เคยคิดกันไหมว่า อะไรที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเรา....ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะคิดถึงแต่สิ่งต่างๆ ภายนอกตัวเรา เช่น พ่อ แม่ ลูก ทรัพย์สมบัติ ฯลฯ และความสำคัญของบุคคล หรือสิ่งนั้นๆ แปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัย ก็ยังไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้ว คืออะไร สุดท้ายแล้วจึงสรุปได้ว่าทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุด คือ จิตใจ นั่นเอง
ใคร่ขอความคิดเห็นจากท่านผู้รู้ทั้งหลาย ข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เคยเขียนบันทึกไว้นานแล้ว พบเห็นอีกที่ก็ไม่ทราบที่มาที่ไปจึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ฉัน...คือใคร
ฉัน....ไม่ใช่ร่างกายนี้....ฉันเป็นดวงจิต
ฉันเป็นผู้ที่มีสภาวะเป็นแสง...ฉันเป็นดวงจิตที่อยู่เป็นอมตะ
ดวงจิตไม่เคยตาย........ร่างกายเท่านั้นที่ตาย
ในฐานะเป็นดวงวิญญาณ ฉันคือผู้ที่มีความสงบ ฉันเป็นผู้ทรงพลัง มีความสามารถที่จะจัดการกับอะไรก้ได้ในชีวิตของตนเอง
เราเป็นดวงจิต...เราจึงต้อง....เรียนรู้ที่จะรักดวงจิตของเราเอง เมื่อเรารักดวงจิตของเราได้จริงๆ แล้ว เราจะดูแลดวงจิตของเราก่อนเสมอ
การดูแลดวงจิตทำอย่างไร
เราต้องมีความรู้สึกที่ดี ดูแลความรู้สึกตลอดทั้งวันด้วยธรรมะ ถ้าเราไม่รักตนเองเราจะไม่สามารถหยิบยื่นความรักให้ผู้อื่นได้ ถ้าเราโกรธใคร ณ จุดนั้นเราไม่มีความรักให้แก่ตนเองเลย เพราะเรากำลังหยิบยื่นความโกรธให้ผู้อื่น ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ที่จะรักตนเองก่อน นั่นก็คือรักจิตวิญญาณของเรา เรารักจิตวิญญาณของเราด้วยการทำสมาธิปฏิบัติธรรม
สิ่งใดใคร่ครวญให้รู้
๑. เราควรตระหนักให้รู้ว่า...เราคือใคร
- เราทุกคนเป็นคนพิเศษ
- เราควรมองตัวเองในเชิงความรู้สึกทางจิตวิญญาณ แล้วเราจะพบว่าการเป็นมนุษย์นั้นถือว่าเป็นสภาวะที่สูงสุด เราจึงจำเป็นต้องเคารพชีวิตของเรา ซึ่งเป็นชีวิตที่สูงส่งที่สุด
๒. เราจะต้องหยั่งรู้ให้ได้ว่า....เราไม่ได้เป็นวัตถุธาตุที่เป็นร่างกายนี้
- ศาสนาพุทธเชื่อในเรื่องของกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ใช่ร่างกายนี้ หากคือจิตวิญญาณ เป็นดวงจิตที่อยู่ในสภาวะที่สูงสุด
- เมื่อเราตระหนักและหยั่งรู้เช่นนั้น จะนำมาซึ่งพลังอันมหาศาล แล้วจะนำคุณสมบัติที่ดีมาสู่ตัวเรา เพราะในดวงจิตหรือดวงวิญญาณภายในตัวเรานี้ คือ พลัง คือคุณธรรมทั้งหมด
- ในดวงจิตหรือดวงวิญญาณของเรามีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ในเวลานี้เราอาจไม่สามารถเข้าไปดึงเอาคุณสมบัติที่ดีของดวงวิญญาณออกมาได้
๓. อะไรคือคุณสมบัติที่ดีของดวงวิญญาณ
- เมื่อดวงจิตวิญญาณถูกโลกธรรมกระทบตากระเทือนหู รู้ไปถึงจิต บาดลึกไปถึงใจ สิ่งจำเป็นที่ต้องการขณะนั้นก็คือ พลังที่จะทำให้จิตใจของเราเข้มแข็ง หรือต้องการธรรมะอะไรสักอย่างเข้ามาช่วยเราในเวลานั้น สิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่สุดในขณะนั้นคือ จิตใจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะต้องมาจากคุณธรรมและพลังข้างในของเราเอง .....พลังและคุณธรรมนี้มาจากไหน....มันมาจากตัวเรานั่นแหละ
- ข้างในตัวเรานั้นคือดวงวิญญาณที่ใสสะอาด คือดวงวิญญาณที่ทรงพลัง เราเป็นผู้มีพลัง มีชีวิต และเต็มไปด้วยความเมตตา
- เมื่อใดที่จิตใจของเราไม่สบาย หรือเกิดอ่อนแอ ใจของเราจะเริ่มเร่ร่อนฟุ้งซ่าน ไม่มีความสุข ถูกรบกวนด้วยความขุ่นมัว รู้สึกโกรธ...นี่คือโรคภัยไข้เจ็บของจิตใจ เพราะฉะนั้น เพื่อที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บของจิตใจนี้ให้ได้ ต้องเป็นพลังของจิตใจเองที่จะต่อสู้ได้ นี่เป็นกฎธรรมชาติ ใครก็ไม่สามารถหยิบยื่นพลังให้ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บของจิตใจของเราได้ นอกจากตัวเราแต่ละคนเอง
- เราต้องคิดให้ได้ว่า เราเป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่ง เรามีพลังสมบูรณ์พร้อมอยู่ภายในที่จะจัดการกับชีวิตของเรา เราไม่ได้ขาดอะไรเลย
- ผู้คนนั้นถูกสร้างมาต่างกัน เราอาจจะรู้สึกว่ามีอคติในกระบวนการสร้างจริงๆ แล้วเป็นกฎธรรมชาติที่ว่า ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผ่านสภาวะอะไรบางอย่างตามกฎแห่งกรรม ดังนั้นพลังที่จะเผชิญหน้ากับกรรมของเรานั้นก็อยู่ในตัวเรานั่นเอง และสิ่งนี้แสดงว่าเราทุกคนมีความเท่าเทียมกันในการที่จะเข้าไปดึงเอาพลังนี้จากข้างใน เพื่อมาจัดการกับความรู้สึกนี้ วิธีการเดียวก็คือ...การทำสมาธิ
- เราต้องมีความสามารถในการควบคุมความคิดของเรา สิ่งที่เราคิดมีความสำคัญมาก เพราะทันทีที่เราคิดไม่ดีเราจะสัมผัสความไม่ดีนั้น เมื่อไรที่เราคิดสิ่งดีๆ เราก็ได้สัมผัสกับความดีและความรู้สึกที่ดี สิ่งที่เราคิดเราทำส่งผ่านออกมาเป็นกระแสจิตที่มีผลต่อจิตใจทั้งของตนเองแลผู้อื่น
๔. เราต้องคิดในทางที่ดีเสมอ อะไรคือความคิดที่ดี
- ความคิดที่ดีเป็นความคิดในทางบวก เป็นความคิดเชิงสร้างสรรค์ และเป็นความปรารถนาดีต่อกัน
- ความคิดอะไรก็ตามที่เราสร้างขึ้นในดวงจิต เราต้องรับผิดชอบเพราะกระแสความคิดเป็นกระแสจิตที่อยู่รอบตัวเรา ซึมซับเข้าสู่ดวงจิตคนรอบข้าง เช่นเดียวกับกระแสจิตของผู้อื่นก็ซึมซับเข้าสู่ตวเราได้
- เราต้องป้องกันตนเองไม่ให้ความเลวร้าย หรือความคิดในทางลบ หรือกระแสจิตที่ไม่ดีเข้ามาสู่ดวงจิตวิญญาณของเรา
๕. เราจะป้องกันดวงจิตวิญญาณของเราได้อย่างไร
- เราต้องเรียนรู้ที่จะรักดวงจิตวิญญาณของเรา เมื่อเรารักดวงจิตวิญญาณของเราได้อย่างแท้จริงแล้ว เราจะป้องกันดวงจิตของเราให้มีความสุขสงบได้
- หนทางสู่การรักดวงจิตวิญญาณก็คือ การทำสมาธิ/ วิปัสสนา
- ทุกคนเป็นดวงวิญญาณที่มีศักยภาพทัดเทียมกันที่จะพัฒนาตนเองขึ้นมาได้ และเราจะเป็นเช่นที่เราคิด
- เราต้องมุ่งมั่นพัฒนาดวงจิตวิญญาณ ดูแลดวงจิตวิญญาณของเราให้สดใส มีแต่ความรู้สึกที่ดีอันเป็นความรู้สึกนึกคิดในทางบวก และแล้วคุณธรรมในดวงจิตก็จะหลั่งไหลออกมาเอง เป็นกระแสจิตที่สูงส่งที่มีผลโดยตรงต่อดวงจิตวิญญาณ และแผ่พลังไปสู่ผู้คนรอบข้าง
ดีใจจังที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ มีทุกสิ่งอยู่ในตัวเองแล้ว แต่เราหาไม่เจอ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณไผ่
สวัสดีค่ะ คุณคนไม่มีราก
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยค่ะ จิตใจของเรามีค่ามากที่สุด รักษาจิตไว้ไม่ให้ขุ่นมัวมีอยู่ทางเดียวนั่นคือสมาธินั่นเอง ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
จริงค่ะ จิตใจของเรามีค่ามากที่สุด จงรักษาไว้ให้ดี
ในสภาพที่วุ่นวายนี้ จะรักษาจิตอย่างไรดีที่จะไม่ให้ไปพัวพัน
สวัสดีค่ะคุณ poo
คงต้องฟังหูไว้หู เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่อาจรู้
สวัสดีค่ะ.......แวะมารับธรรมะก่อนนอนค่ะ
สาธุค่ะ....ขอให้เจริญในธรรมนะคะ