บรรยากาศแห่งการเรียนรู้ และพลังแห่งการพัฒนา


มีความเปลี่ยนแปลง  และความเคลื่อนไหวที่สำคัญๆ  มากๆครับต่อการขับเคลื่อนขององค์กร  โดยเฉพาะ องค์กรแห่งความสุข (สุขภาวะ)

เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงผู้นำหลายๆระดับ  และการจัดการภายในที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจัดสรร  ด้วยความลงตัว

 

ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งดีงาม สิ่งที่เป็นจริง ที่กำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นจากการพยามดึงพลังแห่งความดีงาม  ความสร้างสรรค์ของทุกๆคนออกมารวมกัน  เพื่อร่วมกันสร้างฝันและสร้างองค์กรแห่งความสุข ความดีงาม

         เริ่มตั้งแต่แรกเริ่มเราก็มีความหวังแลความฝัน  ที่จะก่อการดี  และร่วมเรียนรู้กับผู้ที่มีพลังแห่งความดีงาม พลังแห่งการสร้างสรรค์  เพื่อตัวของเราเอง  เพื่อองค์กร  และที่สุดเพื่อประชาชน    (ได้มาสดๆเมื่อตะกี้ครับ) 

 

             ผมและและกัลยาณมิตรหลายๆคน  เราล้วนมีความระมัดระวังมากขึ้น  เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ดีต่อกัน  เป้าหมายเพื่อให้เกิดการเข้าใจ  ร่วมแรงร่วมใจ  ร่วมเรียนรู้แบ่งปันความรู้สึก สุขทุกข์ และสร้างสรรค์สิ่งดีๆร่วมกัน  เพื่อองค์กร  เพื่อประชาชน  โดยการนำของผู้นำ  ที่ทุกๆคนรู้สึกอบอุ่น(โดยเฉพาะภายใน)

เริ่มตั้งแต่เสียงเพลง...   ที่บอกถึงความเรียบง่าย  สบายๆและแฝงด้วยข้อคิดที่เชื่อมโยงไปสู่ภาพแห่งองค์กรในอนาคต

จากการทำงาน3 วันที่ผ่านมาผมสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นดังนี้

   1.ผมอาจจะได้เรียนรู้และเข้าถึงคำว่าวุฒิภาวะของผู้นำได้มากขึ้นกว่าการอ่านตำรา

   2.ระบบธรรมาภิบาลที่แท้จริงน่าจะเกิดขึ้นกับองค์กรที่ผมร่วมอยู่นี้

   3.สภาวะแห่งโหมดปกป้องที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้และพัฒนาน่าจะลดลง  และผมกับเพื่อร่วมงานน่าจะมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นที่จะอยู่ในโหมดปกติ  เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันที่ทรงประสิทธิภาพ

   4.ระบบงานที่ชัดเจน  ระบบความรับผิดชอบที่ชัดเจน  มีเจ้าภาพที่ชัดเจนในงานแต่ละเรื่องแต่ละประเด็น  พร้อมทั้งระยะเวทีที่ต้องรับผิดชอบ  ทำให้ผมเองก็ได้เรียนรู้  รูปแบบการทำงานที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์

   5.ทักษะการประชุม  และการควบคุมกำกับประเด็นให้ได้เนื้อๆ  การฟังอย่างลึกซึ้งและทักษะการจับประเด็น  และทักษะการสะท้อนกลับอย่างสร้างสรรค์  เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝน หรือเลียนเพื่อเรียนรู้

   6.ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เรารู้สิ่งที่เราเข้าใจนั้น  มันยังน้อยมาก  เราเหมือนคนไม่รู้  ไม่มีอะไรเลย  (แต่ไม่ได้ท้อแท้นะครับ แต่เกิดพลังที่จะเรียนรู้)

   7.ผมคิดว่าหลายคนคงสบายใจ  ตรงใจกับความชัดเจน  กับระบบที่มี  และที่จะร่วมกันสร้างสรรค์ให้เป็นระบบของทุกๆคน  ไม่ใช่ของใครคนเดียวหรือกลุ่มใดกลุ่มเดียว

   8. วัฒนธรรมใหม่ๆที่ดีงาม  ที่มีประสิทธิภาพ  จะสามารถดึงความดีงามของผู้คนออกมาร่วมกัน  และหลอมความไม่ดี  ความไม่งามภายในจิตใจของแต่ละคนให้ลงลดลงไปที่ละน้อย  เหมือนน้ำแห่งความดี  ถ้ามีมากก็น่าจะดันน้ำแห่งความไม่ดีลดลงจางไปเรื่อยๆ(โดยเฉพาะความไม่ดีในใจผมเองครับ)

  9.พลังแห่งความศรัทธา  พลังแห่งความรู้สึกดีๆ พลังแห่งความรู้สึกเชื่อมั่นในคุณธรรม จริยธรรม  เชื่อมั่นในการนำพา  สำคัญมากต่อการทำงาน  การเรียนรู้และการขับเคลื่อนองค์กร

  10.คนพันธุ์ปาย  คือคนที่ทำงานด้วยความทุ่มเท  คนที่ทำงานด้วยความมุ่งมัน  คนที่ทำงานด้วยความเสียสละ  คนที่ทำงานเพื่อความสุขของประชาชน  ความสุขของคนอื่น  และความสุขโดยรวมขององค์กร  และที่สำคัญของคนพันธุ์นี้คือคนที่ไม่หลงใหลในอำนาจ ลาภยศ ตำเเหน่ง  ขั้น ชื่อเสียง หรือเงินทองใดๆ

      แต่คนเหล่านี้ทำงานเพื่องาน  เพื่อเรียนรู้ที่จะลด ละ วาง  ความยึดมั่นถือมั่น  ความเป็นตัวกูของกู   เชื่อว่าคนเหล่านี้จะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเวลา และล้อไปกับความสุขของผู้คน  ความสุขภายในขององค์กร

 

     ครับทั้งหมด  เป็นความคิดที่พยามตรึกตรอง และใคร่ครวญว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในความเปลี่ยนแปลง  และเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง

    จากงานก็เชื่อมโยงไปสู่คติธรรม และข้อคิดได้ ^_^ เอะ  อย่างไร

หมายเลขบันทึก: 144882เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2007 23:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • สวัสดีค่ะ อาจารย์สุพัฒน์
  • สิ่งนี้ละค่ะ เป็นสิ่งที่ป้าแดง อยากเห็นในองค์กรป้าแดง เหมือนกัน
  • มีความสุขกับการทำงานนะคะ
สวัสดีครับป้าแดงP
    คาดหวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆครับ 
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นที่เราด้วยครับ
  ผมยังต้องเรียนรู้และพัฒนาอีกมากมายครับ
  ขอบพระคุณที่ร่วมแบ่งปันสเมอๆนะครับ
อ่านแล้ว..รู้สึกดีจังเลยนะคะ..คนพันธุ์ปาย..จะทำให้องค์กรและสังคมปาย..น่าอยู่..คิดดี..มีความสุข

เป็นการแลกเปลี่ยนรู้ที่ดี ต่อวงการบริหาร ขอบคุณที่นำเสนอแนวคิด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท