ชีวิตที่พอเพียง : 407. วันที่สองในนิวยอร์ค


บันทึกเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 50

ลูกเขยและลูกสาวทำงานในธุรกิจการเงิน คือทำงานด้านการเอาเงินไปต่อเงิน หรือที่เรียกว่า investment management หรือ mutual fund และ hedge fund นั่นเอง ผมมองว่าชีวิตของเขาตอนนี้ก็คล้ายๆ นักศึกษาในมหาวิทยาลัย หรือพวกหมอหนุ่มสาว คืออดทนทำงานหนักเพื่อหวังชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต ไม่ได้มองว่าชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตถาวร ที่จริงในโลกนี้ไม่มีอะไรถาวร แม้แต่จักรวาลยังไม่ถาวร

ในวันทำงาน สัก 6.30 – 7.00 น. ลูกเขยก็จะออกไปทำงาน โดยนั่งแท็กซี่ไป โปรดสังเกตว่าเขามีรถยนต์ แต่ก็ไม่ได้ใช้เพราะไม่มีที่จอด และกลับมาที่พักตอนค่ำ ส่วนลูกสาวออกไปทำงาน 10 น. และทำอยู่จนตีสอง ย้ำว่า 2 น. ของวันใหม่ โดยที่นักวิเคราะห์การลงทุนของบริษัทคนอื่นๆ เขาก็ยังทำงานกันอยู่จนถึงเวลานั้น

ที่แปลกมากก็คือตกบ่ายวันอาทิตย์ทั้งสองคนต้องทำงาน เพราะตลาดเงินทางเอเซียมันเปิดแล้ว โดยลูกเขยทำงานที่บ้าน ส่วนลูกสาวไปทำงานที่บริษัทเนื่องจากเป็นวัฒนธรรมของบริษัทเช่นนั้น ลูกสาวเพิ่งได้งานใหม่มาไม่ถึงสัปดาห์จึงต้องปรับตัวตามวัฒนธรรมของบริษัท

เห็นสภาพของโลกาภิวัตน์ไหมครับ ตลาดเงินมันเป็นตลาดเดียว คือเป็นตลาดโลก ดังนั้นคนที่ทำงานด้านการเงินก็ต้องทำงาน “24 ชั่วโมง" ตลาดเงินเป็นใหญ่ คนเป็นรอง หรือคนต้องปรับตัวปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับสภาพของตลาด การทำงานของเขาก็คือนั่งดูข้อมูลหน้าจอและโทรศัพท์ไปคุยกับคน

การมาเยี่ยมลูกคราวนี้จึงเป็นการมาเปิดหูเปิดตาเรียนรู้วิถีชีวิตแบบที่แปลกมากสำหรับผม ลูกเขาบอกว่าชีวิตแบบนี้คนมักทนอยู่ได้ไม่นาน เพราะเครียดมาก ยิ่งต้องอยู่ในนิวยอร์คยิ่งเป็นชีวิตที่ไม่ดี แต่ผมชอบมองต่างมุม มองเป็นความท้าทาย ว่าถ้าผมต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ผมก็จะหาทางทำให้เป็น “ชีวิตอุดม" ให้ได้ เพราะจริงๆ แล้วเขาก็ยังมี Central Park ที่ใหญ่มากและมีเครื่องอำนวยความผ่อนคลายในชีวิตแบบของเขา เรามาอยู่ในสังคมแบบนี้ก็ต้องถือคติ “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" คือใช้ชีวิตแบบเขาโดยเราสุขภาพดี ผมนึกถึง Nelson Mendela ที่ติดคุกอยู่ถึง 27 ปี ยังมีวิธีรักษาสุขภาพให้ดีอยู่ได้ตลอด ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพทางใจ

ภรรยาเป็นคนวางแผนกิจกรรมของการเที่ยวครั้งนี้ นี่คือข้อดีของการมีภรรยาเก่ง เราก็ยกให้เขาเป็น “ช้างเท้าหน้า" เสียเลย ภรรยาผมเป็นช้างเท้าหน้าเรื่องการเงินของครอบครัว การดูแลบ้าน การดูแลลูก และการเตรียมวางแผนเที่ยว แม้มานิวยอร์ค ผมก็ยังต้องอ่านต้นฉบับหนังสือ “ผู้บริหาร องค์กรอัจฉริยะ ฉบับนักปฏิบัติ" ที่คุณอุ เป็นบรรณาธิการ

พอเก้าโมงเช้าภรรยาก็ชวนออกไปส่งของทางไปรษณีย์ให้กช เพื่อนของลูกชาย ที่โบลเดอร์ โคโลราโด ถามเจ้าหน้าที่ของอพาร์ตเม้นท์ว่าไปรณีย์เปิดวันอาทิตย์ไหม เขาบอกว่าไม่เปิด แต่มีคนที่พักในอพาร์ตเม้นท์บอกว่ามีเปิดที่เดียวคือ Main Post Office อยู่ที่ 8th Avenue (ที่พักของเราอยู่ที่ 2nd Avenue) ให้เดินไปทาง 34th Street ออกไปทางซ้าย เราก็เดินไป กลับมา 10.30 น. ลูกเป็นห่วงว่าหายไปนาน เมื่อรู้ว่าเราเดินไป 8th Avenue ก็ตกใจ เพราะไกลไม่น้อย เราได้ชมวิว และบรรยากาศวันอาทิตย์เพราะทางผ่านตึก เอ็มไพร์ สเตต ด้วย และได้เห็นการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของหน่วยงานของรัฐ

ประมาณ 11 โมง เราออกเดินทางไปเที่ยวเมือง Sleeping Hollow หรือชื่อเดิมคือ Terrytown อยู่ไปทางเหนือ 45 นาทีทางถนน ผ่าน Bronx และ Harlem ย่านคนดำ

Sleeping Hollow เป็นเมืองในหุบเขาที่เรียกว่า Hudson River Valley ที่เศรษฐีนิยมไปมีบ้านตากอากาศ และเป็น Haloween City ด้วย ดังนั้นตอนนี้จึงคึกคักตกแต่งบ้านเรือนด้วยหุ่นผี และลูกฟักทอง เพื่อเรียกนักท่องเที่ยว เพราะวันที่ 31 ต.ค. เป็นวัน Haloween และเมืองนี้จัดงานฉลองในวันที่ 27 เป็นเมืองเล็กๆ ในย่านที่เรียกว่า Historic River Towns of Westchester บริเวณที่แม่น้ำฮัดสันกว้างขึ้นเป็นคล้ายทะเลสาบ

สำหรับคนอเมริกันบริเวณนี้เป็น Historic Hudson Valley ( www.hudsonvalley.org) สำหรับมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์และสังคมวัฒนธรรมอเมริกัน เขาแนะนำสถานที่เที่ยว 6-8 แห่ง

เราไปชม 2 บ้าน คือบ้าน Sunnyside ของ Washington Irving นักเขียนคนแรกของอเมริกันที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ผู้แต่งนิยายเรื่อง Rip Van Winkle ที่ตัวเอกเข้าไปล่าสัตว์ในป่า และดื่มเหล้าลึกลับ นอนหลับไป 20 ปี ตื่นขึ้นมาเข้าไปในหมู่บ้านลูกสาวจำไม่ได้ และเมียตายไปแล้ว เป็นนิยายที่มีชื่อเสียงมาก และอีกเรื่องหนึ่งคือ Legend of Sleepy Hollow ซึ่งชาวเมืองเพิ่งเอามาโหวตเป็นชื่อเมืองเสียเลย บ้านหลังที่เราเห็น (เฉพาะข้างนอก เพราะยังไม่ถึงเวลาทัวร์ในบ้าน) ได้รับการต่อเติมแก้ไขในปี ค.ศ. 1850 ทำให้มีหลังคาแบบดัทช์ และมีสถาปัตยกรรมของอาคารและสวนแบบยุคโรแมนติค ซึ่งเราก็ดูไม่เป็นอยู่ดี

ตอนบ่ายไปชมบ้าน “ควายขวิด" (Kykuit) ของมหาเศรษฐี JDR (John D. Rockefeller) บ้านควายขวิดนับว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับความเป็นมหาเศรษฐีของ JDR แต่บริเวณสวนก็ยิ่งใหญ่มากสมกับเป็นของตระกูล ร็อกกี้เฟลเล่อร์ บ้านเหล่านี้อยู่ริมแม่น้ำฮัดสัน ตรงที่มันขยายออกเป็น Tappan Zee คือคล้ายๆ เป็นทะเลสาบ

เพื่อจะไปชมบ้านควายขวิดเราต้องจองทัวร์ (เราไปทัวร์ 2 ¼ ชั่วโมง) แล้วเอารถไปจอด ขึ้นรถทัวร์ไปโดยมีไกด์ของบ้านควายขวิดเป็นผู้นำชม ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ ค่าก่อสร้างบ้าน 1 ล้านเหรียญ แล้ว JDR Jr ก็หาทางชวนพ่อซื้อศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาของเก่าจีนมาประดับบ้าน เป็นเงินถึง 3 ล้านเหรียญ ลูกชายของ JDR Jr ก็ชอบศิลปะ แต่ชอบภาพ Modern Art และมาอยู่และจัดห้องใต้ดินเพื่อเก็บภาพวาดและภาพทอด้วย wool และไหม ฝีมือ Picasso ลูกของ JDR Jr คนนี้คือ Nelson Rockefeller ซึ่งเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์คอยู่ถึง 4 สมัย และต่อมาเป็นรองประธานาธิบดีของ ปธน. ฟอร์ด

ความยิ่งใหญ่ของ JDR คือเมื่อรวยถึงจุดหนึ่งก็เกษียณตนเองจากธุรกิจ คือ Standard Oil หันมาทำงานด้าน philanthropy อย่างเดียว ถือเป็นเศรษฐีที่เป็นบิดาของ modern philanthropy คือไม่ใช่แค่บริจาคเพื่อการกุศล แต่คิดลึกเข้าไปในปัญหาสังคมที่ฝังลึก อันได้แก่ ด้านการศึกษา และด้านวิทยาศาสตร์ Rockefeller Foundation (RF) จึงบริจาคเงินตั้งกองทุนสร้างความเจริญทางวิชาการให้แก่หลายมหาวิทยาลัย รวมทั้งมหาวิทยาลัยชิคาโก

ไกด์เล่าว่าคนที่ inspire JDR ในด้าน modern philanthropy คือ Benjamin Franklin และมหาเศรษฐีในปัจจุบันที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก JDR ให้เลิกทำธุรกิจ เพื่อหันไปทำงานการกุศลเพื่อแก้ปัญหาสังคมเต็มเวลา คือ Bill Gates

JDR นับถือคริสต์นิกาย แป๊บติสต์ ซึ่งเคร่ง สอนให้ใช้ชีวิตเรียบง่าย ในบ้านจึงไม่มีการรื่นเริงด้วยการเต้นรำ มีแต่ห้องดนตรี ห้องดนตรีออกแบบดีมากคือเพดานห้องมีช่องเปิดรูปไข่อยู่กลางห้อง กินพื้นที่ประมาณครึ่งห้อง ทำให้เสียงดนตรีไพเราะกังวาลมากขึ้น

ตัวบ้านมี 6 ชั้นรวมชั้นใต้ดิน ห้องแต่ละห้องขนาดใม่ใหญ่มาก ชั้น G มีห้องทำงานของ JDR ห้องผู้หญิง สำหรับภรรยาของ JDR (แต่ท่านสิ้นหลังอาคารสร้างเสร็จ 3 ปีเท่านั้น ต่อมาภรรยาของ JDR Jr จึงใช้ห้องนี้รับแขก มีโต๊ะเล่นบริดจ์อยู่กลางห้อง) ห้องดนตรี ห้องอาหาร แต่ละห้องออกแบบโดยสถาปนิกเฉพาะคน ด้วยศิลปะแตกต่างกัน ใช้สีต่างกัน พรมต่างชนิดกัน และตกแต่งด้วยชิ้นศิลปะ ที่ต่างกัน ตรงที่มองจากบ้านไปเห็นแม่น้ำวางรูปหินสลักโพธิสัตว์ ที่อายุกว่าพันปี ขนาดเท่าคน จากจีน ที่ส่วนศีรษะขาดหายไป

ความอลังการ์ของบ้านควายขวิดอยู่ที่บริเวณมากกว่าตัวบ้าน

กินอาหารเที่ยงที่ร้าน Lefteris Gyro ซึ่งเป็นอาหารกรีก อร่อยและไม่แพง อาหารจานแปลกคือ Ear Ring เป็นหอมใหญ่ชุบแป้งทอด มี ออร์เดิฟ เป็นมันบด และอย่างอื่นบด รวม 4 – 5 อย่าง กินกับขนมปังย่างคล้ายนานของอินเดีย และขนมปังอียิปต์ ได้ลองกินกาแฟกรีกเป็นครั้งแรกในชีวิต มีกลิ่นหอมคล้ายอบสมุนไพร เขาบอกว่าไม่ได้เติมอะไรเลยยกเว้นน้ำตาลนิดหน่อย พอบดเมล็ดกาแฟก็เอาไปต้มเลย เสริฟมาโดยมีกากอยู่ที่ก้นถ้วยคล้าย Turkish Coffee แต่ Turkish Coffee บดเมล็ดกาแฟไม่เป็นผงละเอียดเท่า Greek Coffee

เรากินอาหารเย็นฝีมือแม่อมราเช่นเคย

นอนด้วยความเมื่อยขบ เพราะตอน 6.30 น. ได้ขึ้นไปวิ่งที่ Rooftop Garden 10 รอบ ประมาณ 2 ก.ม. แล้วเดินไปส่งไปรษณีย์ประมาณ 3 – 4 ก.ม. และเดินชมคฤหาสน์และสวนอีก 2 ที่

หวนคิดถึงวิธีการที่เขามีสถานที่รวมนักท่องเที่ยวและที่จอดรถไว้ตรงตำแหน่งที่เหมาะ แล้วให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการไปชมสถานที่สำคัญต้องซื้อทัวร์และนั่งรถทัวร์ไป พร้อมกับมีทัวร์ไกด์อธิบาย เป็นวิธีรักษาสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายสถานที่ของไทยน่าจะดำเนินการ

หน้า 8th Avenue บันไดทางขวามือคือทางขึ้น Genral Post Office

ความจอแจตรงสี่แยก 8th Avenue - 33rd Street

หามุมสงบอย่างนี้ยาก บนถนนสาย 34th Street

เขาปิดถนน 3rd Ave ระหว่าง 33rd- 34th Street ในวันอาทิตย์ให้เปิดร้านขายของ วนเวียนสถานที่ไปเรื่อยๆ

แม่น้ำฮัดสัน ตรง Sunnyside ต้นไม้ทางขวามือที่มีลูกคือแอ๊ปเปิ้ล

Sunnyside ตัวคฤหาสน์ที่ Washington Irving เคยอยู่

Sunnyside เห็นสวนและหลังคาคฤหาสน์ยุคโบราณอันงดงาม

Philipsburg Manor อาคารประวัติศาสตร์ยุคอเมริกายังเป็นเมืองขึ้น เป็นโรงสีและฟาร์มที่ใช้แรงงานทาสอัฟริกัน เราไม่ได้เข้าไปชม

หน้าคฤหาสน์ Kykuit

สวนด้านหลังคฤหาสน์ควายขวิด เห็นแม่น้ำ Hudson

อีกมุมหนึ่งของสวนที่งดงามมาก

ศิลปกรรมเล่นกับแสงยามบ่าย

วิจารณ์ พานิช
21 ต.ค. 50
ปรับปรุงแก้ไข 29 ต.ค. 50
222 E 34th Street, Apt 914, NY, NY 10016

หมายเลขบันทึก: 146835เขียนเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2007 11:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน 2021 08:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

ตามมาเที่ยวกับอาจารย์ค่ะ

ตามพี่อุบลมา เที่ยวให้สนุกค่ะอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท