บ้านห้วยลุหลวง โอกาสแห่งครูบ้านนอก (2)


มุ่งมั่นจะเป็นครู

          จากความพยายามในการระดมไพร่พลชาวนอร์ทกรุงเทพ ผมต้องใช้สิทธิในการลางานเพื่อไปร่วมกิจกรรมนี้ ผมได้โอกาสหยุดในวันที่ 19 ตุลาคม 2550 เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ถุงนอนก็ไม่มี กระเป๋าใบใหญ่หน่อยก็ไม่มี ก็คงเอาเท่าที่มีแล้วกัน เด็ก ๆ บางส่วนไปกับรถ ป1 ของสยามเฟิร์ส ส่วนพวกเรา 4 คนไปกับรถ VIP ของบริษัทสมบัติทัวร์ ซึ่งที่นั่งค่อนข้างสบายผ่อนคลายอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายเป็นค่าเดินทาง  พวกเรา 4 คนได้ไปขึ้นรถที่ชานชาลาที่ 40 ของสถานีขนส่งหมอชิต รถออกประมาณ 20.30 น. ซึ่งบนรถมีบริการอาหารว่างเป็นไก่ทอดชิ้นพอดีคำ นมเปรี้ยว ขนมปัง ขนมขบเคี้ยว และอาหารรอบดึกประมาณตี 2 แถวพิษณุโลก

           7 โมงเช้าของวันที่ 20 ตุลาคม 2550 ท้าวก้าวแรกสู่ภาคเหนือ ครั้งแรกในชีวิตสู่ภาคเหนือ ความรู้สึกตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งกับการได้เดินทางไกลที่สุด พวกเราที่มาถึงก่อนก็ยืนรออยู่บริเวณ บขส.เชียงรายนี้ ผมต้องกระตือรือล้นที่จะหาจองตั๋วรถเที่ยวกลับจากบริษัทอีกแห่งหนึ่งคือ บริษัทสยามเฟิร์สทัวร์ ซึ่งราคาตั๋ว 762 บาท เป็นรถ VIP 32 ที่นั่ง พื้นที่ภายใน บขส.เชียงรายดูคึกคักในยามเช้าร้านอาหารเรียงรายรอบ บขส. มีร้านสะดวกซื้อมากมาย ดูไม่ต่างจาก บขส.ที่อื่นที่มีร่องรอยแห่งความเจริญมาบดบังความเป็นเมืองยิ้มสยาม  ทุกคนต่างเร่งรีบประกอบกิจการของตน สิ่งที่ผมพยายามถามตนเองมาหลายต่อหลายครั้งก็คือ ห้องน้ำตามสถานที่สาธารณะแบบนี้ทำไมต้องจ่ายเงินมากมายเพื่อที่จะเข้าใช้บริการ  อัตราค่าบริการ 3 บาทสำหรับการเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง มันอาจดูไม่มากมายนักสำหรับแต่ละคน แต่ผู้ให้บริการหากมีคนเข้าใช้บริการวันละ 500 คน นั่นหมายถึงรายได้ 1,500 บาทต่อวันเชียวนะเนี่ย แต่ก็อาจเป็นเพราะว่าค่าเช่าที่คงแพง ก็คิดในแง่ดีไว้ครับ

 

           เวลาประมาณ 8 โมงเช้า พวกเราได้ระดมพลคนครูบ้านนอกทั้งหลายที่มาถึงที่ บขส.เพื่อนั่งรถสามล้อเครื่องเข้าไปยังมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งทางคณะผู้ดำเนินงานได้นำพวกเราไปเคารพสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย เห็นแต่ในภาพถ่ายมานาน วันนี้ได้มาไหว้ด้วยตนเอง มีความสุขมากที่สุด ยังคงมีกลิ่นอายศิลปะแห่งล้านนาอยู่คู่เมืองเชียงราย มองไปแล้วให้ความเพลิดเพลินมากทีเดียว พวกเราได้ถ่ายรูปร่วมกันทั้งคณะที่เดินทางมาด้วยรถโดยสารประจำทางก็มากพอดูเชียว ผมได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนใหม่เป็นคนแรก นั่นก็คือ ครูติ๋ว ที่ได้หลงทางมานั่งรถแห่งนอร์ทกรุงเทพของเรา แต่เราก็ได้นำเสนอมิตรไมตรีต่อกันอย่างมีความสุข

          หลังจากที่เราได้ถ่ายรูปร่วมกันที่อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายแล้วเราได้ขึ้นรถสองแถวเล็กคันเดิมเพื่อเข้าไปสู่มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งทางที่เข้าไปสู่มูลนิธินั้นไม่ถึงขนาดธุรกันดารมาก แต่ก็เป็นอำเภอเมืองที่มีบรรยากาศที่ค่อนข้างดีทีเดียว ห้อมล้อมไปด้วยความเขียวขจีของภูเขา  หลังจากที่เราเดินทางมาถึง  สิ่งที่ผมได้สังเกตเห็นเป็นอย่างแรกก็คือ สภาพของสิ่งปลูกสร้างที่ประกอบกันขึ้นเป็นสถานประกอบการของมูลนิธิ มีทั้งส่วนที่เป็นห้องประชุม ร้านขายสินค้าหัตถกรรมทำมือของมูลนิธิ สถานที่ทำงาน ซึ่งมีส่วนที่มีลักษณะเป็นบ้านดินอยู่บ้าง รับรู้ได้ถึงความเย็นที่อยู่ภายในสถานที่นั้น หลากหลายคนหลากหลายความคิดหลากหลายอาชีพเดินทางมาอยู่ที่เดียวกันด้วยจุดมุ่งหมายต่าง ๆ กัน บางคนอยากมาเนื่องจากเวลาว่างพอดี บางคนอยากมาด้วยอยากทำอะไรเพื่อคนอื่น บางคนอยากมาในที่ที่ไม่เคยมา สำหรับผมนั้นผมตั้งใจมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ผมมาที่นี่เพื่อแสวงหาประสบการณ์ในการทำกิจกรรมค่ายอาสา  ส่วนการทำกิจกรรมในการเป็นครูนั้นเป็นผลพลอยได้ เนื่องจากในปัจจุบัน เราก็ทำอาชีพครูอยู่แล้วนี่นา

 

          ผมได้เริ่มทำกิจกรรมหลังจากเดินทางถึงมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งบรรยากาศที่นี่ดีมาก เงียบสงบ มีสถานที่ทำงานเป็นบ้านดินบ้าง บ้านหลังเดี่ยวชั้นเดียวเล็กกระทัดรัดบ้าง ผมได้ฟังบรรยายเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ที่มูลนิธิเป็นผู้ดำเนินการ ช่างน่าทึ่งกับกลุ่มคนที่มีความคิดที่จะทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จนได้มูลนิธิอย่างปัจจุบันนี้  ผมรู้สึกทึ่งกับคนกลุ่มนี้มากที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้ความกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม

          จากนั้นเราได้แนะนำตัวเองกันให้เป็นที่รู้จัก ทุกคนมีคำนำหน้าชื่อตนเองว่า "ครู" ซึ่งมันเป็นคำเรียกที่มีค่ามากสำหรับผม ถึงแม้ว่าผมจะทำงานด้านการสอน การศึกษา แต่สิ่งที่ใช้นำหน้าชื่อหรืออาชีพของผมก็คือ อาจารย์

          หลังจากเสร็จจากการแนะนำตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาทำกิจกรรมกัน เราเล่นเกมส์หาป้ายชื่อกัน ผมเป็นคนที่ถือเป็นปมด้อยมากสำหรับเกมส์นี้ เพราะผมจำหน้าคนไม่เก่ง ก็เลยประเดิมโดนทำโทษกับเกมส์นี้เลย เต้นท่าต่าง ๆ นานาก็น่ารักดีครับ จากนั้นเราก้แบ่งคนเข้าบ้าน ๆ ละ 3 คน ก็จับพลัดจับผลูได้ พี่หมอกและน้องกอล์ฟ  ตัวใหญ่ทั้งทีมเลย สงสัยเราต้องได้อยู่บ้านใหญ่มากแน่เลย พี่หมอกเป็นพี่ชายคนโต แสนอบอุ่น ส่วนกอล์ฟ เป็นนิสิตปริญญาโทจากจุฬา  เราพักกลางวันกันด้วยการกินน้ำเงี้ยว อร่อยมาก ใส่ไข่ไป 1 ฟอง เรายังคงนั่งกินน้ำเงี้ยวกันเป็นกลุ่มของเรา  แต่ก็ได้รู้จักคนอื่นมากขึ้น จากนั้นเราก็เริ่มรวมกันเพื่อเดินทางเข้าสู่พื้นที่บ้านห้วยลุหลวง  บรรยากาศระหว่างทางสวยงามมาก เป็นแม่น้ำ ภูเขา

 

     พอเดินทางด้วยรถสองแถวเล็กมาได้สักพัก พวกเราก็ต้องลงเดินเท้ากันต่อ เป็นระยะทางไกลพอสมควร ทั้งขึ้นเขาลงเขา เป็นการเดินทางที่เหนื่อยมาก แต่ทว่าได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่ด้วย ผมเดินมากับศิริชัย (หนึ่ง) และบุ๋ม ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ เราคุยกันได้ถูกคอดี บุ๋มเป็นคนน่ารัก คุยสนุก ชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ เดินเหนื่อยก็รอกัน หยุดพัก แล้วค่อยเดินต่อ เรามาถึงกลุ่มท้าย ๆ เพราะเดินดูโน่นดูนี่ (ที่จริงเดินไม่ไหว อิอิ) จนมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำเล็ก ๆ เข้าหมู่บ้าน ทางขึ้นหมู่บ้านชันมาก มีเพื่อน ๆ ครูหลายคนลื่นล้ม แต่ทุกคนก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

     ภาพที่ผมเห็น ณ หมู่บ้านนี้คือ ภาพชนบทโดยทั่วไปที่ยังไม่มีความซิวิไลซ์มากมายนัก ทุกคนอยู่กันด้วยความเรียบง่าย มีรถกระบะกันบ้างพอสมควร แต่ก็ยังคงกลิ่นอายของความเป็นชนบทบนเขาที่ความเจริญยังเข้ามาทำร้ายได้ไม่เต็มที่นัก พวกเราต้องทำมาหาอาหารกันเองโดยทางมูลนิธิจะแจกสิ่งของใช้ทำอาหารจำนวนหนึ่ง มีไข่ไก่ มะเขือยาว กระหล่ำปลีพริก มะเขือเทศไก่ยอ  เออลืมบอกไปว่าชาวเขาเหล่านี้นับถือศาสนาคริสต์ครับ

     ผมได้รู้จักเพลงสันทนาการเพลงหนึ่งที่นี่ครับ "ส้มตำมะละกอส้มตำ มะละกอส้มตำเอามะละกอมาใส่ ใส่น้ำปลากะปินิดหน่อย ๆ ชูรสน้อย ๆ เอามาใส่ส้มตำ" ก็สนุกสนานไปอีกแบบครับ

    เราได้ร่วมกิจกรรมกันเป็นวันที่สอง บรรยากาศยามเช้ามีหมอก แต่อากาศไม่หนาวมาก เราช่วยกันทำกับข้าว ซึ่งผมไม่ถนัดนัก ก็ทำหน้าที่ล้างของให้เสียเป็นส่วนใหญ่ มีการแบ่งฐานกันทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการสอนภาษาไทย ภาษาอังกฤษการดำรงชีพ และศิลปะ ผมได้อยู่กลุ่มศิลปะ  เด็ก ๆ ให้ความสนใจในกิจกรรมที่เราทำพอสมควร  แต่ผมกำลังสนใจว่า เรากำลังทำหน้าที่ครู หรือทำหน้าที่อะไรกันอยู่ เพราะผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมกำลังทำขณะนี้คือการนำสิ่งของต่าง ๆ กับความสนุกสนานมามอบให้เด็ก ๆ เท่านั้น ผมไม่ค่อยมีโอกาสให้อะไรดีดีกับเด็กเหล่านี้ได้มากนัก แต่ก็เอาล่ะตามกิจกรรมที่เราได้ทำร่วมกันแล้วกัน  วันนี้ผมได้มีโอกาสรู้จักพี่ต้อม ซึ่งพักบ้านเดียวกับแจง  พี่เขาเป็นคนที่น่ารักมากคนนึง เป็นผู้ใหย่ที่น่านับถือ มีความสุขุมเยือกเย็น สนุกสนาน แล้วก็พี่ปอย ซึ่งต่อมาเธอได้เป็นประธานฝ่ายหญิงด้วย  ตกบ่ายเราก็ได้เล่นแชร์บอลกัน ขอบอกว่าเหนื่อยมาก ๆ เลย กับการเล่นแชร์บอลบนเขา ก็เป็นการเตรียมการละเล่นแบบเรียบง่าย ไม่มีอะไรมาก 

    

     เราได้รับแจกเนื้อหมูคนละ 1 ถุง เพื่อจะนำไปทำอาหาร สำหรับของที่พวกเรานำเอามาบริจาค ทางทีมงานสรุปกันว่าจะนำมาจำหน่ายให้ชาวบ้านในราคาถูก เพื่อหารายได้เข้าหมู่บ้านและเสริมสร้างมูลค่าให้สิ่งของที่นำมา ถือเป็นกิจกรรมที่มีแนวคิดที่ดีครับ แต่เย็นนี้สิไม่รู้จะทำไง เพราะทั้งกอล์ฟและพี่หมอกไม่ได้มาช่วยทำอาหารในตอนแรก เลยสร้างความลำบากใจให้ผมอย่างมาก เพราะไม่ถนัดในการทำอาหาร แต่ก็ได้เตรียมอาหารที่จะทำไว้ ให้น้องกอล์ฟมาทำ แล้วตอนกลางคืนเราก็ได้ทำกิจกรรมสรุปกิจกรรมกันเหมือนเดิม

     วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่สาม วันนี้เราต้องเอาข้าวห่อใบไม้ไปกินกัน เพราะเราจะไปน้ำตก พวกเราต้องเดินทางไปน้ำตกด้วยการเดินเท้า สิ่งที่ผมรู้สึกไม่สบายใจก็คือ ทางเดินไปน้ำตกนั้นหนักหนาสาหัสพอสมควรสำหรับผู้มีร่างกายไม่อำนวย และอายุมาก เป็นทางเดินขึ้นลงเขา ข้ามสิ่งกีดขวางมากมาย แต่ทว่าทางมูลนิธิมิได้สั่งห้ามปรามหรือมีมาตรการใด ๆ ที่จะช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้เป็นการเฉพาะเจาะจง  นี่เรากำลังเล่นกับชีวิตคนนะเนี่ย ผมคิดอยู่ในใจ ผมก็เลยพยายามบอกเด็ก ๆ ของชมรมที่มาด้วยกันว่า เรารอเดินท้าย ๆ เพื่อช่วยเหลือคนที่เขาไม่ไหวกันดีกว่า การเดินทางนี้มีความสุขมาก ถึงแม้จะเหนื่อยแทบขาดใจก็ตาม มีคุณเดเนียล เป็นฝรั่งถ้าจำไม่ผิดเป็นชาวออสเตรเลีย ที่เขามีอายุและเดินไม่ไหว พวกเราช่วยเขาเต็มที่ แต่ในที่สุดเขาก็ไปไม่ไหว บางคนข้อเท้าพลิกเนื่องจากลื่น หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิที่ได้รับบาดเจ็บจนไปต่อไม่ได้ และที่สำคัญครับ เจ้าหน้าที่นำทางพวกเราที่อยู่ในกลุ่มสุดท้าย นำพาพวกเราไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าขณะนี้ถึงไหนแล้ว  โอยยยย เรากำลังหลงป่าหรือนี่ เพราะในความเป็นจริงแล้วตอนขากลับผมกลับเห็นทางที่ไม่ต้องสมบุกสมบันขนาดนั้น  ก็เอาเป็นว่าเรากำลังเดินทางสำรวจป่ากันอยู่นั่นเอง  

     เมื่อเดินทางมาถึงกลางป่า ผมก็มาถึงน้ำตกแห่งหนึ่งซึ่งผมจำชื่อน้ำตกนั้นไม่ได้ เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีน้ำพอสมควร เราก็ได้ถ่ายรูปกัน และก็มีโอกาสได้ดื่มน้ำที่ต้นน้ำของน้ำตกนั่นแหละ อนันต์ถือโอกาสไปตักน้ำมาให้  เด็กคนนี้น่าสงสารเพราะเขาไม่ได้เจอหน้าพ่อของเขามานาน เขาจะสนิทกับพี่หมอกเป็นพิเศษ เหมือนพี่หมอกเป็นพ่อเขา และพวกเราเป็นพี่ชายเขา ผมได้ลิ้มรสของน้ำจากไม้ไผ่ รสชาติออกเฝื่น ๆ นิด ๆ แต่ก็สดชื่นดี แต่ขากลับนี่สิ ไม่อยากคิดเลย จะเหนื่อยสักเพียงใดกัน

     ในขณะเดินทางกลับ ผมมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้ลำบากเหมือนดังเช่นที่ผมเดินผ่านตอนขามา มันสะดวกสบายกว่ามาก นี่อาจเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าขามาผมได้ออกไปนอกเส้นทางพอสมควร แต่ทว่าขากลับเจ้านัน (อนุสาท) ดันไปช่วยคนอื่นแล้วลื่น ทำให้เกิดอาการเคล็ดขัดยอกเดินไม่สะดวก พวกเราเลยช่วยกันพยุงเจ้านัน ผมเป็นห่วงเขามากเพราะมันเหมือนกันการที่เราต้องรับผิดชอบพวกเขาที่มากับผมด้วย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมประทับใจในเด็ก ๆ ที่ช่วยกันพยุงเพื่อนมาจนถึงที่หมาย มีปอนด์ หนึ่ง ที แจง ขอซูฮกให้กับการสร้างคนของชมรมสร้างสรรค์สังคมชนบท วิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ

     พวกเราออกมาถึงข้างนอกก็เกือบเย็นเลยขอโอกาสลงไปเล่นน้ำที่ลำธารอันแสนสะอาด เป็นลำธารเล็ก ๆ ที่มีกระแสน้ำไหลเย็นยะเยือก เราได้เล่นน้ำกันสักพักพอหายเหนื่อย ก็เลยขึ้นมาช่วยกันทำกับข้าวก่อนไปร่วมงานปิดตอนกลางคืน ซึ่งมีการละเล่นของชนเผ่าลาหู่  ซึ่งเราไปหลังจากที่เขามีเทศกาลกินวอ หลังจากการทำไร่ทำนาเรียบร้อยแล้ว

     คืนนี้มีการละเล่นที่สนุกสนาน ผมพยายามเต้นรำตามจังหวะที่เขานำเต้นกัน แต่ก็เป็นจังหวะที่ไม่ซ้ำกันเลยสัก step ก็เลยเล่นกันไปมั่ว ๆ แต่ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันเข้านอนเนื่องจากอากาศคืนนี้หนาวมาก ทางมูลนิธิโดยครูจะเด็ด ได้นำพวกเรามานั่งรวมกันรอบกองไฟ (ซึ่งไม่ได้ช่วยให้ความหนาวลดลงเลย) เพื่อจะได้สรุปกิจกรรมต่าง ๆ หรือที่ทางชมรมเราทำเป็นประจำก่อนที่จะกลับจากกิจกรรมออกค่ายอาสาก็คือ พิธีเปิดใจ ซึ่งครูปอย เป้นผู้แรกที่ดำเนินการ พี่ปอยมีความรู้สึกที่ดีมากและผมก็เห็นเป้นเช่นนั้น จากนั้นก็เป็นปอนด์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราก็แลกเปลี่ยนความรู้สึกกันมาโดยตลอด  ผมเคยบอกกล่าวไปแล้วว่า กิจกรรมแบบนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่เรามุ่งหวังทางวัตถุ หรือเงินทอง การพยายามรับสมาชิกจำนวนมากโดยเกินขอบเขตของการควบคุมดูแล มันเป็นสิ่งที่ผิดจากวัตถุประสงค์เริ่มต้นโดยสิ้นเชิง พวกเรามีความรู้สึกว่าการมาทำกิจกรรมในครั้งนี้มาเพื่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่กลุ่มอื่น ๆ เขาทำกันเป็นองค์กร ปอนด์ให้ความสนใจไปในการเตรียมการของกิจกรรมต่างๆ ที่ทางกลุ่มจัดขึ้น เพราะถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญหลักของการทำกิจกรรมครั้งนี้  ส่วนผมได้ให้ความเห็นว่า การทำกิจกรรมแต่ละอย่างที่นี่จัดทำขึ้นอย่างผิวเผิน เพื่อจุดมุ่งหมายให้กิจกรรมเสร็จสิ้นลงเป็นขั้นเป็นตอน แต่ไม่ได้เจาะลึกลงไปในรายละเอียดของแต่ละกิจกรรมเลย ก็เลยทำให้ผมรู้สึกว่า ขาดรสชาติของการเรียนรู้ และเสียดายแทนคนที่เพิ่งมาบำเพ็ญประโยชน์ในครั้งนี้เป็นครั้งแรก  แต่ก็เอาเถอะ วิถีทางใครวิถีทางมัน หากแต่สิ่งที่เรารู้สึกเราได้แสดงให้เห็นโดยทั่วแล้ว หากนำไปปรับปรุงก็คงเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเองนั่นแหละ

     วันสุดท้ายก่อนเราเดินทางกลับ เราได้ถ่ายรูปและแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน มีภาพทั้งความประทับใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะมากมาย ระหว่างทางกลับผมรู้สึกเสียดายมากครับ ว่ากิจกรรมนี้มิได้สร้างความรู้สึกเสียสละ ต่อส่วนรวมให้เห็นอย่างชัดเจน การช่วยดูแลสำภาระของส่วนรวมยังคงเป็นหน้าที่ของเด็ก ๆ ชาวนอร์ทกรุงเทพอยู่ ซึ่งพวกเขาก็ยินดี แต่มันก็น่าเสียดายที่เราไม่ได้สร้างอะไรให้กับตัวตนของคนที่มาทำกิจกรรมเพื่อคนอื่นเลย ดังนั้นคำว่าค่ายสร้างคนอาจไม่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนสำหรับการมาทำกิจกรรมในครั้งนี้

     ก่อนจากกันไป ทางมูลนิธิมีการสรุปประเด็นต่าง ๆ ไว้ว่า การทำกิจกรรมต่าง ๆ ของพวกเราไม่จำเป็นต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า การแก้ไขปัญหาของเราเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่อสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือวิถีทางของพวกเขา การมีอุดมการณ์มากเกินไป อาจเป็นเหมือนไฟที่จะเผาไหม้ตัวตนของคุณในภายหลัง  สิ่งเหล่านี้แหละเป็นสิ่งที่ผมรอฟังมานานก่อนที่จะมาทำกิจกรรมนี้ด้วยซ้ำไป  ในที่สุดแล้ว ผมก็รู้ว่า การพัฒนาด้วยจิตอาสาไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป และเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน การดำเนินกิจกรรมอย่างมีระบบแบบแผนไม่ได้หมายความถึงการสร้างกรอบข้อบังคับที่บิดเบื่อนไม่ได้ แต่มันเป็นการลดerror ที่จะเกิดขึ้นจาก uncontrollable factor ที่หากมันเกิดขึ้น คุณก็คงรับกับมันไม่ไหว แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณที่ทำให้ผมได้มาเรียนรู้ชีวิตอีกฟากหนึ่งที่ผมไม่เคยมา ขอบคุณชาวบ้านห้วยลุหลวงกับความรู้สึกดีดี ขอบคุณครูบ้านนอกทุกคนที่มาเจอกัน โอกาสหน้าพวกเราคงได้ทำสิ่งดีดีให้กับสังคมกันอีก ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำกิจกรรมนั้นในที่ที่เดียวกัน ขอบคุณ

 

หมายเลขบันทึก: 147562เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2007 10:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พี่คะหนูอยากจะเป็นครูบ้านนอกบ้างอ่ะค่ะ

ควรจะต้องทำยังไงบ้างคะ

ถึงจะมีโอกาสดีๆแบบพี่บ้าง

ถ้าพี่มีอะไรแนะนำหนูก้อช่วยติดต่อกลับด้วยนะคะ

หนูขอขอบคุณล่วงหน้านะคะพี่

เพิ่งได้มาอ่าน วันนี้ ..อยู่ๆก็อยาก search บ้านห้วยลุหลวง เจอบันทึกนี้อ่านจนจบ..คิดถึงทุกคนนะคะ

และพี่หมอกเขาไม่อยู่แล้วนะคะ

พี่ต้อม เองหละ ครูบ้านนอกห้วยลุหลวง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท