1)การให้ความสำคัญกับที่มาของโครงการพัฒนา ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมามีความรู้พอที่จะฟันธงได้แล้วว่า ต้องผ่านกระบวนการจัดทำบัญชีรับจ่าย เพื่อนำสู่การประเมินศักยภาพรายครัวเรือน รวบรวมวิเคราะห์ภาพรวมเป็นศักยภาพของชุมชนระดับหมู่บ้าน/ตำบล นำสู่การวางแผนพัฒนาด้วยการจัดทำโครงการ/กิจกรรมที่สอดคล้องกับพื้นที่ซึ่งเน้นการพึ่งตนเอง พึ่งพากันภายในมากกว่าการพึ่งพิงภายนอก ที่เรียกว่า กระบวนการจัดทำแผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเอง
2)การเชื่อมโยงแผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเองเข้ากับแผนพัฒนาตำบลของอบต.และประสานกับแผนสนับสนุนของอบจ.
3)การเสริมกำลังด้วยโครงการ/กิจกรรมที่มาจากกรมต่างๆผ่านหน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่อย่างบูรณาการงบตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขต้องการเข้ามาสร้างเงื่อนไขการพัฒนา รวมทั้งขจัดเงื่อนไข ที่เป็นอุปสรรคโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับกลไกดำเนินการในส่วนของภาครัฐ รวมทั้งการเข้ามาเป็นเจ้าภาพดำเนินกิจกรรมด้วยตนเองของชุมชน ด้วยการุท่มเงินจำนวน90%จาก10,000ล้านบาทเพื่อเสริมแรงของชุมชนตามระดับการพัฒนาโดยตรง อีก10%จัดสรรเพื่ออำนวยการ จัดกระบวนการเรียนรู้ และติดตามประเมินผลอย่างบูรณาการ ในระดับจังหวัดตามชื่อยุทธศาสตร์ คือ
จังหวัดอยู่ดีมีสุขนั้นเป็นอย่างไร สัมฤทธ์ผลแค่ไหน อย่างไร?
ในกรณีของจังหวัดนครศรีธรรมราช โชคดีที่เรามีผู้นำที่มีบารมีซึ่งเป็นต้นแบบของการเคลื่อนงาน ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องคือ
1)น้าประยงค์ รณรงค์และชุมชนไม้เรียง ถือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ กระบวนการแผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเองอย่างเต็มภาคภูมิ
2)ผู้ว่าราชการจังหวัด นายวิชม ทองสงค์ ถือเป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนงานจัดการความรู้เพื่อบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ ภาคีวิชาการ ภาคชุมชนและประชาสังคมให้ร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนงานตามโครงการชุมชนอินทรีย์อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งเป็นที่มาของยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข เราจึงรวมยุทธศาสตร์ทั้งสองเป็น “ชุมชนอินทรีย์อยู่ดีมีสุข”
ในปี2551นี้ ถือเป็นปีที่ความคิดและประสบการณ์ในการเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ชุมชนอินทรีย์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชมีความสุกงอมอย่างเต็มที่ ด้วยแรงเสริมจากยุทธศาสตร์สังคม ไม่ทอดทิ้งกัน โครงการของกรมตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โครงการความร่วมมือฯ และกรอบกิจกรรมตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขซึ่งถือเป็นเครื่องมือ/กลไกกลางที่จะขับเคลื่อนงานดังกล่าวให้รุดหน้าไปอย่างเป็นรูปธรรมทั่วทั้งจังหวัด
กลไกกลางที่พวกเราร่วมคิด คือ กลไกคุณเอื้อจังหวัด และคุณอำนวยจังหวัดนั้น จำต้องมีกลไกระดับอำเภอ ตำบลและหมู่บ้านที่เข้ามาขยายผลการทำงานให้ทั่วถึง
ข้อเสนอที่ผมคิดไว้มีดังนี้
1)คุณอำนวยอำเภอ มีนายอำเภอเป็นประธาน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในระดับอำเภอ ภาคชุมชน และประชาสังคมร่วมเป็นคณะทำงาน ถือเป็นคณะที่มีความสำคัญมากเพราะจะเป็นหน่วยจัดการงบประมาณเพื่อสื่อสารสร้างความเข้าใจ และสนับสนุนการเรียนรู้ให้กับคณะคุณอำนวยตำบลที่จะเข้าไปสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ทีมงานเสนอให้จัดสรรงบลงอำเภอโดยอิงจำนวนหมู่บ้านในแต่ละอำเภอ โดยหน่วยงาน องค์กรจากภาคส่วนต่างๆร่วมกันผิดชอบในฐานะเลขานุการของทีมงานระดับอำเภอ ตัวเลขที่เป็นตุ๊กตา หมู่บ้านละ12,000บาท คือ
ปกครองรับไป 3 อำเภอ
พัฒนาชุมชน 3 อำเภอเกษตร 3 อำเภอ
กศน. 3 อำเภอ
สาธารณสุข 3 อำเภอ
ท้องถิ่นกับพมจ. 4 อำเภอ
ชุมชนกับประชาสังคม 4 อำเภอ
2)คุณเอื้อตำบล นายอำเภอแต่งตั้งนายกอบต.และกำนันทุกตำบลร่วมเป็นคณะคุณเอื้อตำบลในระดับอำเภอ ปลัดปกครองและท้องถิ่นเป็นกรรมการ โดยมีนายอำเภอเป็นประธานอีกคณะหนึ่ง3)คุณอำนวยตำบลคือ ผู้สนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ที่มาจากภาคส่วนต่างๆทั้ง 9 ภาคีตำบลละ 9 คน ทำหน้าที่เสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับหมู่บ้าน/ตำบลผ่านคณะผู้นำหมู่บ้านๆละ8คนซึ่งเป็นคุณกิจแกนนำ แบ่งกำลังคนกันลงไปจัดวงเรียนรู้ร่วมกับคณะผู้นำ8คน ผู้นำกลุ่มองค์กรต่างๆ สมาชิกในองค์กรและชาวบ้านในหมู่บ้าน เลือกแกนนำหมู่บ้านจากคณะผุ้นำ8คนมาจัดวงเรียนรู้ระดับตำบลและระหว่างตำบลจนสรุปเป็นวงเรียนรู้ระดับอำเภอ โดยที่กระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดมาจากการออกแบบจัดการของคณะคุณอำนวยอำเภอตามกรอบงบประมาณที่จัดสรรให้
3)คณะคุณอำนวยอำเภอ คุณอำนวยตำบล และคุณกิจแกนนำจำนวนหนึ่งจะเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มโซน โดยมีคุณอำนวยจังหวัดจัดทีมลงไปสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ และจัดเวทีสรุปผลการดำเนินงานในระดับจังหวัด
ทุกหมู่บ้าน ตำบล และอำเภอ จะมีประเด็นเรียนรู้ที่สอดคล้องเชื่อมโยงกันเป็นลำดับคือ การเรียนรู้(ที่มาจากการปฏิบัติ)ในเรื่องดังกล่าวต่อไปนี้3)ข้อมูล การวิเคราะห์และประเมินศักยภาพรายหมู่บ้าน/ตำบล/อำเภอ
4)การจัดทำแผนแม่บทหมู่บ้าน/ตำบลที่มาจากฐานข้อมูล การวิเคราะห์อย่างมีคุณภาพและสรุปภาพรวมในระดับอำเภอ
5)เรียนรู้เรื่องแผนพัฒนาของอบต. แผนพัฒนา/โครงการของหน่วยงานต่างๆตามโครงสร้างหน้าที่ในระดับหมู่บ้านตำบล และโครงการจากส่วนงานอื่นๆที่เข้ามาในหมู่บ้าน/ตำบล ให้ข้อมูลสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน หารือการทำงานในกลุ่มแกนนำที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องเสริมหนุนกัน6) การสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ความหมายศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง การบันทึกข้อมูล จำนวน กิจกรรมของศูนย์เรียนรู้และผลจากการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ตลอดทั้งโครงการ
7)บูรณาการองค์กรการเงินเพื่อสวัสดิการชุมชนและส่งเสริมพัฒนาระบบสวัสดิการชุมชน
ศึกษาอย่างมีส่วนร่วม ข้อมูลจำนวนกลุ่ม สมาชิก กิจกรรม การบูรณาการระดับหมู่บ้าน/ตำบล ผลจากการดำเนินงาน
ระบบสวัสดิการชุมชนมีรูปแบบการจัดการอย่างไรบ้าง ผลเป็นอย่างไร? เป็นต้น
7)มาตรฐานสุขภาพชุมชน เรียนรู้ให้นิยามตามกรอบของสาธารณสุข เสริมเติมแต่งโดยชุมชน จัดทำข้อมูล ติดตามกิจกรรม และประเมินผลแบบมีส่วนร่วม8)มาตรฐานชุมชน ผู้นำอยู่ในข้อ1 กลุ่มอยู่ในข้อ5และ6บางส่วน เครือข่ายอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ระดับตำบล/อำเภอ
มาตรฐานชุมชนเป็นการประเมินโดยกรอบของพช.และสรุปเข้ามาในกรอบชุมชนอินทรีย์คือ นำองค์ประกอบ5ประการมาพิจารณาคือ คณะผู้นำที่มีคุณภาพและมีการสืบทอด แผนแม่บทชุมชนที่มีคุณภาพ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่มีประสิทธิภาพ บูรณการองค์กรการเงินและสวัสดิการชุมชน มาตรฐานสุขภาวะและมาตรฐานชุมชนตามกรอบของพช. ประเมินร่วมกันกับชาวบ้าน คณะผู้นำ คุณอำนวย โดยพิจารณาประเด็นอื่นๆประกอบ ให้ความหมายของคำว่าชุมชนอินทรีย์และชุมชนอยู่ดีมีสุข จัดระดับหมู่บ้าน/ตำบลเป็น A B C และสรุปภาพรวมในระดับอำเภอ
กระบวนการต่างๆถือเป็นการพัฒนาชุมชนตามแนวทางชุมชนเป็นแกนกลาง ทุกคนตั้งแต่คุณอำนวยอำเภอ คุณอำนวยตำบลและคุณกิจแกนนำ8คนจะผ่านการเรียนรู้ตามบทบาทหน้าที่ที่อาจจะมีความชำนาญ เชี่ยวชาญกันคนละเรื่อง เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานเพื่อผลลัพท์ตามเป้าหมายคือ ชุมชนอินทรีย์อยู่ดีมีสุข และยกระดับการพัฒนาตนเอง การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานอย่างขนานใหญ่9)สุดท้ายคือ การติดตามประเมินผล จะใช้การประเมินผลภายในอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมกระบวนการเรียนรู้ แทนการประเมินผลปลายปีเพื่อชี้วัดตัดสินเพียงอย่างเดียว ทีมวิชาการน่าจะร่วมกันทำแบบฟอร์มข้อมูล โปรแกรมภาพรวมการพัฒนา แผนที่ศักยภาพระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอและสรุปเป็นภาพรวมทั้งจังหวัดที่บอกให้ทราบถึงสถานะภาพของชุมชนอินทรีย์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชผลที่ได้คือ
1)ภาพรวมการพัฒนาในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ โดยสามารถจัดระดับชุมชนอินทรีย์ตามกรอบ5ข้อและจากการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีข้อมูลความรู้ใน5องค์ประกอบและข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบอย่างชัดแจ้ง
2)การพัฒนายกระดับความสามารถ/คุณภาพของคนทำงาน ตั้งแต่คุณกิจแกนนำ8คน/หมู่บ้าน คุณอำนวยตำบล และคุณอำนวยอำเภอ โดยมีข้อมูล ความรู้ในประเด็นการเรียนรู้ที่สามารถเขียนสรุปเป็นประสบการณ์น บอกเล่าความสามารถที่เพิ่มขึ้นในบทบาทดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง
ทุกส่วนงานต้องแข่งขันกันทำหน้าที่ของตนเองอย่างจริงจัง ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นทีม เรียนรู้จากกันระหว่างทีมงานต่างหมู่บ้าน/ตำบล/อำเภอและโซนเพื่อผลลัพท์ร่วมกันในระดับจังหวัดที่เป็นผลงานร่วมกันของทุกคนและทุกส่วนงาน
คือแนวทางการบูรณาการทุกภาคส่วน เสริมพลังด้วยการจัดการความรู้ สู่เป้าหมายชุมชนอินทรีย์อยู่ดีมีสุข ทำให้ 1+1+1+1+1+1+1+1+1+1 เท่ากับ1,550 เป็นผลงานร่วมที่จะเป็นของขวัญให้กับผู้ว่าวิชม ทองสงค์ในงานเกษียณราชการในเดือนกันยายน2551 เป็นงานถวายในหลวงตามแนวทาง “รู้รักสามัคคี ขาดทุนคือกำไร” ในปีมหามงคลพระชนม์มายุครบ 80 พรรษาในปี2550นี้
ที่สำคัญคือ เป็นงานเพื่อชุมชน หน่วยงาน/องค์กร และเพื่อความก้าวหน้าของตัวเราเองด้วย