ธรรมะ ชาติ ธรรมะ ดา


อายุ วัณโณ สุขขัง พลัง เป็นพรวิเศษ ที่เราสร้างขึ้นมาเองได้ ไม่ต้องรอพระให้พร

กว่าจะมีวันนี้ คิดแบบนี้ ก็ผ่านเผชิญ ความโง่เขลา ความอาย ความทุกข์ (วิบากกรรม) มาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด  สิ่งที่ทำก็เพียงหวังว่าจะยังประโยชน์ ต่อผู้มีจริตใกล้เคียงกัน 

อยากบอกกับทุกๆคนว่า  ถึงวันนี้แล้ว  เงื่อนไขต่างๆ ที่เราสร้างขึ้น เพื่อที่จะบอกว่า ไม่มีเวลา ไม่เข้าใจ  และยังไม่พร้อม ที่จะเรียนรู้  รู้จัก  และเข้าใจ  ธรรมะ  ทำให้เราหลงทางออกไปเรื่อยๆ

เพราะ  ธรรมะ   เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เราจะใช้ทุกวินาทีของชีวิต กอบโกยไว้กับตัว  เป็นสมบัติที่ไม่ต้องแย่งกับใคร ไม่มีวันเสื่อมคลาย มีดอกผลงอกเงิยทุกวินาทีที่มี  "ธรรมนำชีวิต" ทุกคนสะสมได้ได้โดยไม่ต้องลงทุน  ยิ่งทำก็ยิ่งสุข  ยิ่งเจริญ  เป็นผู้ที่ควรค่าแก่การเกิด  การอยู่  และ การจากไป   ถือเป็นสมบัติติดตัว และ เป็นพินัยกรรมอันล้ำค่าให้คนรุ่นหลังได้  ไม่ใช่ตายแล้วก็เผาเป็นกลายเป็นแค่ ผงเถ้าทุลี สกปรก รกคละคลุ้ง  เป็นที่น่าอับอายต่อ วัว ควาย ต้นไม้ ต้นหญ้า ที่สามารถทำประโยชน์ได้แม้ตายไปแล้ว

 ธรรมะ  ก็คือ  ธรรมชาติ  ธรรมดา  อะไรที่เป็น พื้นฐาน ของการดำรงชีพนี่แหล่ะ   สังเกตง่ายๆ อะไรที่เกิน ธรรมดา  กว่าธรรมชาติ  ก็ทุกข์ทั้งนั้นแหละ  เช่น กิน น้อยไป มากไป  คิด น้อยไป มากไป  นั่ง น้อยไป มากไป  นอน น้อยไป มากไป ก็ล้วนแต่เป็นเหตุแห่งทุกข์ ทั้งนั้น แต่...จะทำอย่างไรให้  พอดี ก็ใช้เจ้าตัว สติ  นี่แหล่ะคอยเป็นนาฬิกาปลุก  จะเกิดสติได้ก็ใช้วิธี  ระลึกรู้ ตามดูตน ทั้งกาย และ จิต  กลั่น-กรอง  สติให้ทัน แล้วดูซิว่า  สิ่งที่ดำเนินอยู่นั้น มาจากการสั่งการของสมองในระดับใดกันแน่  (๑)ระดับสัญชาตญาน  (๒) ระดับความรู้  หรือ  (๓) ระดับความระลึกรู้  กันแน่             ทำไปเนียนๆ อย่าสั่ง อย่าหวัง อย่ากำหนดอย่างนั้นอย่างนี้  ตามดู ดู ดู เรื่อยไป  นี่ เป็นกระบวนการ  ติดตาม และ กรองจิต  เพื่อ  ครองสติ   ถ้ายังยาก ไม่เข้าใจ ก็ลองวิธีนี้ดูการสวดมนต์  เป็นกุศโลบายเบื้องต้น ของตัวดิฉันเอง ในการเชิญชวนจิตของเรา ให้ตั้งมั่นอยู่กับอักขระในบทสวด ภาษาที่อ่านยากและไม่เข้าใจ ทำให้ต้องตั้งใจ วางใจไว้ที่ตัวอักษรทุกตัว  จากนั้น ก็จะเกิดอาการ ต่อไปนี้  

เมื่อตั้งมั่น ก็เริ่มสงบ                       เมื่อสงบ ก็เริ่มพิจารณา          

เมื่อพิจารณา ก็เริ่มสงสัย                 เมื่อเริ่มสงสัย  ก็ต้องไตร่ตรอง 

เมื่อไตร่ตรองดีแล้ว ก็จะเห็น             เมื่อเห็นแล้ว  ก็จะทำ 

เมื่อทำแล้ว ก็จะเข้าใจ                    เมื่อเข้าใจแล้ว ก็จะไม่สงสัย   

เมื่อไม่สงสัยแล้วก็ ถ่องแท้             เมื่อถ่องแท้แล้ว ก็สะอาด  สว่าง  สงบ   

นั่นแหละ  อายุ วัณโณ  สุขขัง  พลัง เป็นพรวิเศษ ที่เราสร้างขึ้นมาเองได้ ไม่ต้องรอพระให้พร 

ความสุข  ความเจริญ  ความสดชื่น  ความเบิกบาน แจ่มใส  ความแข็งแรง  ของกาย และจิต  ไม่มีวางขายที่ไหน  ต้องหมั่นเพียร ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง ฝึกฝน อดทน  และต่อสู้กับตัวเอง   ซึ่งจะนำไปสู่  การเกิดปัญญา  เข้าใจตน เข้าใจโลก เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราอยู่กับ ความทุกข์  ได้อย่างเข้าใจ และมีความสุขที่ได้เห็น ความทุกข์  เพราะเป็นบทเรียน เป็นเกมส์ใหม่ ให้เราได้ฝึกต่อไป 

เส้นทาง สู่ ความสุข ความสบาย ทั้งกาย และใจ  คือ  

ทาน ที่ทำได้ทุกวินาทีแห่งสติ คือ อภัยทาน นำมาซึ่งความร่ำรวยกุศลทรัพย์ ไม่ต้องรอวันเกิด ไม่ต้องรอขอทาน ไม่ต้องรอให้พร้อม

ศีล เป็นใบเบิกทางเดินชีวิตให้สะดวก ราบรื่น ลด ล้าง อุปสรรค ทั้งปวง ทรัพย์สมบัติที่มีนั้นสามารถหมดลงได้เสมอ เว้นแต่   ทรัพย์ศีล

ภาวนา ที่เจริญด้วยสติ  นำมาซึ่งความสุข บริบูรณ์ ทั้งกายใจ   หากตัวหนังสือนี้ จะเป็นประโยชน์ ก็อนุโมทนา  ต่อผู้สนใจ  และจะเป็นกำลังใจในการนำ ธรรมะ  เป็นพาหนะนำชีวิต เดินทางไปสู่ ดินแดนแห่ง ความสุข  ความความสะอาด  ความสว่าง  และความสงบ  

คำสำคัญ (Tags): #no tag
หมายเลขบันทึก: 142097เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2007 15:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สาธุครับ

เป็นสิ่งที่กลั่นมาจากประสบการณ์ของผู้บันทึก ที่น่าชื่นชมครับ

ด้วยความปรารถนาดี

  • ขออนุโมทนา สาธุ การให้ธรรมทานเป็นกุศลชนิดหนึ่ง
  • ขอให้เจริญในธรรมครับ

ขอบคุณกำลังใจจาก ท่านพลเดช และน้องบีเวอร์ค่ะ

บทความนี้เหมือนเป็นจิ้กซอชื้นหนึ่ง ที่มาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ผมกำลังมองหาอยู่ครับ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท