การมีอาสาสมัครเข้าไปสร้างความสุขให้กับเด็กป่วยในโรงพยาบาล ก็ใช่จะสามารถรู้ได้ว่าทั้งเด็กป่วย ทั้งผู้ปกครองของเด็กป่วยจะมีความสุขเพิ่มขึ้นมาจริงๆ เราไม่สามารถวัดได้จากสายตาที่มอง หรือแสดงออกตีความจากเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ได้รับ มันอาจเป็นแค่ความสนุกหรือมันอาจเป็นความสุขที่แสดงออกมาจากภายใน แต่เป็นความสุขที่อยู่ได้นานหรือเปล่านั้น คนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็คงเป็นเด็กป่วยหรือผู้ปกครองของเด็กป่วยเอง และฉันก็ไม่สามารถตอบแทนได้ เพราะไม่กล้ายัดเยียดความรู้สึกของตัวเองให้เป็นคำตอบที่ถูก นอกจากจะได้รับฟังจากการบอกกล่าวที่เปรียบได้กับเสียงสะท้อนของความรู้สึก จากคนที่ได้รับโดยตรง เรื่องราวของความรู้สึกได้ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ เพื่อบอกเล่าความรู้สึก ความสุข ที่มีต่ออาสาสมัครและการได้เข้าร่วมกิจกรรม ฉันจึงได้ฝากกระดาษไว้ให้ผู้ปกครองท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแม่ของน้องจ๋าที่เป็นเด็กป่วย โดยรบกวนให้แม่น้องจ๋าช่วยเป็นเสียงสะท้อนบอกเล่าความรู้สึกที่มีต่ออาสาสมัคร บอกถึงความเปลี่ยนแปลงของเด็กป่วยและผู้ปกครองคนอื่นๆที่แม่น้องจ๋าสามารถสัมผัสได้ หลังจากที่มีอาสาสมัครเข้าไปทำกิจกรรมด้วย ซึ่งสิ่งที่ได้ฝากไว้กับแม่น้องจ๋า ผ่านไปเกือบ 2 อาทิตย์ และสิ่งที่ฝากไว้ได้รับกลับคืนมาเป็นกระดาษทั้งหมด 4 แผ่น สิ่งที่แม่น้องจ๋าบอกเล่าผ่านกระดาษ ฝากถึงอาสาสมัครสร้างสุขทุกๆคน ซึ่งมาจากความรู้สึกที่แท้จริงของผู้ปกครองเอง แม่น้องจ๋าเล่าผ่านตัวหนังสือและบรรยายความรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับอาสาสมัคร
“ ลูกเราป่วยไม่สบายอยู่โรงพยาบาล มาทีหนึ่งครั้งละประมาณ 1 อาทิตย์ และปัจจุบันอยู่เกือบ 2 เดือน ซึ่งนอนอยู่ที่ชั้น ส.7 B (ศัลยกรรมเด็กโต) อยู่มาวันหนึ่งก็มีบุคคลกลุ่มหนึ่งเข้ามาทักทายลูกของเราและเราก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าเขาเป็นใคร เขาก็บอกเราว่าเขาเป็น “อาสาสมัคร” ตอนแรกก็งงๆ แล้วเขาเหล่านั้นก็พาลูกไปเล่นวาดรูปบ้าง ระบายสีบ้าง เรามีความรู้สึกว่า เอ…เขามาทำอย่างนี้เพื่ออะไร ใครเป็นคนคิดการทำกิจกรรมแบบนี้ขึ้นมา แต่เราก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันนะ ทำให้เด็กๆที่ป่วยหลายๆคนลืมความเจ็บปวดและเพลิดเพลินไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งได้เหมือนกัน พ่อแม่เด็กป่วยหลายๆคนที่เรารู้จักกันในโรงพยาบาลและได้กลับบ้านไปแล้ว ก็จะโทรฯกลับมาถามเราและทุกๆคนในตึกว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง รวมถึงถามหาอาสาสมัครด้วยว่าวันนี้มาทำกิจกรรมไหม เพราะลูกๆเขาที่หายป่วยแล้วได้กลับบ้านไปแล้ว ก็จะถามถึงอาสาสมัคร ชอบพี่ๆอาสาสมัครมาก ลูกเราที่ชื่อน้องจ๋า ก็จะชอบพี่อาสาสมัครมากเหมือนกัน เวลาที่น้องจ๋าเป็นอะไรมากๆก็จะบอกแม่ให้โทรฯหาพี่อาสาสมัครให้หน่อย
จากการที่อาสาสมัครเข้ามาทำกิจกรรมกับเด็กป่วยอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามีความภูมิใจและดีใจที่ได้สัมผัสและรู้จักกับทุกๆคน และถ้าหากเป็นไปได้เราก็อยากจะไปทำเหมือนกับที่ทุกๆคนทำอยู่ คือการเป็นอาสาสมัครสร้างสุข ถ้าหากว่าเราไม่มีภาระอะไร เด็กป่วยหลายๆคนก็ชอบอาสาสมัครเหมือนกับเราเช่นกัน คนเราต่างก็มีความทุกข์และความสุขปะปนกันไป มันขึ้นอยู่กับว่า จะมากหรือน้อยแค่นั้น มันก็อยู่ที่ว่าเราจะฝ่าฟัน อดทน ต่อสู้กันไปได้แค่ไหนเท่านั้นเอง ตอนนี้ยอมรับนะว่ามีความทุกข์ที่ใจอยู่ เนื่องจากลูกป่วยเรื้อรังมานานมาก แถมมีสภาวะโรคแทรกซ้อนอีกด้วย บางทีอาการหนักมากถึงขั้นเข้าห้อง ICU เลย แต่ลูกลืมตาขึ้นมา ลูกก็จะถามถึงพี่อาสาสมัครตลอด ที่ลูกเขาเป็นแบบนี้ก็แสดงว่า เขาชอบพี่ๆอาสาสมัครมากอย่างแน่นอนค่ะ เพราะอาสาสมัครเข้ามาทำให้เด็กๆมีความสุข สนุกสนาน ผ่อนคลายความเครียด ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ส่วนความรู้สึกของเราที่มีต่ออาสาสมัครก็รู้สึกดีมากๆ ที่เห็นคนไทยรักกัน มีจิตใจเอื้อเฟื้ออาทรกัน ห่วงใยกัน
สุดท้ายนี้จึงอยากจะบอกอาสาสมัครทุกๆคนว่า จงตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ขอให้อาสาสมัครจงมีแต่ความเจริญ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทุกๆคน พี่มีความรู้สึกดีและรักอาสาสมัครทุกๆคนจ๊ะ ขอให้ทุกๆคนจงตั้งใจทำความดีนี้ต่อไป เหมือนกับคำที่บอกว่า ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องหาเอาเอง ขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้าทุกๆคนนะจ๊ะ ”
เสียงสะท้อนจากแม่น้องจ๋า
นางปราณี สำราญเลิศนภา (พี่นิด)
ตัวอักษรเหล่านี้คงสามารถบอกเล่าความสุขที่เด็กป่วยและผู้ปกครองเด็กป่วยได้รับเป็นอย่างดี นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้อาสาสมัครอย่างฉันมีพลังใจที่จะสร้างความสุขให้เด็กป่วยต่อไปได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยมาเติมเต็มให้ฉันได้ในเวลาที่ท้อแท้กับเรื่องบางเรื่อง และถึงแม้ว่าความสุขจะเกิดขึ้นได้เพียงชั่วขณะ แต่มันก็เป็นความสุขที่ดี เป็นความสุขที่ทุกคนสัมผัสได้ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ และความคิดถึงซึ่งกันและกัน ฉันหวังว่าเพื่อนๆอาสาสมัครคนอื่นๆก็คงจะรู้สึกได้เช่นเดียวกันกับฉัน หลังจากที่ได้อ่านข้อความข้างบนแล้วนะคะ
ไม่มีความเห็น