เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฉันและเพื่อนๆอาสาสมัครมือใหม่ได้ไปเยี่ยมน้องๆที่โรงพยาบาลมีสุข ครั้งแรกที่ได้ไปออกจะงงๆนิดหน่อย เพราะยังไม่เคยได้เข้ามาที่นี่เลย...
เมื่อเข้าไปถึงเราต้องลงชื่อและรับบัตรกันก่อนเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และพี่ๆก็พากันแยกย้ายตามแต่ละตึก ฉันได้ไปกับพี่ภาและอีก2คน พี่ภาบอกว่าเราจะไปที่เด็กป่วยแผนกกระดูกและโรคมะเร็งกัน
ฉันเดินตามพี่ภาไปเมื่อมองไปรอบๆสถานที่สะอาดสะอ้าน มีมีสันของเด็กๆ จะเห็นเด็กที่ป่วยมาเข้ารับการรักษา ดูเด็กส่วนใหญ่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี เพราะเค้าได้เล่นกับเพื่อนๆที่มารับการรักษาด้วยกัน และมีพ่อแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ในความรู้สึกของฉันถ้าเลือกได้เค้าคงอยากให้พ่อแม่พาไปที่อื่นมากกว่าที่โรงพยาบาล
เมื่อมาถึงห้องของน้องๆผู้ป่วยกระดูกและมะเร็ง เข้าไปเห็นน้องๆมองกันใหญ่ คงจะดูแปลกตาที่มีพี่ๆอาสาหน้าใหม่มาเยี่ยม ดูน่ารัก จะเป็นเด็กเล็กๆซ่ะส่วนใหญ่ แต่จะมีเด็กไม่มากนัก คงเพราะน้องๆเค้ารับการรักษาจนหายดีแล้ว
ภายในห้องจะมีเตียงที่ไม่เหมือนกัน จะแบ่งตามประเภทของเด็กเล็ก เด็กที่โตช่วยเหลือตัวเองได้ และเด็กที่ลงเดินไปมาเหมือนเพื่อนๆไม่ได้
ฉันได้เจอน้องวุ้นเป็นคนแรก น้องวุ้นเป็นผู้ป่วยกระดูก ฉันไม่กล้าถามน้องเค้ากลัวว่าจะกระทบจิตใจน้องเค้ารึปล่าว เพราะฉันก็ไม่เคยเข้ามาใกล้ชิดกับเด็กที่ป่วยแบบนี้ ฉันรู้จากพี่ภามาว่าน้องเข้านิ้วมือไม่เท่ากันตั้งแต่เกิด น้องเค้าจึงเข้ามารับการรักษาที่นี่ เพื่อยืดนิ้วให้ยาวเป็นปกติ
น้องวุ้นบอกว่ามาอยู่ที่นี่ได้3 เดือนแล้ว น้องวุ้นเปนเด็กที่น่ารัก คุยเก่งมาก อายุ 7 ปี ไล่เลี่ยกับน้องของฉันเลย ทำให้นึกถึงน้องสาวไม่น้อยเลย
การสนทนาครั้งแรกของฉันกับน้องวุ้น ฉันใช้แผ่นทายภาพสัตว์ มาทายน้องวุ้น น้องวุ้นก็ตอบได้หมดทุกตัว ตอบได้ทีไรฉันก็ชมทุกรอบ ฉันนึกแล้วก็ยังขำตัวเอง น้องฉันเองยังไม่ชมมากแบบนี้เลย เรียกได้ว่า เราต้องเรียกคะแนนจากเด็กๆก่อน เพื่อให้เข้ากับเราได้ง่ายขึ้นเพราะใครๆก็ชอบที่จะมีคนมาชมไม่โดยเฉพาะเด็กๆ
สักพักไม่นาน คุณแม่ของน้องเชียร์ก็มาหา ให้ฉันร้อยลูกปัดเป็นสร้อยข้อมือให้ เพราะน้องเชียร์จะกลับบ้านวันนี้แล้ว น้องเค้าอยากได้ ดิฉันก็ชวนน้องวุ้นมาร้อยสร้อยข้อมือซ่ะเลย ทำให้เด็กได้สนใจสิ่งเดียวกัน เพราะลำพังฉันคนเดียวสองมือ คงแยกมือไปทายภาพน้องวุ้น และ ร้อยลูกปัดไปด้วยไม่ไหวแน่ๆ
น้องวุ้นสอนฉันร้อยลูกปัดบอกว่าพี่ภาเป็นคนสอนให้ ฉันก็คอยถามน้องวุ้นและ น้องเชียร์ว่า "ชอบสีอะไรคะ? เลือกมาให้พี่ร้อยละกันนะคะ บอกพี่ด้วยว่าสีอะไร ร้อยแบบไหน " เพราะฉันคิดว่ามันน่าจะฝึกความคิดสร้างสรรค์ และการเลือกใช้สีของเด็กๆได้ ไม่มาก็น้อย
หลังจากที่ร้อยลูกปัดได้ไปหลายเส้นจนคุณแม่ของน้องเชียร์พาน้องกลับบ้านไป มีน้องคนหนึ่งเดินมาหาฉัน ก็คือน้องเค้ก หรือน้องชีวิน น้องเค้าเข้าเฝือกที่คอ ฉันก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ฉันไม่กล้าถามน้องเค้า ดูน้องเค้กจะลำบากกับการที่ต้องใส่เฝือกและเหมือนจะปวดๆคออยู่หลายๆครั้ง เพราะสังเกตจากน้องเค้กจะเอามือทุบๆคอเบาๆอยู่เรื่อยๆ
น้องเค้กเข้ามาให้ฉันร้อยข้อมือให้อีกคน ฉันก็คิดแล้วล่ะ วันนี้สงสัยฉันคงไม่ได้เล่นอะไรอย่างอื่นกับน้องเค้าแน่ๆเลย เพราะดูแต่ละคนจะชอบกันเหลือเกิน ไม่มีเบื่อเลยกับการร้อยลูกปัดที่มีหลากหลายสี อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ฉันถามน้องวุ้นว่า"จะเล่นอย่างอื่นมั้ยคะ ชอบเล่นอะไรคะ" น้องเค้าก็ชอบลูกปัด และเคยเล่นของเล่นทุกชิ้นหมดแล้วด้วย ยกเว้นทราย เพราะพี่ภาบอกว่า มันจะอันตรายถ้าทรายเข้าไปโดนแผลที่ผ่าตัดนิ้วของน้อง
ฉันจึงได้เล่นร้อยลูกปัดกับน้องวุ้นและน้องเค้ก เด็กทั้ง 2 คนจะมีบุคลิกที่แตกต่างกัน น้องวุ้นจะเป็นเด็กที่ช่างพูดยิ้มแย้ม แจ่มใส ส่วนน้องเค้กจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างเงียบๆ เอาแต่ใจ จะว่าถึงเรื่องของการเอาแต่ใจ มันคงจะเป็นนิสัยปกติของเด็กๆมากกว่า เพราะ ถ้าคนนี้ได้ คนนี้ก็ต้องได้เหมือนกัน ฉันก็มีหัวหมุนไปบ้าง เพราะคนนี้ก็เรียกร้องที่จะให้ฉันร้อยสร้อยข้อมือให้ อีกคนก็จะให้ฉันช่วยร้อย จึงได้บอกว่า "พี่ทำให้เท่าๆกันนะคะ พี่ทำให้ใครคนเดียวไม่ได้ แบ่งๆกันนะคะ" ฉันร้อยให้ทีละคน มีช่วยน้องวุ้นบ้างเพราะน้องเค้าจะทำเป็นอยู่แล้ว สลับกันไป น้องทั้ง2คนก็มีงอนๆกันบ้าง ถ้าฉันหันไปช่วยใครอีกคน แต่ในด้านนี้คงสามารถฝึกการแบ่งปัน และการให้น้องๆรู้จักรอคอยได้บ้าง
น้องวุ้นชอบที่จะร้อยสร้อยข้อมือให้พี่ๆพยาบาล สังเกตได้ว่าน้องวุ้นจะเป็นที่ชื่นชอบของพี่ๆพยาบาลเพราะแกเป็นเด็กช่างพูด คุยเก่ง และอยู่มาได้เกือบ3เดือนแล้ว ดูพี่ๆพยาบาลจะเอาใจใส่ รักเด็กๆเหมือนลูกทุกคนเพราะเรียกน้องๆเป็นลูกกันเลย เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารของน้องๆ เราก็ได้เวลากลับกัน ยังร้อยสร้อยข้อมือได้ไม่เสร็จ น้องวุ้น น้องเค้ก และ น้องๆทุกคนต้องบอกลาอาสามือใหม่พร้อมทั้งพี่ภากัน เพราะได้เวลาที่พวกเราต้องกลับกันแล้ว น้องๆ ต่างบอกว่าอยากจะให้มาเจอกันอีก ในครั้งหน้า
ถือว่าการมาเจอน้องๆครั้งแรกนี้ ของอาสาสมัครมือใหม่อย่างฉันและเพื่อนๆประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรก และฉันก็หวังว่าจะมีความทรงจำที่ดีๆเพิ่มเติมมาอีกมากมายในครั้งหน้าอย่างแน่นอน
ฉันเชื่อว่าถ้าใครได้มาสัมผัสกับเด็กป่วยเหล่านี้ จะทำให้รักเด็กๆและเห็นใจพวกเค้าได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน เพราะพวกเค้าต่างจากเด็กที่แข็งแรงเป็นปกติทั่วไป พวกเค้าต้องการความรัก ความเอาใจใส่อย่างมาก ฉันคาดว่าถ้ามีอาสาสมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจะทำให้น้องๆทุกคน มีความสุขมากขึ้นกับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ทำให้น้องๆได้รับกำลังใจ และเกิดความรู้สึกอบอุ่น ในเวลาที่ผู้ปกครองของน้องๆไม่สามารถมาเยี่ยมได้ หรือ เกิดท้อกับการที่ต้องอยู่รักษาตัวเป็นเวลานานอย่างแน่นอน
ปล. ฉันหวังอีกอย่างหนึ่งว่า ในครั้งต่อไปฉันคงจะเชิญชวนน้องๆให้เล่นและสนใจอย่างอื่นได้มากกว่าลูกปัดนะ (คงจะเป็นของชอบของเด็กผู้หญิงซ่ะจริงๆ) >.<! อิอิ
สวัสดีครับ
แวะมาทักทาย สมาชิกใหม่ และชื่นชมกับกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์
เล่าเรื่องได้น่าอ่าน น่าติดตามครับ
อ่านแล้วได้ความรู้สึกดีค่ะ แต่อาจจะขาดการเชื่อมโยงของงานที่ทำนิดหน่อยค่ะ