วาระแห่งชาติ50

เห็นว่าดีเลยเอามาฝาก  สรุปย่อวาระแห่งชาติ 2550
http://www.kruesan.com/wara2550.doc
วาระแห่งชาติวาระที่ 1
เป็นเรื่องการจัดงานเฉลิมพระเกียตริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา โดยจะเริ่ม วันที่ 5 ธ.ค.ในปีนี้ ไปจนถึง วันที่ 5 ธ.ค.ปีหน้า (2550)
วาระแห่งชาติวาระที่ 2
วาระแห่งชาติด้วยจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันและปราบปราม เป็นเรื่องการตรวจสอบการทุจริต การคอร์รัปชั่น การประพฤติมิชอบ ในวงราชการ โดยจะมีระบบการตรวจสอบภายในของแต่ละกระทรวง “ข้าราชการ” ต้องมี
1. การให้
2. การทำงานอย่างมีความสุข หมายถึง ความสุขที่ได้ทำงานช่วยเหลือประชาชน
3. การสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศชาติ
4. ความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดผลดีแก่ชาติบ้านเมือง และต้องปรับลดอัตวิสัยหรือการยึดติดของตนเอง และของหน่วยงาน แล้วหันมาร่วมมือกันทำงาน เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายสูงสุดคือ การอำนวยความสะดวกทำให้เกิดความสุขแก่ประชาชน 2 ประการ คือ
1. การลดและปิดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการเพื่อสร้างความโปร่งใส
2. ลดการสูญเสียในการปฏิบัติราชการ คุณธรรม และจรรยาบรรณ เที่ยงธรรม
วาระแห่งชาติวาระที่ 3
เป็นเรื่องโครงการในระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยแบ่งออกเป็น 5สาย 5เส้นทาง คือ
- สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง บางแค บางซื่อ ท่าพระ เพื่อเชื่อมโยงฝั่งธนบุรี พระนคร ระยะทาง 27 กม.
- สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ บางซื่อ เพื่อเชื่อมโยงโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมราชมงคล ระยะทาง 23 กม.
- สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และก็ช่วงบางซื่อ-มักกะสัน ระยะทาง 59 กม.
- สายสีเขียว 2 สาย ช่วงตากสิน ช่วงอ่อนนุช-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 39 กม.เพื่อเชื่อมโยงกับโครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ ซึ่งจะช่วยผู้โดยสารฝั่งธนบุรีและสมุทรปราการ เข้ายังพื้นที่ชั้นในของ
กรุงเทพฯ
วาระแห่งชาติวาระที่ 4 เรื่อง “น้ำ”
1) การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทุกหมู่บ้าน จะต้องมีระบบประปา นิคมอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ และพื้นที่เกษตรเป้าหมาย ต้องมีน้ำเพียงพอกับความต้องการ
2) การแก้ไขและบรรเทาปัญหาอุทกภัย ทุกพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจหลัก ต้องมีระบบป้องกันน้ำท่วม และมีระบบเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย
3) การแก้ไขปัญหาน้ำเสีย แม่น้ำ คูคลอง และพื้นที่ชุ่มน้ำ จะต้องมีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี
4) การบริหารจัดการ ต้องจัดให้มีการพัฒนาองค์กร กฎหมาย ระบบฐานข้อมูล รวมทั้งเครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้สังคมมีน้ำกิน น้ำใช้อย่างพอเพียง เป็นธรรม มีความยั่งยืน และสามารถพัฒนาไปสู่สังคมแห่งการพึ่งพาตนเอง รวมทั้งมีความสมานฉันท์ในการใช้น้ำร่วมกันระหว่างลุ่มน้ำ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและมีบทบาทในการอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ และการบริหารจัดการ
วาระแห่งชาติวาระที่ 5 “การปลูกต้นไม้ใช้หนี้”
ภายใต้ยุทธศาสตร์การพึ่งตนเองและความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย พลังงาน อาหาร และยา เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนและสร้างความมั่นคงด้าน สรุปสาระสำคัญว่า วาระแห่งชาติว่าด้วยการปลูกต้นไม้ใช้หนี้ เป็นความจำเป็นของเกษตรกรทุกคนที่จะต้องพึ่งตัวเองและมีความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย พลังงาน อาหาร และยา ทั้งนี้ นับตั้งแต่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อบริหารบ้านเมืองให้เกิดความสมานฉันท์ ความอยู่ดีมีสุข และความถูกต้องชอบธรรม รัฐบาลได้กำหนดนโยบายในหลาย ๆ ด้าน เพื่อนำประเทศชาติดำเนินไปสู่เป้าหมายดังกล่าว พร้อมทั้งได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้ มาเป็นแนวทางในการทำงาน และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเองของชุมชน ท้องถิ่น และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ความยากจนของพี่น้องประชาชน ตลอดจนความมั่นคงยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ สำหรับปัญหาหนี้สินและความยากจนของพี่น้องเกษตรกรนั้น ถือว่าเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่และได้เกิดขึ้นอย่างยืดเยื้อยาวนาน โดยห้วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมาเป็นห้วงเวลาที่ยาวนานพอสมควรที่ได้มีการทดลองในหลายวิธี และหาทางเลือกต่าง ๆ ที่จะแก้ไขปัญหา ซึ่งในวันนี้สิ่งที่อยู่ในความคิด อยู่ในความพยายามของทุกคนและของรัฐบาลด้วย คือการอัญเชิญแนวพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักทฤษฎีใหม่ หลักการปลูกต้นไม้ 3 ชนิดได้ประโยชน์ 4 อย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทดลอง ทรงรวบรวมมาตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ทรงครองราชย์ และได้พระราชทานสิ่งเหล่านี้ให้กับพวกเราทุกคน ซึ่งนับเป็นบุญกุศลของคนไทยทุกคน
              เมื่อพิจารณาตามข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้เป็นการเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหนี้สินของเกษตรกรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการแก้ปัญหาของชาติในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศที่ถูกทำลายมายาวนาน การแก้ปัญหาโลกร้อนอันเป็นปัญหาใหญ่ของประชาคมโลกในปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นการสร้างฐานทรัพยากรในการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งของชุมชนและของประเทศ ตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย ซึ่งจะมีวาระ 5 ปี หรือตลอดช่วงเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ตั้งแต่นี้เป็นต้น การคืนผืนป่า คืนชีวิตให้แผ่นดิน และเพื่อใช้หนี้ครัวเรือนโดยการปลดเปลื้องหนี้สิน
วาระแห่งชาติวาระที่ 6 ปี2550 เป็นปีแห่งการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม
เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน จัดและร่วมกิจกรรมในโครงการ “8 ล้านการให้ 8 พันโครงการ 8 พันวันลา เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา” ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา
             ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2550 เห็นชอบให้ประกาศให้ปีพุทธศักราช 2550 เป็นปีแห่งการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคมเป็นวาระแห่งชาติ และเชิญชวนหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสดังกล่าว โดยกำหนดให้กระทรวงต่าง ๆ รับผิดชอบการดำเนินงานตามวาระแห่งชาติ ได้แก่ การรณรงค์สร้างจิตสำนึกการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม การขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการ เช่น มาตรการด้านการศึกษา มาตรการด้านการเงินการคลัง มาตรการในการเอื้อประโยชน์ให้ประชาชน เอกชน และข้าราชการเข้ามามีส่วนร่วมในงานอาสาสมัคร รวมทั้งการพัฒนากลไกการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม
ในวาระสำคัญนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม ได้จัดโครงการ “8 ล้านการให้ 8 พันโครงการ 8 พันวันลา เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550” โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
1. เชิญชวนประชาชนร่วมทำกิจกรรม “8 ล้านการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม” เป้าหมาย 8 ล้านการให้ในปี 2550 และ 80 ล้านการให้ในปี 2554
2. เชิญชวนหน่วยงานจัดทำโครงการ “หนึ่งหน่วยงานหนึ่งโครงการการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม” เป้าหมาย 8 พันโครงการ และ
3. เชิญชวนข้าราชการและพนักงานเอกชน “ลาไปปฏิบัติงานอาสาสมัครโดยไม่ถือเป็นวันลา”เป้าหมาย 8 พันวันลา
“การประกาศวาระแห่งชาตินี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นในการสร้างสังคมเข้มแข็งบนพื้นฐานคุณธรรม โดยการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทย จึงขอเชิญชวนประชาชน หน่วยงาน ร่วมโครงการ ‘ล้านการให้ 8 พันโครงการ 8 พันวันลา เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา’ ถวายเป็นพระราชกุศล”
7. วาระแห่งชาติ "โภชนาการในโรงเรียน"  สู่การแก้ปัญหา"น.ร."ขาดอาหารเรื้อรัง
   -เสนอบทความว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโภชนาการเด็กและเยาวชน ตั้งแต่ปี 35 ที่รัฐบาลจัดตั้งกองทุนอาหารกลางวันในโรงเรียน และโครงการนมโรงเรียน  ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วน การลงทุนดังกล่าวยังไม่ส่งผลต่อการพัฒนาตามที่คาดหมายกันไว้ เพราะข้อมูลล่าสุดของกรมอนามัย และสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต่างระบุว่าเด็กวัยเรียนจำนวนมากยังขาดอาหารเรื้อรัง และพบว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นของภาวะน้ำหนักเกิน และอย่างรวดเร็วด้วย และพบว่า จำนวนมากกว่า 1 ใน 4 ของเด็กวัยเรียน มีพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม และเด็กในวัยนี้อีกจำนวนมากไม่ได้รับประทานอาหารตามความต้องการของร่างกาย เป็นผลให้เด็กไทยในภาพรวมยังไม่แข็งแรง เจริญเติบโตไม่เต็ม