เที่ยวสุพรรณ


"ย่ำตลาด ร้อยปีที่สามชุก"

   สวัสดีคุณที่รัก ท่านผู้อ่านทุกท่าน วันเสาร์ที่ผ่านมานี้ ผมได้เดินทางผักผ่อนประจำเดือน โดยตั้งใจไว้กับคนรู้ใจไว้ ว่า "เรา" จะไปเที่ยวสามชุกฯ กันหลังจากที่ได้ ดูรายการท่องเที่ยวหลายรายการแล้วน่าสนใจ เพราะโดยปกติพวกเราชอบของโบราณ เก่าแก่ ดั้งเดิม เป็นทุนอยู่แล้ว หลังจากตั้งใจเรียบร้อยคืนวันศุกร์ เราก็นอนแต่หัวค่ำหลับลึกอย่างเต็มที่

เช้าวันเสาร์ ที่ 17 พฤศจิกายน '50 ก็เดินทางมาถึง ด้วยความตั้งใจที่จะ ออกเดินทางแต่เช้าก็ได้ออกจากบ้านจริงๆ ปาเข้าไปเกือบ 8 โมง โดยใช้ปิคอัพคู่ใจ จากบ้านถึงสามชุก ใช้เส้นทาง ปทุม-สุพรรณ (ฟังดูดีนะแต่จริงแล้วไปหลายเส้นมากจะเล่าให้ฟัง จากบ้าน คลอง 6 เลี้ยวเข้าวงแหวนตะวันออก ไปคลองหลวง วิ่งตัดพหลโยธิน เข้าไปตัดทางด่วนพิเศษ ศรีรัชมิ์ แล้ว เข้าไปในถนนอะไรก็ไม่รู้วกไปวนมา จนแผนที่ในมือยับไปหมด เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็พบทางสาย บางบัวทอง - สุพรรณบุรี หลังหลุดจากเส้นเสนา จากนั้นก็บึ่งไปเรื่อยจนถึงสุพรรณ) จากสุพรรณวิ่งตรงไปอีกนิด ประมาณ 30 กิโล ก็ถึงสามชุกฯ ระหว่างทางเห็นตำรวจน้อยมาก จนเกือบไม่มีเลย ผิดกับทางเส้นอื่นจังหวัดอื่น วิ่งด้วยความเร็วประมาณที่เราใช้ 100 - 120 กม/ชม คงโดนจับไปแล้ว เราเลยคิดว่าเค้า(ผู้ใหญ่)คงสั่งไม่ให้มีการจับเพราะคนจะได้ไม่เบื่อการเดินทางและจะได้มาเที่ยวสุพรรณเยอะๆ ไปถึงหน้าตลาดสามชุกซึ่งดูจากภายนอกไม่แตกต่าง จากตลาดใหญ่ประจำอำเภอในจังหวัดอื่นๆเท่าไหร่ ก่อนจะเข้าตลาดก็ต้องจอดรถกันก่อน (ด้วยความรอบคอบของเราและพยายามรู้ทันทักษิณ อ้อ..ไม่ใช่ รู้ทันแหล่งท่องเที่ยวที่ติดชาร์ตแบบนี้ โดยเฉพาะที่จอดรถ จึงได้ขับดูความเป็นมาเป็นไปกันก่อน จึงเห็นว่าคนในพื้นที่เค้าจะจอดรถกันตรงริมคูน้ำหน้าตลาด แต่ถ้านักท่องเที่ยวก็มักจะไปจอดในที่จอดรถเสียสตางค์ แต่เราเลือกจอดที่ฟรีดีกว่าคนไปมาก็พลุกพล่านดีรถก็ไม่หายด้วย)  หลังลงจากรถเราและที่รักและคุณแม่ก็เคลื่อนร่างเข้าตลาดโดยพลัน ส่วนแรกที่เข้าไป รู้สึกว่าจะเป็น ซอย 2 ก็ได้พบกับ ร้านขายของเล่น ตุ๊กตุ่น ต๊กตาและ สังกะสีไขลาน ดูราคาบอกได้ว่าเจ้าของได้กำไรงามทีเดียว ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่หน้าโรงแรมอุดมโชค โรงแรมเก่าแก่ที่ปิดบริการแต่ไม่ปิดการเยี่ยมชม เลยไปเล็กน้อยก็ได้เข้าไปเยี่ยมชม "ร้านบ้านโค้ก" ด้วยบัตรผ่านประตูราคา 5 บาท ภายในแบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นล่าง จัดแต่งด้วย ผลิตภัณฑ์นานัป ของ "โค้ก" ทั้งแบบบรรจุขวด กระป๋อง หลากหลายรูปแบบ รวมไปถึง ของแจกของแลกของแถม จากอดีต จนถึงไม่นานนี้ ยังมีบาร์จำหน่ายเครื่องดื่ม ช่องขายสินค้าที่ระลึก รวมถึงบริการห้องน้ำฟรีแสนสะอาด(อ้อ..เก็บรวมกับห้าบาทแล้วมั้ง) พอเราขึ้นชั้นสอง ก็จะได้เจอการตกแต่ง ชานบ้านด้วยชุดนั่งพักของโค้ก และ การเก็บรวบรวม คอลเล็กชั่น ต่างๆ นาชมมากหากไปอย่าลืมแวะชมนะ คุณผู้อ่าน ก่อนจากร้านบ้านโค้ก ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกหน้าร้านก็เก๋ไม่หยอก

จากนั้นก็เดินกันต่อไป มีสินค้าทั้งเก่าจริงๆ และ พยยามทำเลียนเก่าอยู่มากมายก่อนที่เราจะมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน "ขุนจำนงค์จีนารักษ์" บ้านคหบดีเก่าแก่สมัยก่อน ร.7 ภายในพยายามเก็บตัวบ้านไว้ให้ลูกหลานเราๆ ได้ชมกัน แต่ข้าวของเครื่องใช้เหลืออยู่น้อยมากแถมด้วยป้าย ห้าม อย่า และโฆษณาว่าโบราณอยู่มากไปจึงทำให้เสียบรรยากาศไปบ้าง แต่ก็ขอคุณสำหรับลูกหลานท่านที่ได้เก็บและมอบไว้เป็น สมบัติของชุมชน และของชาติสืบไป อุดหนุนของที่ระลึกเล็กน้อย (ก็ได้ โปสการ์ด สี - ขาวดำ 1 ชุด 18 แบบ / เข็มกลัดภาพร่างสามชุก / พระขุนแผน 2 องค์ และหนังสือประวัติบ้าน-สามชุก) เดินต่อไปไม่ไกลก็ถึง จุดที่มีอาหารขายมากที่สุดและที่นั่น (โค้งตามทางไป) ซอย 1 ก็ได้เจอ "ร้านขายกาแฟท่าเรือส่ง" เก่าแก่การรันตี ด้วยสภาพยายคนขายอายุเกือบ 80 ปี ที่เห็นทุกรายการท่องเที่ยว แถมด้วยบรรยายกาศในร้านและโต๊ะลูกค้าประจำซึ่งอายุคงไม่ต่างจากคนขายนัก ก็ได้อร่อยกับเครื่องดื่มกาแฟเย็นแสนชื่นใจ ก่อนงัดเอาขนมไข่ที่ว่าอร่อยเหมือนกันที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ แกล้มกันอย่างลงตัว พักหายเหนื่อยสักครู่ก็ตกลงกันว่าจะไปต่อ จึงได้เคลื่อนกำลังต่อ ออกมาหน้าร้านผ่านทางเดินและรอดประตูซุ้มไปหันกับมาก็ได้พบว่าพวกเรามาหยุดอยู่หน้าป้าย สถานที่ที่ทุกคนที่มาเยี่ยมเยียน นิยมเก็บภาพบันทึกความทรงจำกัน ซึ่งเนื้อหาบนป้าย ใส่เนื้อหา Front ใกล้เคียงภาษาจีนว่า "สามชุก ตลาดร้อยปี" เป็นอันว่าเรามาถึงแล้วจริงๆ จากนั้นเราก็เดินตามหา ร้านถ่ายรูปเก่า "ศิลป์ธรรมชาติ" หลังจากที่เราฟาด ข้าวห่อใบบัว กับ ข้าวคลุกกะปิ ไป และซื้อหมูสะเต๊ะ 40 ไม้ 100 บาท ไม้ใหญ่ดีมาก เอ้า!! มัวแต่กิน เกือบเลยร้ายถ่ายภาพไป แต่หลังเราได้รับทราบข้อมูลจากการเข้าไปสอบถาม ก็เลยไม่ได้ถ่ายอย่างที่ตั้งใจ เพราะ หลังจากถ่ายภาพกับทางร้านแล้ว จะได้สินค้าก็ต้องเลยไป กว่า 2 เดือน จึงตัดใจ และก็เดินชมไปเรื่อยๆ จนกลับมาถึงที่ที่เราจอดรถกับไว้และลาจาก สามชุก ก่อนจากก็ได้แง่คิดว่า "การรักษาสิ่งที่เรามีอยู่ไว้ให้นานที่สุดแม้ของสิ่งนั้นอาจธรรมดาแต่ก็กลับมีคุณค่าขึ้นมาได้ ไม่ช้าก็เร็วในสักวัน" ลาก่อนนะสามชุก แล้วเราจะช่วยเล่าให้คนอื่นฟัง

ระหว่างทางกลับพวกเรายังได้แวะไปชม หมู่บ้านควายไทย ค่าเข้าผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10 ที่ได้จำลองวิถีชีวิต ชาวนาและรวบรวม บ้านเรือนไทยในภาคต่างๆ มาไว้ให้ชม ยังมีการแสดงอีแซว กาละเล่นพื้นถิ่นขึ้นชื่อของสุพรรณ และ ควายโชว์เสียดายที่ไม่ได้อยู่ชมไม่งั้นคงกลับถึงบ้านค่ำแน่ๆ ค่าชมการแสดงคนละ 20 บาท นอกจากนี้ที่นั่นยังจัดให้มีเด็กๆ แต่งชุดไทยวิ่งเล่นแบบไทยๆ เพื่อสร้างบรรยากาศอีกด้วย เดินอยู่ได้ไม่นานก็ เหนื่อยเพราะอากาศที่ร้อนของช่วงเวลาประมาณ บ่าย  3 โมงกว่า จึงตัดสินใจเดินทางกลับอีก

   แต่เมื่อผ่านบริเวณเมืองสุพรรณ ก็อดใจไม่ไหวที่จะขึ้นไปชม ทรรศนียภาพ บน หอคอยบรรหาร-แจ่มใส ค่าเข้ารถคันละ 10 บาท ค่าขึ้นชม คนละ 40 บาท การขึ้นชมต้องใช้ลิฟท์ เค้าบอกว่า มี 4 ชั้น แบ่งเป็นชั้นที่ 1 ส่วนต้อนรับ จากนั้นก็ต้องขึ้นลิฟท์ไปชั้น 4 เพื่อชมทรรศนียภาพ รอบเมือง โดยด้านบนจะมีกล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญ 10 บาท ชมได้ประมาณ 5 นาที แต่ส่วนใหญ่ยืนชมตาเปล่าก็เห็นได้สบายๆ และก็มักจะขึ้นมาถ่ายภาพกันซะมากกว่า วันที่ไปนี้ นักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าไหร่ หลังจากจุใจแล้วก็ลงมาที่ชั้น 3 ทางบันได (แต่ใครกลัวบันไดวนแคบๆก็ขอลงทางลิฟท์ได้) ที่ชั้นสามก็สามารถชมวิวได้เหมือนกันแต่ชั้นนี้มีของธรรมดาที่ราคาแพงเป็นพิเศษ ขายอยู่มากมาย จากชั้น 3 ต้องใช้ลิฟท์ ลงมาที่ชั้น 2 ที่ชั้นนี้มีบริการอาหารเครื่งดื่มของกินเล่นที่กินได้จริงๆ ราคาดีกว่าชั้ย  3 เยอะเลย แวะดื่มและทานเล่นเพื่อเก็บความประทับใจในเมืองสุพรรณช่วงสุดท้าย ก่อนลงลิฟท์มาที่ชั้นล่างเพื่อถ่ายภาพกับหอคอยตัวเต็มๆที่ตั้งตระหง่านเพื่อเตือนใจทุกคนว่าอย่างลืมบรรหารและแจ่มใสนะครับ ล้อเล่นนะ...

ก่อนกับ (ของจริง) แวะซื้อของฝาก ให้ผู้มีอุปการะคุณ ที่ร้าน เอกชัย ข้างถนนสุพรรณ-บางบัวทอง นี่แหล่ะ หมดไป 500 กว่าแถมสาลี่สอดไส้ 1 อัน เอาหล่ะและนี่ก็เป็นเรื่องเล่าจากการเดินทางของ ข้าพเจ้าและพวก ยินดีสำหรับข้อติชม และรายละเอียดที่ตกหล่น หากภาพและเสียงไปพาดพิงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จักขอกราบประทานอภัยมานะโอกาสนี้

หมายเลขบันทึก: 147621เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2007 13:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
    ขอบคุณมากที่บรรยายการเดินทางและเมืองสามชุกให้ฟัง  เพราะเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยวไปพบไปเห็นสิ่งใหม่ ๆ และเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วยกำลังหาข้อมูลและเลือกวันที่จะไปสามชุกพอดี  นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง  ถ้าไปแล้วมีอะไรพบเห็นนอกเหนือจากนี้จะนำมาเล่าสู่กันฟัง.........
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท