betantawan
นางสาว ทานตะวัน แย้มบุญเรือง

ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลง


- ถ้าใครวิ่งหนี ฉันไม่ชอบวิ่งตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฉันไม่รู้เหตุผลอย่างนี้ - ความขัดแย้งทางความคิดสร้างความรู้สึกอึดอัด และบั่นทอนความสัมพันธ์ที่ดีลงได้-
ใครที่เคยอ่านบันทึกชื่อ "รู้จักความรัก" ของฉัน(หรือจะเข้าไปอ่านซะตอนนี้ก็ได้นะคะ) คงเห็นว่าฉันเขียนถึงน้องสาวคนหนึ่งที่ฉันรู้สึกปรารถนาดีต่อเขาจริงๆ ด้วยความดีที่เขาแสดงออกมาให้ฉันเห็นในตอนนั้น

ครั้งนั้น...ฉันเข้าไปมีส่วนรับรู้เรื่องราวของเขาพอสมควร รวมทั้งเข้าไปแนะนำ สั่งสอน ตักเตือน ท้วงติง มากเท่าที่ฉันจะทำได้ ซึ่งทุกอย่างเกิดจากความใส่ใจของฉัน และฉันก็คิดว่าเขาเองก็ไว้วางใจฉันพอสมควร ฉันพอใจที่จะดูแลเขา...ซึ่งเป็นเด็กน้อยในสายตาของฉัน

ฉันเจอเขาค่อนข้างบ่อย จนกระทั่งเขาย้ายที่อยู่ เราก็ยังเจอกันบ้าง และโทรคุยกันแต่ก็ไม่บ่อยนัก ตอนนั้นฉันคิดไปว่าปัญหาหลายๆเรื่องของเขาคงคลี่คลาย ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปด้วยดี และล่าสุดคือที่ฉันโทรคุยกับเขา....แล้วเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย

ไม่ได้คุยกัน ไม่มองหน้ากัน ทั้งๆที่ยังต้องมาเจอกันแทบทุกวันในที่ทำงาน เริ่มจากการที่ฉันสังเกตเห็นว่าเขาพยายามหลบหน้า บ่อยครั้งจนกลายเป็นว่าฉันเองก็พยายามหลบหน้าเขาไปด้วย...โดยไม่รู้สาเหตุ ฉันรู้แต่ว่า ถ้าใครวิ่งหนี ฉันไม่ชอบวิ่งตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าฉันไม่รู้เหตุผลอย่างนี้

จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้พยายามจะหาเหตุผลหรอกนะคะ เพราะครั้งนึงฉันเคยโทรหาเขา ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่า แต่เขาก็แสดงน้ำเสียงร่าเริงสุดขีดบอกฉันว่าไม่มีอะไร แม้กระทั่งฉันถามเขาว่าเขามีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า เขาก็ยังตอบว่าไม่มี เขายังเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ฉันเชื่อเขาเท่ากับที่เขาแสดงออกหรอกค่ะ เพราะคำพูดทางโทรศัพท์ครั้งนั้นกับการแสดงออกในทุกๆวันมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งเมื่อต้องเผชิญหน้า เขาก็หลบเลี่ยงที่จะไม่มองหน้าฉัน และฉันก็ต้องปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

แปลกค่ะ...แปลกแสนแปลก เพราะฉันเองก็แทบจะไม่เคยเจออะไรอย่างนี้ หรือถ้าเจอ มันก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉันพอสมควร ซึ่งคงเป็นเพราะ ฉันให้ความสำคัญกับเรื่อง "ความสัมพันธ์กับผู้คน" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ฉันให้ความสำคัญกับเขาเป็นลำดับต้นๆ นอกนั้นแล้ว...เรื่องที่ชาวบ้านเขาทุกข์ร้อนกันบางเรื่อง ถ้ามาเกิดกับฉัน ฉันอาจจะเฉยๆกับมันก็ได้

นี่จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องใช้ Self awareness กับ Self understanding เข้ามาช่วย ฉันถามตัวเองว่า

- ฉันทำอะไรลงไปบ้าง

- ที่ฉันทำลงไปเหล่านั้น เพราะอะไร

- ฉันทำให้เขาหมดความไว้วางใจหรืออย่างไร

สมมติฐานแรกของฉันคือ เขาอาจไม่ไว้วางใจฉันค่ะ เพราะฉันเพิ่งมาทราบว่าช่วงนั้น เรื่องราวบางเรื่องของเขาถูกเปิดเผย และมีผลกระทบกับตัวเขาพอสมควร จึงอาจเป็นไปได้ว่า เขาคิดว่าคนอื่นรู้มาจากฉัน ซึ่งความลับกับความไว้วางใจ มันเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกันอยู่แล้ว

สมมติฐานที่ 2 คือ ความใส่ใจของฉันอาจทำให้เขาอึดอัด เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเข้ามาหาฉัน ฟังฉัน แต่เขาก็ไม่ได้ทำตามที่ฉันแนะนำสักเท่าไหร่ หลายอย่างเขาพยายามจะทำ แต่ก็ลงท้ายด้วยการทำตามใจตัวเองทุกที มันจึงเหมือนความคิดของเราสวนทางกัน ซึ่งความขัดแย้งทางความคิดสร้างความรู้สึกอึดอัด และบั่นทอนความสัมพันธ์ที่ดีลงได้

สมมติฐานที่ 3 คือ เขาหรือใครบางคนอาจแปลเจตนาของฉันผิด ซึ่งเรื่องนี้ฉันคิดเผื่อเอาไว้ และไม่ได้อยากให้มันเป็นจริงเลย เพราะมิตรภาพนั้นสวยงามเกินกว่าจะต้องมาถูกบั่นทอนลงอย่างนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่ใช่เรา ความไม่เข้าใจก็อาจเกิดขึ้น ที่สำคัญคือฉันไม่มีโอกาสชี้แจงให้ใครทุกคนในโลกนี้มารู้แจ้งต่อเจตนาของฉันได้ ความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจึงเกิดขึ้นได้เสมอ...ขอแค่ฉันรู้ตัวของฉันเอง ว่าฉันทำอะไร เพราะอะไร ก็น่าจะเป็นโอกาสดีของชีวิตแล้ว

ทุกวันนี้จึงเป็นอย่างที่เล่ามาค่ะ ความทุกข์ร้อนต่อความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงค่อยๆผ่อนคลาย ปล่อยวางบ้าง อาจเพราะมีเรื่องที่สำคัญอื่นๆต้องขบคิด แต่ก็...ไม่ได้ชินชานะคะ (อ่านบันทึกก่อนหน้านี้ด้วยซิคะ) ฉันยังคงคิดไว้เสมอว่า ภายใต้ดวงอาทิตย์บนฝืนฟ้าเดียวกัน หนีกันไปไหนไม่พ้นหรอกค่ะ แล้วสักวัน...ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ฉันจะถามเหตุผลจากเขาค่ะ

หมายเลขบันทึก: 142445เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2007 20:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

มาเยี่ยม

เห็นบรรยายออกมามีความทุกข์ใจบางประการ

ใช่...ความทุกข์ของชีวิตที่ทุกคนต้องมี  เมื่อมีชีวิตอยู่

บางครั้งการแก้ปมความทุกข์ต้องตัดให้ขาด...

เหมือนเชือกมีปม...จะแก้ด้วยมือก็เสียเวลา...หาสิ่งคม ๆ ตัดให้เชือกนั้นขาดออกจากกันแล้วปมจะหายไป...กับกาลเวลาเอง...

 

ขอบคุณค่ะ อาจารย์ umi

ฉันยอมรับว่า...แรกๆก็ทุกข์ค่ะ ทุกข์เพราะไม่ทราบเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลง แต่พอนานเข้า ก็ค่อยๆผ่อนคลาย

คำแนะนำของอาจารย์นั้น ทำให้ฉันเห็นภาพของ"ปม"ชัดเจนมากเลยค่ะ

นั่นสินะคะ ฉันคงต้องหา"สิ่งคมๆ" มาไว้ตัดปมทุกข์แล้วล่ะ

ชอบคำนี้จังเลยค่ะ-----สิ่งคมๆ

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

มาเยี่ยม  คุณ betantawan

จำมาว่า...อันทุกข์สุขอยู่ที่ใจมิใช่หรือ...

                ถ้ายึดถือก็เป็นทุกข์ไม่สุขใส...

                ถ้าไม่ถือก็เป็นสุขไม่ทุกข์ใจ

                เราอยากได้ความทุกข์หรือสุข..เอย.

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท