ห้องสมุดสานแสงอรุณ


ช่วยหน่อยเปลี่ยนไต

ลูกสาวคนโตชวนไปงานสัปดาห์หนังสือฯ  แม่บอกว่าขอไปห้องสมุดสานแสงอรุณก่อน  เพราะอยากให้ลูกไปฟัง  ไปดูและไปเห็นอะไรๆ  ที่เชื่อว่าจะดีสำหรับลูกต่อไป

เมื่อเดือนก่อนได้รับอีเมล์จากรุ่นน้องแจ้งข่าวว่าจะมีการเปิดตัวหนังสือเรื่อง  ช่วยหน่อยเปลี่ยนไต  ซึ่งผู้เขียนคือหน่อย  หรือ อาริยา  โมราษฎร์  ซึ่งเป็นรุ่นน้องสมัยที่เรียน มอ.ปัตตานี  มีสุวิชานนท์  รัตนภิมล  เพื่อนร่วมรุ่นของหน่อย เป็นบรรณาธิการ  ประมาณเดือนเมษายนของปีนี้มีโอกาสพาเจ้าตัวเล็กไปเข้าค่ายกับหน่อย  กลับมาก็พูดถึงแต่น้าหน่อย  จนเจ้าตัวโตอยากรู้จัก  วันนี้จึงพามา  (เก็บเจ้าตัวเล็กไว้กับพี่น้องที่มาเยือนถิ่นบ้านเกิดของพ่อแม่ในวันออกพรรษา)  ทำให้รู้เรื่องราวของหน่อยพอสมควร  จึงคิดว่าควรไปให้กำลังใจ  เพราะก็ไม่เข้าใจว่าบางครั้งทำไมโลกจึงโหดร้ายกับคนดีๆ ที่ทำงานช่วยสังคมมาตลอด  ส่วนสุวิชานนท์  ไม่ได้พบกันนานนนน... ได้แต่เห็นผลงานออกมามากมาย  บังเอิญมีรุ่นพี่ที่สนิทกันมากเป็นพี่มาลัย  (พี่ที่คล้องมาลัยให้น้อง  เมื่อน้องไป มอ.ปัตตานีในวันแรก) ของนนท์  สั่งนักสั่งหนาว่าหากมีโอกาสได้พบน้องคนนี้ให้ไปให้ได้เพราะพี่อยากพบมาก  พยายามหลายครั้งก็ติดต่อไม่ได้  คาดว่าปิดเทอมคงติดภารกิจสำคัญจึงไม่มีโอกาสชวน

สถานที่เปิดตัวหนังสือคือห้องสมุดสานแสงอรุณ  แจ้งว่าอยู่สาธร 10  ด้วยความที่ชีวิตยุ่งเหยิงในช่วงเตรียมการตรวจประกันและสารพัดแผน  ทำให้ลืมการโทรศัพท์ไปถามทางที่ห้องสมุด  ในฐานะคนบ้านนอกนึกภาพไม่ออกเลยว่าอยู่ตรงไหน  ถามพี่สาวที่เป็นคนกรุงฯ ก็พยายามอธิบาย ก็ยังไม่เข้าหัว  พี่ก็เลยสำทับว่า ไปแท็กซี่เลยน้องรัก  ถามรุ่นน้องอีกคนก็บอกว่าหนูก็คนชายขอบเหมือนกัน หนูก็จะเดาๆ ถามเพื่อนก็บอกว่าก็ทำไมไม่โทรบอกก่อนจะได้นำราชรถไปรับ  แต่ตอนนี้ชั้นกำลังผึ่งพุง แกไปเองแล้วกัน  ไปลงแถวๆ สาธรอ่ะ อยู่แถวๆ นั้นแหละ  สรุปว่าไปเองก็ได้จ๊ะ นึกถึงคำของเตี่ยที่เคยสอนไว้ว่าไปแล้วรู้เองมาตั้งแต่เด็ก  จึงทำให้เราไม่กลัวเรื่องการเดินทางคนเดียว

การเดินทางจึงเริ่มตั้งแต่ขับรถออกจากบ้าน  เจ้าตัวเล็กบอกว่า อย่าลืมหนังสือหนูนะ  แล้วไปจอดที่ที่ทำงาน  ขึ้นรถตู้  ต่อรถไฟฟ้า  ถามเจ้าหน้าที่บอกว่าไปลงที่สถานีสุรศักดิ์  อืมม.. ลงก็ลง  แล้วก็ไปลงที่เขาบอก งงค่ะ  ถามมอเตอร์ไซต์รับจ้าง บอกว่าพี่เดินไปอีกประมาณสองป้ายรถเมล์ มองไปโห...ป้ายรถเมล์ในกรุงเทพฯนี่นะ ท่าจะไม่ไหว  จึงอาศัยรถแท๊กซี่บอกว่าน้องโชเฟอร์คะ  ที่ที่พี่จะไปอยุ่แถวนี้แหละค่ะ  แต่พี่ไปไม่ถูก  กระผมก้ไม่รู้จักครับวิ่งไปสักนิด อ้อตรงนี้ครับ (ร้านสัมตำ) ถามเพื่อนๆ โชเฟอร์แจ้งว่าเข่าซอยนี้ไปอีก 300 เมตร  ค่ารถ 35 บาท  ทิป 5 บาท  ในฐานะที่น่ารัก (สอบถามแล้วให้ลงที่สาธร แล้วต่อมอเตอร์ไซต์  บอกว่าไปซอย 10 ก็ถึงแล้ว)

พบหน่อยทักทายสารทุกข์สุกดิบพอหอมปากหอมคอ  คุณหมอกำลังพูดเรื่องโรคไต  ฟังๆ ไป บอกตัวเองว่าเราควรดูรักษาสุขภาพของเราให้มากกว่านี้นะ

นอกเหนือจากความเป็นพี่น้องแล้ว  หนังสือของหน่อยนับว่าเป็นบันทึกชีวิต  ที่ทุกคนอ่านและใช้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตได้

ส่วนนนท์ร้องเพลงให้ฟัง  เลยใช้โอกาสนี้โทรศัพท์หาพี่มาลัยของนนท์  บอกว่าพี่คะได้ยินเสียงเพลงไหม  พี่บอกว่าได้ยินใครร้องหรือ  บอกว่า  สุวิชานนท์  เสียงตอบคือ กรี๊ดสลบ...  ต่อมาได้มีโอกาสต่อโทรศัพท์ให้พี่น้องได้คุยกันหลังจากที่ไม่ได้พบกันมายี่สิบปี บอกลูกว่าน้าทั้งสองคน  เป็นคนเก่งที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง

หลังจากนั้นแม่ลูกนั่งรถไปต่อระใต้ดินที่ศาลาแดง  เพื่อไปศูนย์ประชุมฯ  พี่สาวได้หนังสือมาหนึ่งแล่ม  และซื้อให้น้องอีกหนึ่งเล่ม  กลับนครปฐม แวะโต้รุ่งที่องค์พระฯ กลับบ้าน 3 ทุ่มพอดิบพอดี  ลูกบอกว่าวันนี้เราใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามาก

บก. กับ คนเขียน

  

หมายเลขบันทึก: 143792เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2007 16:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 13:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ไปเหอะ... เดี๋ยวรู้เอง เคยได้ยินพี่พูดหลายครั้งแล้ว ที่เราประชุมคณะทำงานด้วยกัน ก็ฉุกคิดนะจ้ะ
  • เหมือนกันเลย ทำไปเถอะ... เดี๋ยวก็รู้เอง นี่แหละนิดจะใช้อยู่
  • ไม่ลงมือทำสักทีก็ว้าวุ่นใจ  นะคะ
  • พี่ปองเล่าเรื่องสนุก  ทำงานก็เก่งด้วยค่ะ
  • หลานๆๆทั้งสองคนสบายดีนะคะ

พี่เตรียมเวลาลงโรงนานหน่อย กว่าจะเริ่มลงมือเขียน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท