ถือโอกาสที่โครงการ BRT จัดประชุมวิชาการครั้งที่ 11 ที่อุดรธานี ฉันในฐานะหัวหน้าทีมเลยชวนกับเพื่อนๆว่าปีนี้เราไปเบิ่งลาวดีกว่า โชคเข้าข้างคนดีอย่างเราๆซะด้วย ที่ทางโครงการฯจัดการศึกษาดูงานอุดรธานี-นครเวียงจันทน์ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ในนามบริษัท แฮปปี้เนส ทราเวลซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา ดีเหมือนกันที่มีส่วนช่วยเหลือน้องๆ พวกเราทั้งหก มี ฉัน สนิท ปัญญาวงค์ ภาคภูมิ พรมสาร ประพันธ์ พวงมณี เสวียน บุญศรี และเพื่อนสนิทของพวกเราอีกหนึ่งคน ออกเดินทางในวันที่ 18 ตุลาคม 2550 จากโรงแรมนภาลัยจากอุดรธานี ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงด่าน เดินทางถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย จังหวัดหนองคาย โดยมีน้องๆนักศึกษาลงไปทำภารกิจเกี่ยวกับการเข้าเมืองลาวใต้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงจะเสร็จสิ้นกิจกรรม เนื่องมีคนเข้าแถวยาวเหยียด
บรรยากาศที่ด่านท่าเสด็จ ทีมนักวิจัยน่าน
ถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองสปป.ลาว รถของเราก็ได้ต้อนรับไกด์สาวชาวลาว นามว่า “น้องตุ้ย”น่าตาน่ารักทีเดียว บุคลิกภาพเหมาะสมกับการเป็นผู้นำเที่ยว ที่สะดุดตาคือน้องยังนุ่งซิ่น เสื้อสีขาวแขนยาว สอบถามได้ความว่าเป็นกฎของรัฐที่ใครก็ตามจะประกอบอาชีพนี้ต้องรู้จริง และที่สำคัญทุกชาติ ทุกกลุ่มทัวร์ถ้าจะเดินทางเป็นคณะแล้วเข้าประเทศลาวต้องใช้ไกด์ลาว สุดยอดจริงๆ
เรามุ่งหน้าสู่นครเวียงจันทน์เป็นระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร หลังจากนั้น พวกเราเข้าไปนมัสการพระธาตุหลวง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมล้านช้าง สวยงาม ตามช่างฝีมือสานช้าง ภายในพระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าสร้างขึ้นในสมัยพระไชยเชษฐาธิราช แวะทักทายแม่ค้าที่ขายของบริเวณวัด แล้วเดินทางต่อไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์ประตูชัย ตามประวัติศาสตร์ทราบมาว่า คนลาว สร้างขึ้นมาเพื่อประกาศอิสระภาพที่ไม่อยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส แต่เดิมนั้นรถยนต์สามารถวิ่งผ่านช่องประตูได้ แต่มาปัจจุบันรัฐบาลลาวได้ปิดถนนไม่ให้วิ่งผ่านด้วยเหตุผลที่นานวันอาจจะทำให้ประตูไชย
พระธาตุหลวง ฉันและพวกพ้อง
ฉันและเพื่อนพากันเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพบนประตูชัย นครเวียงจันทน์ มีของฝากของที่ระลึก ผ้าปักสวยๆเยอะแยะไปหมด สังเกตโดยรอบๆ(มุมสูง)รถยังไม่พลุ่งพล่านเหมือนเมืองไทย และไม่มีตึกสูงเกิน7 ชั้น เนื่องรัฐบาลประกาศห้ามสร้างตึกสูงกว่าพระธาตุหลวง ออกจากประตูชัย ฉันและเพื่อนไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์หอพระแก้วที่ประดิษฐานเดิมของพระแก้วมรกตแต่ปัจจุบันพระแก้วมรกต ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานทีวัดพระศรีฯ ของประเทศไทย ฟังแล้วขนลุกซู่ไม่ถามต่อ
ประตูไชย
ไปรับประทานอาหารกลางวันแบบลุกนั่งลุกยืน ที่ร้านอาหารกุ้งเผาดอนจันทร์ อิ่มแล้วออกเดินทางต่อไปแวะเที่ยวที่ตลาดเช้า ซึ่งดู ๆ แล้วก็เหมือนตลาดทั่วๆ ไปของบ้านเราไม่มีอะไรน่าสนใจ หลังจากนั้นกลุ่มใหญ่เดินทางกลับประเทศไทย คุณเสวียน เพื่อนเราก็กลับมาด้วย แต่เรา 5 คนเดินทางต่อแบบ packer น้องตุ้ย(ไกด์ลาว)พามาพักที Gust house บ้านญาติในราคา 200 บาท/ห้องเข้าที่พักฉันมาพักที่เฮือนพักเฮือนลาว (Heuan laos Gust house) เจ้าของเกสเฮ้าท์ชื่อ “ท้าวสมบูรณ์ พูนสมบัติ” มีอัธยาศัยไมตรีสุดยอด บ้านพัก มีหมาแมวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขฉันและเพื่อนอนพักผ่อนประมาณ 1.30 ช.ม. ก็ออกไปเดิน ไปเรื่อย ๆ เพื่อการเรียนรู้ แวะไปไหว้พระวัดศรีเมือง เห็นผู้คนกำลังขมักเขม่นในการทำพิธีกรรมอะไรสักอย่าง ดู ๆ แล้ว ทำเพื่อให้เป็นศิริมงคลกับตัวเองนั้นแหละ “ประสาทผึ้ง” และแก้บนชาวบ้านเชื่อว่า “เป็นเสาหลักเมือง” ตำนานเล่าว่าเป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์
ภายในวัดสีสะเกศ
แม่ค้าในวัดมิ่งเมือง
วัดสีสะเกด เป็นวัดที่สวยงามมากเราต้องจ่ายค่าเข้าชมคนละ 20 บาทและมีพระพุทธรูปมากมาย ได้ความว่าเรียงรายตามฝาผนังของศาลาที่เจาะเป็นรูปสามเหลี่ยม เรียกว่าเป็นหมื่นๆ องค์เลยทีเดียว พระพุทธส่วนหนึ่งคอหัก แขนหัก เห็นแล้วเสียดาย ซึ่งทางวัดจัดวางเรียงราย และมีที่กั้นอยู่ เป็นผลพวงมาจากสงคราม
เดินลัดเลาะผ่านถนน ลานขช้างแวะไหว้สา รูปปั้นของ “เจ้าชีวิต”ชื่อเจ้าศรีสว่างวงค์ เป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์สุดท้ายของลาว ถ้าท่านเคยอ่านประศาสตร์มาบ้างคงจะรู้ๆอะไรดี
ตกเย็นมากินข้าวแลง ริมฝั่งโขง อาหารมื้อนี้ กินปลานึ่งมะนาว ลาบปลาคัง คั่วเห็ดฟาง คั่วผักรวม ต้นส้มปลาคัง รสชาดก็เหมือนบ้านเรา แต่ที่ชอบใจมากๆคือ ลาบปลาอร่อยมาก ๆ รสชาดเหมือนยำอะไรสักอย่างหนึ่ง วันนี้สนุกตามอัตภาพ ตอนเช็คบิลตกใจแทบช็อค ค่าอาหารมื้อนี้ ปาเข้าไป 192,000 กีบ ถ้าเทียบเป็นเงินไทย1บาทเท่ากับ 280 กีบ บวกลบเองก็แล้วกัน กินข้าวแลงเสร็จพวกเราใช้วิธีการเดินกลับที่พักเล่นเอาเหงื่อโชคทั้งตัวแต่ก็ได้บรรยากาศอีกรูปแบบหนึ่ง สองข้างถนนสายหลักมีต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นเป็นคิดว่าน่าจะเป็นความจงใจที่จะอนุรักษ์ต้นไม้เอาไว้มากกว่าการทำลาย นกกลางคืนส่งเสียงร้อง นี่ถ้ามีคนรู้ใจซักคนมาเดินก็น่ามีความสุขยิ่งกว่านี้ มาถึงที่พักประมาณ 4 ทุ่มกว่าเข้านอนเอาแรงเดินทาง
บรรยากาศงานวัดริมฝั่งโขง สาวเชียร์เบียลาว สามผู้เฒ่าดวลเบียริมโขง
พรุ่งนี้อ่านต่อเน้อ
ไม่มีความเห็น