Mobile Office : สำนักงานในอนาคต

Mobile Office : สำนักงานในอนาคต

    
          ตอนนี้คนใช้รถเห็นจะพูดถึงแต่น้ำมันที่แพงสุดๆ จะว่าไปเรื่องของราคาน้ำมันเป็นเรื่องที่เราพูดกันมาตั้งแต่ตอนที่ขึ้นราคาทีละ 40 สตางค์แบบวันเว้นวัน คิดไปคิดมาก็น่าเห็นใจที่คนส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นแต่รายรับเท่าเดิม แถมยังหาได้ยากขึ้นอีกต่างหาก แต่จะให้ทำอย่างไรได้รถก็ต้องใช้ก็คงต้องสู้กันต่อไป ซึ่งตอนนี้วิธีที่คิดออกคือ รัดเข็มขัดสถานเดียว อันไหนประหยัดได้ก็ประหยัด อันไหนหยุดได้ก็หยุด แต่จะให้หยุดงานเพื่อประหยัดค่าน้ำมันนั้นคงไม่ไหว ก็เลยกลับมาคิดถึงเรื่อง Mobile Office ที่เคยเกริ่นไปเมื่อหลายปีที่แล้ว

          ความจริง Concept ของ Mobile Office นั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการนั่งทำงานที่ไหนๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปนั่งกระจุกรวมกันอยู่ที่สำนักงาน ซึ่งบางทีไม่มีอะไรมากไปกว่าการไปเช็คเมล พิมพ์งานส่งเจ้านาย จัดเตรียมเอกสารไปตามเรื่องตามราว ซึ่งถ้าเรามาพิจารณากันจริงๆ จะเห็นว่าบางวันบางสัปดาห์เราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ ซึ่งบางทีก็มานั่งคิดว่าแล้วมันจะต่างอะไรกันตรงไหนถ้าเรานั่งทำงานที่บ้าน เช็คเมลก็เช็คจากที่บ้านก็ได้ แค่ขอ Web Mail จาก Admin หรือผู้ดูแลระบบที่บริษัทมาก็จบ ไม่จำเป็นต้องใช้ Login เข้าระบบของบริษัทตรงไหน เอกสารจำพวก Document หรือไฟล์ต่างๆ ก็อยู่ในฮาร์ดดิสก์อยู่แล้ว เครื่องพิมพ์ที่บ้านก็มี แล้วอย่างนี้จะไปที่ทำงานทำไมให้เสียเวลา เปลืองค่าน้ำมันไปปล่าวๆ ปลี้ๆ อยากจะคุยอะไรกับใครก็ MSN เอาก็ได้สะดวกดี

          หรือถ้าเจ้านายอยากได้ยินเสียงก็โทรศัพท์คุยกันก็ไม่เห็นแปลก แล้วยิ่งสมัยนี้อินเทอร์เน็ตทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง รับส่งไฟล์ แสดงภาพ ประชุมผ่านระบบ Conference ก็ยังได้ หรือถ้าไม่สะดวก มีไฟล์ที่ต้องใช้งานอัพเดทก็ Login ผ่าน Router เข้าไปที่ Office ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ยิ่งเดี๋ยวนี้ที่ไหนๆ ก็มี Hi-Speed Internet ใช้งานกันทั้งนั้น ตามบ้าน ตามร้านกาแฟ ร้านอาหารก็มีให้บริการกันทั่วไปหมด สะดวกที่สุด

          การทำระบบ Mobile Office ให้ใช้งานได้จริงนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญอะไรเลย อุปกรณ์ทางด้าน Data Communication ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเซิร์พเวอร์สักตัว อุปกรณ์เน็ตเวิร์คอีกตัวสองตัว ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของการจัดการระหว่างฝ่ายไอทีกับฝ่ายบริหารว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างไร อนุมัติในหลักการมากน้อยแค่ไหน และสุดท้ายก็เป็นเรื่องของวินัยและสามัญสำนึกของพนักงานเองว่าทำงานที่ไหนก็ไม่ต่างกัน ถ้าทำได้อย่างนี้จริงๆ รับรองว่าเวิร์ค

ไปเรื่องอื่นๆ http://gotoknow.org/blog/xxl/toc