่น , ปลาเรนโบว์เทร้า ,
ปลาอามาโก้ซัลมอน , ปลาไน ,
ปลาตะเพียนเทศ , ปลานวลจันทร์เทศ ,
ปลากดเกราะ , ปลากะโห้เทศ ,
ปลากดอเมริกัน , ปลากินยุง เป็นต้น
-
สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกประมาณ 50
ชนิด
เช่น กบอเมริกา
- สัตว์เลื้อยคลานประมาณ 50
ชนิด
เช่น ตะพาบไต้หวัน , จระเข้นิวกินี ,
จระเข้ไคแมน , เต่าญี่ปุ่น เป็นต้น
- หอย 3
ชนิด
เช่น หอยเชอรี่
กุ้ง ปู 4 ชนิด
เช่น กุ้งขาวแวนนาไม , เครย์ฟิชออสเตรเลีย
, เครย์ฟิชอเมริกา</span>
สัตว์น้ำต่างถิ่นที่หลุดหนีลงในแหล่งน้ำธรรมชาติเสมอ
เช่น ปลาดุกรัสเซีย
ซึ่งถูกลักลอบน้ำเข้าประเทศไทยทางชายแดน อ.ท่าบ่อ และ อ.ศรีเชียงใหม่
จังหวัดหนองคาย และเนื่องจากปลาดุกรัสเซียเป็นปลาที่ล่าเหยื่อได้เก่ง
สามารถกินเหยื่อที่มีขนาด 1/4 ของตัวมันเอง
จึงเป็นเหตุในการทำลายสายพันธุ์ของปลาไทยในแหล่งน้ำธรรมชาติ
หอยเชอรี่
ได้นำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2532
เพื่อเป็นอาหารและเลี้ยงประดับในตู้ปลา
มีการตั้งฟาร์มเลี้ยงแต่ไม่เป็นที่นิยม
จึงทำให้หอยเชอรี่แพร่ลงสู่แหล่งน้ำ สร้างความเสียหายให้แก่พืชต่างๆ
โดยเฉพาะต้นข้าว หอยเชอรี่ 10,000-12,000 ตัว
สามารถกัดกินต้นข้าว 1 ไร่หมดภายใน 1 คืน
เป็นต้น
พื้นที่ล่อแหลมต่อผลกระทบของสัตว์ต่างถิ่น
พื้นที่แหล่งน้ำที่ควรมีการจัดการควบคุมการปล่อยสัตว์น้ำต่างถิ่นมักเป็นพื้นที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
หรือมีผลผลิตทางการประมงเดิมสูงอยู่แล้วและไม่มีความจำเป็นในการปล่อยสัตว์น้ำต่างถิ่นเพิ่ม
ซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อสมดุลนิเวศและผลผลิตการประมงในระยะยาวได้
พื้นที่ดังกล่าวได้แก่
-
พื้นที่ชุ่มน้ำและที่ราบน้ำท่วมถึง
ที่มีสังคมพืชน้ำและสัตว์น้ำดั้งเดิมหลากหลายอยู่แล้ว
- พื้นที่ต้นน้ำลำธาร ,
น้ำตก แหล่งน้ำในป่า
-
พื้นที่ปากแม่น้ำและป่าชายเลน
-
พื้นที่พรุโดยเฉพาะพรุดั้งเดิมที่มีปลาเฉพาะถิ่น (
Stenotopic species )
- ระบบแม่น้ำขนาดใหญ่ เช่น
แม่น้ำโขง , สงคราม ,
บางประกง
- พื้นที่ที่พบพืชน้ำ
สัตว์น้ำถิ่นเดียว ( endemism area ) เช่น
ลำธารในถ้ำ , พื้นที่ชุ่มน้ำ
สำคัญต่างๆ</span>
ปัจจุบันมีข้อกฎหมายที่ควบคุมการนำเข้ามีดังนี้คือ
1.
พระราชกฤษฎีกาห้ามมิให้นำสัตว์น้ำบางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. 2525 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 23
ธันวาคม พ.ศ. 2525
2.
พระราชกฤษฎีการะบุสัตว์น้ำและลักษณะของสัตว์น้ำที่มีอันตรายบางชนิดที่ห้ามมิให้มีไว้ในครอบครอง
นำเข้ามาในราชอาณาจักร หรือนำไปเลี้ยงในที่จับสัตว์น้ำ พ.ศ.
2530
3.
พระราชกฤษฎีกาห้ามมิให้นำสัตว์น้ำบางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร (
ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.
2536ห้ามสัตว์น้ำที่หายากและใกล้สูญพันธุ์บางชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 21 ธันวาคม
2536
4.
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
5.
ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6.
อนุสัญญาการค้าระหว่างประเทศว่าด้วยชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์</span>
สรุป
1.
ควรมีการศึกษาวิจัยอย่างถี่ถ้วนด้านชีววิทยาและนิเวศวิทยาของสัตว์น้ำที่มีโครงการจะนำเข้ามาใหม่
เพื่อใช้เป็นข้อพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดและความคุ้มครองก่อนที่จะอนุญาตให้เข้ามา
หรือเตรียมมาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้า
2. ควรมีการศึกษาผลกระทบต่อระบบนิเวศ
พันธุกรรมและเศรษฐนิเวศของสัตว์น้ำต่างถิ่นที่พบอยู่แล้วอย่างเป็นระบบ
เพื่อนำไปสู่การจัดการแก้ไขผลกระทบที่ถูกต้องต่อไป
3.
มีการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของผลร้ายของสัตว์น้ำต่างถิ่น
ถ้ามีการปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
4.
กรมประมงควรทบทวนนโยบายและวิธีปฏิบัติในการปล่อยสัตว์น้ำในโครงการและพิธีการต่างๆ
โดยคัดเลือกพันธุ์สัตว์น้ำพื้นเมืองที่ถูกต้องกับแหล่งที่จะทำการปล่อย
ไม่ควรปล่อยสัตว์น้ำชนิดที่ข้ามถิ่นทางภูมิศาสตร์
เพราะอาจก่อผลกระทบเช่นเดียวกับสัตว์ต่างถิ่นต่อแหล่งน้ำเช่นกัน</span>
ที่มา www.nicaonline.com