หากพรรคการเมืองไทยไร้วุฒิภาวะ
|
หากพรรคการเมืองไทยไร้วุฒิภาวะ
จะทำเช่นไรกันดีครับ สำหรับเราเราท่านท่านทั้งหลาย ที่อยู่ในบ้านนี้เมืองนี้ ซึ่งกำลังตัดสินใจจะเลือก ผู้คนเหล่านี้ในนามของนักการเมือง ผู้กำลังเสนอตัวเสนอตน มาอ้างเอ่ยว่าขอรับใช้พ่อแม่พี่น้องคนไทยทั้งหลาย เราจะทำเช่นไรกันดีครับ หากมีคำถามว่า ท่านเหล่านี้ประดามีที่เราเห็นนั้น มีวุฒิภาวะเพียงพอต่อการเป็นผู้แทนราษฎรของปวงชนชาวไทยเพียงใด ไม่ต้องดูอื่นไกล เอาแค่ว่าเกณฑ์ธรรมดาพื้นฐาน ว่าคนดีที่ไม่โกหกให้มากเรื่อง ไม่โป้ปดจนเคยชิน มีวุฒิภาวะในการรู้จักสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ จะโกงจะกินก็ให้รู้จักที่รู้จักทางอันควรบ้าง กินเหล้าดื่มสุราก็ให้มีกิริยาอาการไม่แตกหน่อ รู้จักเวลากินและเวลาไม่ควรกิน รู้จักสถานที่อันควร รู้จักเรื่องควรกล่าว รู้เรื่องราวว่าควรพูดแบบใด รู้ว่าควรมีความเป็นคน เมื่อยามเข้าสังคมกับผู้คนหมู่มากเพียงใด เอาแค่ง่ายง่าย ไม่ต้องเคร่ดครัดแบบนักบวช อาจผิดพลาดพลั้งเผลอไผลกันได้บ้าง ให้อภัยกันได้ แต่ต้องไม่ใช่กระทำจนกลายเป็นนิสัย หรือความเคยชิน จนพบปะพบเจอกันครั้งใด ก็มีนิสัยอันไม่พึงจะมักคุ้นไม่ควรจะรู้จัก ขอแค่นี้เท่านั้นเอง จะมีกันบ้างไหมให้เราท่านได้เห็น แค่เรื่องเล่าของสิ่งที่คนควรกระทำนี้เท่านั้น ท่านทั้งหลายคิดว่า เราจะได้มีโอกาสเห็นจากคนเหล่านี้เพียงใด ยังไม่ต้องนับรวมไปถีงพรรคการเมือง ซึ่งตอนนี้ เริ่มต้นความขุ่นเคืองใจแบบประหลาด ทั้งในความคาดหวังและการยอมรับ ต่อสถานะขององค์กรการเมือง ตอนนี้ผมเริ่มตาร้อนผ่าว เกิดความกลัดกลุ้มใจในแต่ละวุฒิภาวะของพรรคการเมืองไทย บังเกิดจิตโกรธเคืองอย่างยิ่ง ต่อทั้งกิริยาอาการของการแถลงข่าว การนับถือไสยศาสตร์ การอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งล่าสุดที่พบปะพบเจอกับเนื้อข่าว ถึงการแจกหนังสือ รัดทำมะนวย ฉบับหัวคูณ ขอประทานโทษเถอะครับ สมัยเด็กนั้น ท่านไม่เคยได้เล่นคำผวนหรืออย่างไร จึงเก็บกดปิดกั้นมานานกระทั่งแก่ผมหงอก จึงค่อยมาเผยธาตุ อะไรกันครับ สำหรับเรื่องราวคำผวน ใช่ที่ใช่สิ่งอันควรกระทำหรืออย่างไร สำหรับสิ่งอันพึงประพฤติปฎิบัติ โดยเฉพาะในสถานะขององค์กรทางการเมือง องค์กรซึ่งเกิดขึ้นภายใต้การรวมกลุ่ม การกำกับดูแล บริหาร ประสานงานและสร้างให้สมาชิกพรรคการเมือง สามารถทำงานทางการเมืองให้กับแผ่นดิน
แค่เพียงเรื่องง่าย จากการดูแลเอกสารพรรค เอกสารแจกจ่ายภายในการประชุมพรรค ซึ่งมีตัวแทนของพรรคพลังประชาชนออกมาตอบรับ ชี้แจงว่า ไม่ใช่เอกสารของทางพรรคพลังประชาชน แต่เป็นเอกสารแจกจ่าย ซึ่งสืบสาวว่าได้มีการตีพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้น ส่วนที่นำมาแจกจ่ายนั้น ทางพรรคพลังประชาชนมิได้รับรู้ หรือรู้เห็นในการกระทำดังกล่าว ยิ่งฟังยิ่งประเทืองใจ ยิ่งได้ยินยิ่งประเทืองปัญญา หลังจากรอคอยคำกล่าวของตัวแทนพรรค ในช่วงวันแรกหลังจากมีข่าวสารออกมา ถึงการแจกหนังสือเล่มดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีข่าวสารหลุดรอดออกมาว่า มีการหัวเราะและพูดถึงหนังสือดังกล่าวว่าโดนใจ ขณะที่วันแรกของข่าว ยังนิ่งงันด้วยเสียงตอบรับของผู้คนในสังคมไทย เพราะกำลังไตร่ตรองกับชื่อหนังสือ และพฤติกรรมของพรรคพลังประชาชน จนกระทั่งผ่านไปสองวัน เสียงสรุปจากสังคมไทยส่วนใหญ่ ล้วนตรงกันถึงความไม่เหมาะไม่ควร โดยยังไม่ต้องพูดถึงสถานะของการอ้างอิงความศักดิ์สิทธิ์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าคือเอกสารสำคัญแห่งแผ่นดิน ซึ่งลงพระนามพระปรมาภิไธย กระทั่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงไม่ต้องกล่าวในสถานะดังกล่าว ขอแค่เพียงสถานะของเอกสารสำคัญแห่งรัฐไทย เอกสารที่กำหนดจุดมุ่งหมายในความเป็นชาติและการวัฒนา ขอเพียงแค่นี้ในอนุสติของพรรคพลังประชาชน ที่แม้จะคัดค้านไม่เห็นด้วย จนกระทั่งประกาศเป็นวาระแลนโยบายพรรค ว่าหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จะเข้ามาแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ เข้าใจครับว่า แนวคิดอันแตกต่างหลากหลาย ล้วนเกิดขึ้นได้ในบ้านเมืองนี้ ที่ยึดหลักประชาธิปไตย แต่มิได้หมายความว่า ในความไม่เห็นด้วยดังกล่าวนั้น จะต้องมาพร้อมความหยาบคาย ไร้วุฒิภาวะ ไร้สติในการไตร่ตรองถึงสิ่งไม่ควรกระทำ จะอยู่ในความไม่พอใจ แล้วด่าเป็นการภายในไม่มีใครว่า แต่ควรเข้าใจว่าเอกสารหลักฐานและข้อเขียนนั้น คือลายลักษณ์อักษรที่สามารถใช้ยืนยันทางกฎหมายได้ แค่เพียงจะกล่าวอ้างว่าไม่ใช่เอกสารพรรค โดยไม่มีการขออภัย ต่อความผิดพลาด ผมถือว่าไร้วุฒิภาวะอย่างมาก
|
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น