Proceedings มหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๒ (๒๑)_๒


Proceedings มหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ ๒ (๒๑)_๒

          เทคโนโลยีตัวหนึ่งอาจจะอยู่ได้ประมาณปีครึ่งหรือปีหนึ่ง ตัวใหม่ต้องออกแล้ว ตลาดไปเร็วหวือหวามาก ดังนั้น เราต้องการความรู้ที่เด่นชัด คือเป็นความรู้ที่มีคู่มือการปฏิบัติงานและสามารถเข้าถึง พอเข้าถึงเสร็จแล้วนำไปปรับใช้คือ ยกระดับเอาความรู้ที่เราได้มาปรับปรุงคิดต่อยอด พอต่อยอดเสร็จจัดเก็บเพราะเป็นความรู้ต่อยอด แล้วไปเก็บให้คนอื่นเข้าถึงอีกทีหนึ่ง สุดท้ายเราก็กลับมามองว่าเน้นที่ 2 อย่าง คือ 1. Knowledge Online 2. Community of Practice ทาง สคส. เรียกว่า ชุมชนนักปฏิบัติทุกคนมาแลกเปลี่ยนกัน และสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ แค่นี้เองง่ายเลย แต่มันอยู่ที่ว่าเราเตรียมคนมาพร้อมหรือยัง นี่คือสิ่งที่เราจะไปต่อยอดหวังที่จะได้ดอกผล Knowledge Online หวังที่จะจัดเก็บ tangible เหล่านั้น      Project ต่างๆ ที่มีอยู่เป็นพันๆ ที่มัน spin   ถามผมว่าไม่จัดเก็บได้ไหม ได้ มันก็จะเกิดขึ้น สมองก็จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำงานตลอดเวลาแต่เราควรจะจัดเก็บเพื่อมันไปต่อยอดได้ง่าย และสังคมแห่งการแลกเปลี่ยน จะเป็นตัวที่ทำให้คนแลกเปลี่ยนความรู้กัน ของเราเริ่มได้เล็กๆ แล้ว มีโอกาสร่วมงานกับสถาบันเพิ่มฯแล้ว ได้เริ่มจาก phase แรกมาประมาณ 2 ปีขยายผลในช่วงของ phase ที่ 2 สิ่งที่เรามองความเป็นรูปธรรมก็คือว่า Knowledge Online และก็ sharing environment และเราเน้นย้ำเสมอ สิ่งที่เราเรียนรู้อันดับแรก คือ อย่าไปบอกว่าเราจะทำ KM ตัว KM ไม่ใช่ยาครับ คุณอยากจะหายป่วยให้ยา KM ไม่ใช่นะครับ KM คือ สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่ได้เน้นย้ำในเรื่องของการจัดการ โดยการให้บอกว่าเป็น program เราจะทำอย่างไรก็ได้ให้คนในองค์กรของเราแลกเปลี่ยนความรู้ บางท่านอาจจะไม่รู้จักคำว่า KM เลย แต่มีการแลกเปลี่ยนความรู้นั่นคือ KM สำหรับเรา อันที่ 2 คือว่า เรามีรากฐานมานานแล้ว เราคงไม่เริ่มใหม่ ไม่เริ่มจากศูนย์ สำคัญมาก เราเห็นหมู่บ้านสร้างใหม่หลาย ๆ หมู่บ้าน วิธีการสร้างหมู่บ้านก็คือ การเกลี่ยดินครับ เกลี่ยดินสร้างใหม่แล้วปลูกต้นไม้ ต้นไม้บางต้นสวยงามอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว เราก็เหมือนกัน เรามีโครงสร้างเหล่านั้นอยู่ ซึ่งจะมีสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีอยู่แล้ว เราไม่ไปกระทบสิ่งที่เรามีอยู่ เราแค่ไปตัดกิ่ง ทอนกิ่งให้มันสวยงาม Implementation Model ของเราคือ อันนี้ได้ทำร่วมกับทางสถาบันเพิ่มฯและผู้เชี่ยวชาญ นี่เป็นโมเดลของ XEROX แต่จริงๆ แล้ว เราเอามา modify นิดหน่อย ซึ่งผมจะพูดในแต่ละส่วน ส่วนแรก transition แน่นอนเรามีอยู่แล้ว ส่วนแรกเราจะทำยังไง เรามีคนทำงาน ถ้าเราจะทำงาน เราจะเลือกกลยุทธ์ในการทำงานอย่างไร เรามีพื้นฐานทุกอย่างอยู่ สมองทำงานทุกวัน แต่ว่าเราจะเริ่มเอาวิตามินตัวนี้ขึ้นมาทำยังไง สำหรับ Spansion ของเราไม่มีคนที่ถูก assign ไม่มี Knowledge Manager เราใช้ระบบ committee ในการทำงาน ไม่มีถูก ไม่มีผิด นี่เราใช้เป็น committee ในการทำงาน โดยที่ผู้บริหารระดับสูงเป็น Steering Committee เริ่มต้น เราเข้าใจตัวเองก่อน เราไม่เริ่มคิดของใหม่ อยู่บนพื้นฐานที่เราไม่รู้ว่าคืออะไร หลังจากนั้น behavior management ของเราก็คือ เราเข้าดูว่า ตัวเรา คืออะไร ตัวตนของเรา คืออะไร วิธีการดูตัวตน เป็นคำแนะนำให้ทุกองค์กรครับ คือทุกองค์กรชอบถามว่า เรามี KM หรือไม่ ผมตอบอย่างฟันธงครับว่า ทุกองค์กรมี KM ครับ องค์กรท่านอยู่มา 5 ปี 10 ปี 20 ปี  50  ปี องค์กรท่านอยู่มาได้ขนาดนั้น ถ้าท่านไม่มี KM ท่านอยู่ไม่ได้หรอกครับ กลับไปดูว่า ความรู้ที่มันอยู่ในองค์กร สมองขององค์กรไม่ได้อยู่ที่ตัว KM สมองขององค์กรอยู่ที่อะไรสักอย่างในองค์กรของท่าน ความรู้นี่เกิดขึ้นได้อย่างไร ถูกพัฒนาได้อย่างไร แลกเปลี่ยนกันได้อย่างไร เอามานำใช้ได้อย่างไร จัดเก็บอย่างไร ถ้าท่านกลับดู สัก 2-3 อาทิตย์กลับไปดู  ว่าธรรมชาติขององค์กรท่านมีการหาความรู้ จัดเก็บความรู้ ใช้อย่างไร นั่นคือ KM ของท่านแล้ว คำถามที่มีประสิทธิภาพ ว่าท่านมีKMหรือเปล่าคือ  ท่านมี KM ที่มีประสิทธิภาพหรือยัง ทุกองค์กรกลับไปท่านมี KM แน่นอน ถ้าท่านไม่มี องค์กรท่านอาจจะล้มไปตั้งนานแล้ว คำถามที่สอง แล้วองค์กรของท่านมี KM ที่มีประสิทธิภาพหรือยัง แล้วหลังจากนั้น มาดูว่า environment ที่เรามีอยู่จะต้องมีการ sharing behavior นะครับ communication มีใช้อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dialogue  การประชุม Quarterly, On site, Notice board, Voice paging system, E-mail notification มากมาย เราก็มาดูว่า channel ที่เราจะเพิ่มในการ communicate  เน้นเรื่องการ  sharing แลกเปลี่ยนความรู้ของเรา เข้ามามี Knowledge work อันนี้เป็นกลยุทธ์ การเขียน article เพื่อแนะนำเรื่องการจัดการความรู้ การติดบอร์ดต่าง ๆ การมี e-mail กระจายออกไป MD ผู้บริหารระดับสูงมาพูดเน้นย้ำเรื่องการจัดการความรู้ การมาแลกเปลี่ยนความรู้กันในผลิตภัณฑ์ขององค์กร การ communicate กับผู้บริหารทุกระดับว่าการแลกเปลี่ยนความรู้เป็นสิ่งสำคัญ สิ่งเหล่านี้เป็นการกำหนด communicate ให้เกิดขึ้น หลังจากนั้นกระบวนการของเราก็มาดูว่ากระบวนการของเราที่จะทำอย่างไร ที่จะจัดเก็บทั้ง tangible คือ ความรู้ที่จับต้องได้ ดังนั้นต้องมาดูว่า สิ่งที่เรามีอยู่ เป็นยังไง วัฒนธรรมของเราคืออะไร เราพบว่าคนของเรา วิศวกรจริงๆเลยครับ    เก็บอยู่เว็บ ไม่มีใครรู้เลยครับว่ามีเว็บนั้นอยู่ ผมเชื่อว่าแต่ละองค์กรจะมี
 
มีต่อ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 14102เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2006 09:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท