เรียนฟรี....ระวังดาบสองคม


เรียนฟรี....ระวังดาบสองคม
หลังจากการปฏิรูปการเมืองไทยเมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา ระยะเวลาผ่านมาปีกว่าๆ ของรัฐบาลชั่วคราว ที่เราเรียกกันว่า "รัฐบาลขิงแก่" และวิถีของการเมืองก็ได้ดำเนินการมาจนถึงช่วงใกล้สุกเต็มทีแล้ว และช่วงนี้ก็เป็นช่วงการหาเสียงเลือกตั้งของหลายๆ พรรคการเมือง และมีอยู่ไม่กี่พรรคที่ชูเรื่องการศึกษานำหน้ามาก่อน ซึ่งถือว่าให้ความสำคัญกับระบบการจัดการศึกษาอันเป็นรากฐานให้กับการพัฒนาคน และพัฒนาประเทศชาตอย่างแท้จริง

นโยบายที่ชูกันขึ้นมาคือ การเปิดโอกาสให้เรียนฟรี ซึ่งเท่าที่ผมนั่งฟังอยู่ ก็ยังคิดไม่ออกว่าผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาเป็นอย่างไร เท่าที่มีการปฏิรูปการศึกษามา มีการเปลี่ยนการศึกษาภาคบังคับให้เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การยุติการลงโทษเด็กด้วยวิธีการรุนแรง ที่ประเทศเราได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ ตามนานาประเทศเขาทำกัน ซึ่งโดยหลักการแล้ว "ย่อมดี" อยู่แล้ว แต่ในทางปฏิบัติแล้วมันสุดแสนจะยากลำบากต่อผู้ปฏิบัติในระดับล่างเหลือเกิน อย่างเรื่องการยกเลิกไม้เรียวเป็นต้น สังเกตได้จากนักเรียนหลายคนมีความกระด้างกระเดื่องมากขึ้น ทำผิด ออกนอกลู่นอกทางกันมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นการแปรผันตรงกับโลกที่มันมีวิวัฒนาการเจริญขึ้นหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่อย่าลืมว่า "ไม้เรียว" คืออาวุธเดียวของครู ที่จะใช้กำราบเด็กให้อยู่ในโอวาทได้ (หากไม่นับรวมกับผลการเรียน หรือคะแนน ที่ขณะนี้เด็กไม่สนใจกันแล้ว) อันนี้คือสถานการณ์จริงที่กำลังเกิดขึ้นกับโรงเรียนในต่างจังหวัด โรงเรียนในชนบท

การชูนโยบายให้เรียนฟรี ก็เช่นเดียวกัน ทำให้โรงเรียนที่เคยมีรายได้จากการเก็บค่าลงทะเบียนจากนักเรียนขาดรายได้ที่จะนำมาพัฒนาการศึกษา ยกระดับโรงเรียน จนต้องหันมาเรียกเก็บเงินในรูปแบบอื่นหรือการเรี่ยไรแทน นั่นแหละครับปัญหา เพราะไอ้คำว่ารูปแบบอื่นเนี่ย มันไม่มีคำจำกัดความ อาจจะเก็บแค่ครั้งเดียวแรกเข้า หรือเรียกเก็บอยู่เรื่อยๆ ไม่มีใครทราบได้ มันเป็นดาบสองคมอย่างที่ผมว่า แทนที่จะเป็นการเรียนฟรี แต่อาจจะต้องจ่ายค่าอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายหลายเท่าตัวนักก็เป็นได้

ผมจะยกตัวอย่างการจัดการศึกษาของประเทศเพื่อนบ้านเราเช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีการเก็บค่าบำรุงการศึกษากันในระดับพื้นฐาน คิดเป็นรายหัวแล้วถือว่าแพงพอสมควรกับสภาพเศรษฐกิจ แต่เขามีการสนับสนุน ผู้ที่เรียนดี มีแวว มีความสามารถ ส่งไปเรียนในระดับที่สูงขึ้น โดยใช้ทุนของรัฐบาล ยิ่งเรียนสูงเท่าไหร่ยิ่งดี สวนทางกับบ้านเรา ที่ให้เรียนฟรีในขั้นพื้นฐาน แต่ถ้าจะเรียนต่อในระดับสูงขึ้น มีทุนสนับสนุนน้อยมากเมื่อเทียบกับอัตราของคนที่เรียนต่อ แต่เราก็ยังบอกไม่ได้ว่า ระบบการจัดการศึกษาของบ้านเรา ดีกว่าประเทศใดๆ ในภูมิภาคนี้หรือไม่ เพราะมันจะต้องวัดจากอะไรหลายๆ อย่าง และปัจจัยเรื่องอนาคตของชาติของเราก็ยังไม่ชัดเจนนั่นเอง.

อ่านเรื่องอื่นๆ ที่เว็บไซต์ www.kroobannok.com

หมายเลขบันทึก: 147712เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2007 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 17:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

   การเรียนฟรีอาจเป็นดาบสองคมอาจจะเป็นไปได้หรือเป็นไปได้จริงๆ เช่นตัวอย่างโรงเรียนเอกชนที่มีเงินอุดหนุนรายหัว เป็นการบังคับหรือให้เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการเรียนตามที่กำหนด แต่ในทางปฏิบัติแล้วอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นค่าธรรมเนียมการเรียนออกใบเสร็จตามที่กำหนด แต่ที่ไม่ได้ออกใบเสร็จตามที่กำหนดอาจจะมีการเรียกเก็บเงิน ค่าอะไรต่อมิอะไรเพิ่มเติม ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยผู้ปกครองก็ไม่แน่ใจว่ามีผู้ดูแลตรวจสอบมีหรือไม่อย่างไร

   การศึกษาไทยต้องพัฒนาทั้งระบบไม่ว่าคุณภาพครูหลักการเรียนการสอน เพื่อให้ได้มาตรฐานของการศึกษาที่แท้จริง การศึกษาไม่ใช้เฉพาะการเรียนฟรีแล้วจะทำให้คนพัฒนาแต่ต้องพัฒนาระบบการเรียนการสอนที่มีคุณภาพด้วยจึงจะดีขึ้น

    ส่วนจะทำอย่างไรต้องฟังครูผู้สอนเด็กเอง แล้วนำไปวิเคราะห์เพื่อวางระบบต่อไป

    ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ครูต้องปลูกฝังนักเรียนในการเริ่มต้นด้วยการพัฒนาการเมืองไทยโดยการปลูกฝังไม่ให้ผู้ปกครอบหรือตัวนักเรียนในอนาคตไม่ซื้อสิทธิขายเสียงเพื่อเลือกนักการเมืองมาพัมนาประเทศชาติโดยการเริ่มต้นพัฒนาการศึกษาผมเชื่อว่าครูเป็นส่วนคำคัญยิ่งๆครับ  และขอขอบคุณครูที่เป็นหวงการศึกษาของประเทศชาติอย่างแท้จริง

คนจนได้มีโอกาสครับ

วิชิต สิทธิแต้สกุล

ในบางโอกาสก็ทำให้ผู้อยู่ห่างไกลที่ไม่มีเงินเรียนได้รับประโยชน์มากเพราะโรงเรียนไม่รู้จะไปเก็ยเงินบำรุงการศึกษาอย่างไร...สังคมชนบทส่วนใหญ่ยากจนครับ...

ผมว่ามันมีข้อดีข้อเสียคนละอย่าง ถามว่าถ้านโยบายเรียนฟรีมันดีกับคนที่มีฐานะยากจนละครับ ผมมันก็ดีสำหรับเขาน้ะ เพราะมันจะเป็นการยกระดับการศึกษาได้เยอะขึ้นคมมีการศึกษาเยอะขึ้นผมว่ามันก็ดีน้ะครับ

อยากทราบแนวทางการเบิกเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเด็กนักเรียนเดินทางไปศึกษานอกสถานที่

ถ้าฟรีจริง ๆ ต้องใกล้เคียงกับประถมสิ !

แต่นี่...เด็กมัธยมไม่ได้กินข้าวฟรีเหมือนประถม

แบบนี้ไม่ค่อยเวิร์ก

นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ควรเพิ่มระบบคุณธรรมเข้ามาใช้และใช้ให้มากครับ จริงอยู่เป็นการให้อกาสครับ อยากให้ท่านผู้มีใจรักชาติให้ออกตรวจเยี่ยมโรงเรียนต่างๆด้วยครับว่า นักเรียนที่ได้รับโอกาสนั้นเขาอยากเรียนกันหรือเปล่า อย่าปรารถนาดีไปบังคับให้เขาเรียนกันเลยครับ เพราะเรียนไปก็ไม่ตั้งใจเรียนกัน ครูก็น่าสงสารได้แค่บอก แค่อบรมทำอย่างอื่นไม่ได้กลัวลำบากครับ เมื่อเป็นเช่นนี้ นักเรียนเป็นเจ้าพ่อ เอาระบบคณธรรมมาใช้ ยกตัวอย่างง่ายๆ การให้ทุนนักเรียนที่เรียนดี โดยกำหนดหลักการมาแล้วให้นักเรียนปฏิบัติ คนทำได้เป็นคนดี สมควรได้รับการส่งเสริม ได้รับทุน ส่วนนักเรียนไม่มีคุณธรรม ไม่สนใจเรียนให้แจ้งความจำนงมาที่โรงเรียนว่ายังไม่พร้อมที่จะเรียน หากเขาพร้อมที่จะเรียนวันไหนให้มาเรียน ขณะที่ไม่พร้อมที่จะเรียนห้ามไปทำสิ่งที่ผิดระเบียบของโรงเรียน

เสียดายเงินที่รัฐบาลจ่ายมาให้เรียนครับ

นักเรียน ไม่เครพเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่เคารพเชื่อฟังครู ครูบอกครูสอนไม่สนใจ ไม่ได้ยิน ไม่ตั้งใจเรียน บางโรงเรียนครูหลับหู หลับตาไปวัน ๆ สอนไปงั้นๆแหละ อย่าไปใส่ใจมากนักปวดหัวเรา ครูหลายท่านพูด จะเกิดอะไรขึนหากเป็นเช่นนี้ไปนานๆ ต่อไปคงมีนโยบาย ไทยล่มสลาย ครับ สงสารประเทศชาติครับ ช่วยตราจตากันหน่ยครับ ก่อนที่จะสายไปกว่านี้ครับ

การศึกษาไทย เรียนเอา "กระดาษ" ไม่ได้เรียนเอา "ฉลาด"

จบมาถ้าพ่อเป็นมาเฟีย ลูกโง่แค่ไหนก็เป็นกำนันได้

คนจนก็ปากกัดตีนถีบกันต่อไป คนรวยก็นั่งกินนอนกินต่อไป

ไม่เห็นฟรีจริงๆเลยครับ ถ้าบอกว่าช่วยแบ่งเบาภาระยังน่าเชื่อกว่าอีก

สารานุกรม

ครูใช้เงินงบรายหัวทางใดบ้าง ตรวจสอบกันแค่ไหน แล้วได้อะไรบ้าง คนรู้ดีไม่กล้าพูด คนกล้าพูดอยู่ลำบาก คนดีเป็นหมาหัวเน่าเข้าพวกไม่ได้ เขาทำงานเป็นทีม ทำงานกลัวเกินหน้ากัน แย่งขึ้นเงินเดือนเหมือนหมาแย่งกระดูก สงสารหรือสมเพทดีนะ นี่หรือครูของเด็กไทย

วัฒนธรรมประถม วัฒนธรรมมัธยม ต่างกันอย่างไร ทำไมนำมาด่ากัน ดูถูกกัน ครูที่แท้จริง ต้องมีเมตตา ไม่ดูถูกคนนี่นา คนดีต้องให้โอกาสคนอื่น ไม่ใช่คอยขัดขวาง กลัวทำงานดี กลัวทำงานเก่ง เดี๋ยวนายรัก เดี๋ยวตนด้อยกว่า คงเจริญนะเด็กไทย

เห็นด้วยกับ คห.ที่ 9

นโยบายเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ควรเพิ่มระบบคุณธรรมเข้ามาใช้และใช้ให้มากครับ จริงอยู่เป็นการให้อกาสครับ อยากให้ท่านผู้มีใจรักชาติให้ออกตรวจเยี่ยมโรงเรียนต่างๆด้วยครับว่า นักเรียนที่ได้รับโอกาสนั้นเขาอยากเรียนกันหรือเปล่า อย่าปรารถนาดีไปบังคับให้เขาเรียนกันเลยครับ เพราะเรียนไปก็ไม่ตั้งใจเรียนกัน ครูก็น่าสงสารได้แค่บอก แค่อบรมทำอย่างอื่นไม่ได้กลัวลำบากครับ

เห็นด้วยกับนโยบายเรียนฟรีของรัฐบาล เท่าที่ผมไปตรวจโรงเรียนในฐานะ สมศ. ได้เห็นการปฏิบัติหน้าที่ของครูในทุกโรงเรียนที่ไปตรวจ ส่วนมากครูมีความเอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละเข้มแข็ง แต่สิ่งที่จะต้องปรับปรุงก็คือกลไกในการควบคุมคุณภาพ รวมทั้งความร่วมมือจากสังคมรอบด้าน สังคมไทยยังยอมรับคนชั่วเข้าครองเมือง เห็นแก่อามิสสินจ้างเพื่อทำในสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก เชื่อในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล เราต้องปฏิรูปสังคมใหญ่ไปพร้อมกันไปด้วย

ประเทศชาติไทย จะเจริญก้าวหน้าไปกว่านี้มากถ้าคนไทยทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองและทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ รักและเคารพเชื่อในพระบรมราโชวาทของในหลวงแล้วทำตาม ขอให้คนไทยรักและเมตตามุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน

การศึกษาไทยเน้นปริมาณ (ให้โอกาส) จนเด็กไม่เห็นความสำคัญ

บุคลากรได้ปริมาณ(งาน)ได้หน้าที่ ตำแหน่ง วิทยฐานะ โรงเรียนเล็กๆ เด็กห้าหกสิบคน

ผู้บริหารคือ "ผู้อำนวยการ" โอ้โฮ....คิดได้ไงฟ่ะ?

เรียนฟรีมีดาบสองคม ด้านหนึ่งคือผู้ปกครองขาดความกระตือรือร้นที่จะขยันขันแข็งทำมาหากินเพื่อให้ได้เงินมาส่งเสียลูกๆ ตัวเอง การที่ป้อนอะไรให้ถึงปากมากไปก็ไม่ต่างอะไรจากการตามใจเด็กน่ะค่ะ เคยอ่านการพัฒนาประเทศเกาหลีใต้ เค้าไม่ได้ให้เด็กเรียนฟรีแม้ในช่วงที่ประเทศเค้าต้องเร่งให้ประชาชนมีการศึกษา เค้ายังเก็บค่าเล่าเรียนในราคาสูง แต่รัฐบาลจะไปเน้นการเพิ่มสวัสดิการแรงงาน เช่น มีฐานเงินเดือนที่สูงเพื่อให้ผู้ปกครองส่งลูกเรียนได้ทุกคน มีรัฐสวัสดิการยามเกษียณ เป็นต้น ทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าทั้งการศึกษาและการทำงาน เพราะไม่ได้มาโดยเปล่าๆ..แต่มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเค้า

ผมเห็นด้วยกับความเห็นของทุกคนครับ เรียนฟรีทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงหน้าที่ ที่ต้องดูแลส่งเสียบุตรหลานให้เรียน คิดแต่จะเอาของฟรีโดยถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐ เรียกร้องจะเอาแต่ฟรี ๆ ๆ ทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงหลักความจริง หลายโรงเรียนเคยจัดกิจกรรมดี ๆ ได้ก็ไม่สามารถทำได้ ต้องตกต่ำเหมือน ๆ กันหมดก็เพราะฟรีนี่แหละ เพราะผู้ปกครองก็จะเอาแต่เรียกร้องว่าฟรีแล้วจะเก็บเงินได้อย่างไร ทำให้เสียโอกาสของเด็กที่จะได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ นอกโรงเรียนมากขึ้น ต้องไปแค่ปีละครั้งเดียวเหมือนกันหมดตามเงินรายหัวอันน้อยนิดที่รัฐจัดให้ฟรี ที่จริงควรจัดเป็นสวัสดิการให้สำหรับคนที่ยากจน ไม่พร้อมแต่อยากเรียนมากกว่า อย่ามาเหวี่ยงแหกันแบบนี้ได้ไหม เสียดายเงินงบประมาณมากครับ เหมือนกับบัตรทองรักษาฟรีนะแหละ คนรวย ๆ ที่มีเงินจะรักษาตัวเองได้ยังจะมาขอรับบัตรทองกับเขาด้วย ของฟรีไง อย่างนี้มันก็ทำให้เสียนิสัยกันทั้งประเทศ นี่หรือประเทศไทย

เห็นด้วยครับ เป็นครูเดี๋ยวนี้สอนยากขึ้น ไม่มีใครสนใจเรียน เมื่อก่อนผมเคยสอนดี เดี๋ยวนี้สอนเหมือนเล่นหนังตะลุง จะมีผู้ชม(ผู้สนใจเรียน)หรือไม่ เราไม่ต้องสนใจแล้ว เรามีหน้าที่สอนก็สอนไป ถ้ามัวแต่หาคนสนใจเรียน ก็จะไม่ได้สอนกันพอดี คือหาคนสนใจเรียนไม่เจอเลยครับ น่าเวทนาตัวเองเหลือเกิน มันผิดทั้งเครื่องรับ ผิดทั้งเครื่องส่ง ผิดทั้งสภาพแวดล้อม ถ้าครูทั้งหมดรู้สึกเหมือนผม การศึกษาไทย ไปไม่รอดหรอกครับ คือเมื่อไม่สนใจเรียน ไม่ตั้งใจสอน ทุกอย่างล้มเหลวหมด

ในฐานะที่เป็นครูคนหนึ่ง เด็กสมัยนี้ ไม่สนเรียน เล่นโทรศัพท์ เล่นเกมส์ ตีไม่ได้ ด่าไม่ได้ เมื่อไม่ฟัง ให้กราบเท้านักเรียนก็ไม่สนครับ โบราณว่าไว้ "10 ปากว่าไม่เท่า 1 ตาเห็น 10 ตาเห็นไม่เท่า 1 มือทำ " อยากให้ผู้ที่ออกนโยบายต่างๆ ได้มาสัมผัสด้วยตัวท่านเองเถอะ

เทียบเด็กสมัยก่อน(ยุคไม้เรียว) กับเด็กสมัยนี้(มือถือ)

สมัยก่อน ไม่ตั้งใจเรียนถ้าโดนตีกลับบ้านต้องหลบไม่ให้พ่อแม่เห็น ถ้าเห็นจะโดนซ้ำ ให้งานชิ้นละ 2 คะแนนทำแทบเป็นแทบตาย เวลาเดินผ่านครูยังต้องก้มหัว ยกมือไหว้ (กลัวที่สุด คือ ครูมาเยี่ยมบ้าน)

สมัยนี้ ไม่สนใจเรียน โดนตีโดนด่ากลับบ้านฟ้องพ่อแม่ให้เอาเรื่องครู ให้งานชิ้นละ 10 คะแนนยังไม่สนใจ สั่งงานไปต้องตามเอง เดินผ่านชนได้ก็ชนเพราะมีผู้ปกครองเป็นกันชนให้ (กลัวที่สุด คือ ผู้ปกครองฟ้องเอาเรื่องครู)

เรียนสมัยนี้เป็นธุรกิจไปหมดแล้ว คนที่จบ ร้อยละ 99 เปอร์เซ็น ต้องการจบเพื่อเอาวุฒิ ใบประกาศ เพราะว่าสำนักงานสมัยนี้ต้องการแต่วุฒิการศึกษา ไม่ต้องการความสามารถ มีเส้นมีสาย เป็นใหญ่ได้แม้ปัญญาเท่ามด ตะนอย คนมีความสามารถขาดเส้นสายก็เป็นได้ แค่ลูกน้อง..."ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน" จะเลิกเป็นครูในไม่ช้านี้

น่าสงสารประเทศไทย เห็นใจครูจริงๆ พวกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้ามาใส่ใจบ้างมั้ยเนี๊ยะ อยากจะเลิกเป็นครูแล้วเหมือนกัน   

เห็นดีด้วยกับงบประมาณที่เรียกเก็บกับผู้มีรายได้ แล้วจัดสรรให้ให้กับผู้มีสิทธิ์ได้รับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของผู้ได้รับว่าจะใช้ให้เกิดประโยชน์ คุ้มค่าและตรงกับวัตถุประสงค์ที่ให้เพียงใด ช่วยกันดูแลและควรปฎิบัติตามนโยบายเถิดจะเกิดผลดีตามมา

ครูเดี๋ยวนี้สอนเด็กลำบาก เพราะเด็กไม่ตั้งใจเรียนเพราะเด็กคิดว่ายังไงก็จบอยู่แล้วไม่มีการซำ้ชั้น ไม่มีการตี  ไม่มีการด่า มีพ่อแม่เป็นกันชน(ครูกลัวผู้ปกครองฟ้องเอาเรื่อง)

ระบบลูกท่านหลานเธอก็เยอะ เดี๋ยวนี้ยุคเส้นสายก็ได้เป็นใหญ่เป็นโตแล้วสมองไม่มีแต่มีเส้นใหญ่แค่นี้พอสบายไปทั้งชาติ

ปัจจุบันนี้ครูเป็นผู้รับใช้นักเรียน  แทบจะเรียกว่าเป็นขี่ฆ่า  หรืออีกคำที่เหมาะ  เป็นทาสรับใช้นักเรียน  ดุไม่ได้  แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้  พ่อแม่ฟ้องเขตพื้นที่  ไล่ครูออกนอกเขตพื้นที่  สั่งย้ายโรงเรียน  หนักเข้าไปอีก  การเมืองเขามาข้องเกี่ยว  อย่าหวังว่าจะให้เด็กมีจิตรใจเจริญเลย  ในเมื่อเด็กถูกบ่มนิสัยมาแแบนี้    สงสารเด็กดีๆ  สงสารพ่อแม่ที่เข้าใจบุตรหลาน  ต้องมารับผลการกระทำของพ่อแม่ที่รักลูกผิด ๆ  อนิจาเด็กไทย



เรียนฟรีได้เสียค่าเทอมไหมค่ะ..หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายอารายบ้าง

จริงๆแล้วควรจะฟรีทั้งระบบ ตั้งแต่ อนุบาล - ปริญญา จะเรียนให้จบหมดทุกสาขาก็ฟรีทั้งหมด / 15ปียังน้อยไป / ยกเลิกเครื่องแบบและการแต่งกายที่สิ้นเปลืองงบประมาณให้น้อยลง / จัดสรรบุคคลากรและสถานศึกษา / ปรับหลักสูตรการศึกษาในแต่ละระดับให้สอดคล้องกับสัจจธรรมของชีวิตการดำรงค์ชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมและทางศาสนาแต่ละศาสนา / งบประมาณจากภาษีทุ่มไปเลย / ประชาชนมีความรู้ประเทศชาติไม่อดตาย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท