ในยุคสมัยที่มหาวิทยาลัยกำลังวิ่งกวดสุดชีวิต เพื่อไล่ให้ทันกับ ความเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย และต้องลากเอาขบวนคณะวิชา คาราวานอาจารย์ทั้งหลายไปด้วย
ความเหนื่อยล้า ความท้อแท้ ความขัดแย้ง การแข่งขัน ความไม่เข้าใจ ไม่ปรองดองสามัคคีกัน เป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ ที่พบพานเป็นรายวัน คงเป็นธรรมดากระมังว่า สิ่งดีๆ สิ่งมีค่า ย่อมไม่ได้มาโดยง่าย
แต่ในวันที่เราไปถึงจุดหมาย มันคงจะต่างกันมาก ถ้าวันนั้นเป็นวันที่เหลือไพร่พลเพียงหยิบมือเดียว หรืออยู่พร้อมหน้าร่วมฉลองชัยชนะกันอย่างปรีดาปราโมช ทั้งที่...ก็ชนะแล้วเหมือนกัน
ช่วงเวลาแห่งความทุกข์นี้เอง ที่มีค่ามากกว่าเป้าหมายที่จะไปถึง บทเรียนที่ต้องเอาชนะกับ ความเหนื่อยล้า ท้อแท้ ความขัดแย้ง การแข่งขัน ความไม่เข้าใจ ไม่ปรองดองสามัคคี ต่างหากคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ดิฉันก็เพิ่งได้ประจักษ์วันนี้เองว่า การบริหารงานวิจัย นั้นมันยากเหลือหลาย สำหรับดิฉันมันยากกว่าการบริหารวิชาการ การบริการวิชาการ ฯลฯ เสียอีก ไม่เชื่อท่านก็ลองเปรียบกับหน่วยที่เล็กที่สุดที่จะบริหารได้ นั่นคือตัวเราเองไงคะ!
ปัญหาหนึ่ง ที่ดิฉันเคยเกริ่นไว้ในบันทึก เรื่อง วิจัยสถาบัน: ชื่อผู้วิจัย ใน Blog NU_officeKM ว่า เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็ก แต่จะเป็นเรื่องใหญ่มากกกก (โดยเฉพาะกับบุคลากรสายวิชาการ: อาจารย์ ) เมื่อจะทำรายงานวิจัยเพื่อตีพิมพ์ในวารสาร ก็เพราะ ดิฉันประสบปัญหานี้เช่นกันภายในคณะวิชาของดิฉันเอง
การทำความเข้าใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผู้บริหารต้องรีบจัดการ ณ จุดเกิดเหตุ ให้ได้ทันที อย่าหมักหมมให้ปัญหาคาใจ นี่คือหลักการ.....แต่
ในความเป็นจริง บางครั้งเราก็ไม่มีปัญญาสูงพอที่จะแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ปัญหาบางอย่างจึงยังคงอยู่ และปัญหาบางอย่างเรียกว่า เป็นปัญหาคลาสสิก ทุกยุคทุกสมัย ก็ว่าได้
ปัญหาเรื่อง ชื่อผู้นิพนธ์ และผู้ร่วมนิพนธ์ ในวารสารทางวิชาการ ที่ดิฉันอยากนำมาขยายความ ในวันนี้ เนื่องจากดิฉันได้แสงสว่างทางแจ้ง จากหนังสือเรื่อง การเขียนบทความทางวิชาการ ของศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ จึงอยากจะนำมาฝากให้ท่านผู้สนใจท่านอื่นๆ โดยเฉพาะก๊วนบริหารงานวิจัย (มือใหม่) ได้รับทราบด้วย ดังนี้
ในการปฏิบัติหน้าที่บรรณาธิการวารสารทางการแพทย์ของผู้นิพนธ์ ซึ่งรวมเป็นเวลานานประมาณสามสิบปีนั้น นอกจากปัญหาความไม่ได้มาตรฐานของบทความทั้งด้านเนื่อหาและการเรียบเรียงแล้ว เรื่องคณะผู้นิพนธ์ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ของไทยเราส่วนหนึ่งยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิดๆ หรือมีค่านิยมที่ผิดๆ ยึดติดอยู่ โดยไม่มองกว้างออกไปดูสังคมวิทยาศาสตร์นานาชาติ ปัญหาที่ประสบมีอาทิ
ไม่มีความเห็น