จากการที่ผู้เขียนนำท่านผู้อ่านเลาะชายขอบที่ราบสูงธิเบต ได้เห็นวัดวาอารามและผู้คนธิเบตบ้างโดยที่ไม่ต้องฝืนสังขารขึ้นไปที่สูงเกือบ 6000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ของกรุงลาซา เบาะๆแค่"จงเตี้ยน - เซียง เกอ หลี ลา" แค่ความสูงของทุ่งหญ้าที่ราบสูง 3500 เมตร นั้นก็ทำเอาป่วย
คุณสะ-มะ-นี-กะ ได้เอ่ยถึงวิถีของชนธิเบตในพิธีกรรมแห่งการตายและ อาจารย์ยูมิ ได้ตั้งข้อสังเกตของความถี่การอาบน้ำของชนธิเบตว่าคงอาบกันแค่สัปดาห์ละสองสามครั้งเพราะอากาศหนาวมากๆ ตอนที่ท่านขึ้นไปเมืองธรรมศาลาบนเทือกเขาหิมาลัย ผู้เขียนจึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติม พบข้อมูลที่น่าสนใจมาก น่านำมาฝากคนไม่อยากอาบน้ำยามอากาศหนาว
แค่คำถามถึงความถี่ในการอาบน้ำของชาวธิเบต ก็ยังต้องตั้งให้ถูก ไม่ใช่ สัปดาห์ หรือเดือน แต่เป็น ในชีวิตหนึ่ง ว่าเขาอาบน้ำกี่ครั้ง
น่าสนใจใช่มั้ยคะ?
น้ำกับชีวิต คุณธีรภาพ โลหิตกุล เล่าไว้ในหนังสือ "เมืองแมนที่ปลายฟ้า" ครั้งที่ได้ไปเยือนหมู่บ้านชาวธิเบตแท้ๆ ณ ชานเมืองจงเตี้ยน ว่า ชาวธิเบตบูชาน้ำดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์
บนบ้านชาวธิเบตจะมี "หิ้งน้ำ" เป็นหิ้งไม้ที่นำถังน้ำวางเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ
ชาวธิเบตเชื่อว่าที่ไหนมีน้ำ ที่นั่นถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เล่ากันว่าชาวธิเบตโบราณจะไม่กินปลา ด้วยถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้นกำเนิดแห่งบรรพชน ด้วยเหตุนี้ พวกเจะไม่วางภาชนะใส่น้ำที่ตักมาจากแม่น้ำลำธาร หรือทะเลสาปไว้กับพื้นดินเป็นอันขาด แต่จะทำ"หีบใส่น้ำ" วางไว้บนหิ้งอย่างดี หากจะนำน้ำนั้นไปใช้ จึงจะตักใส่ถังแบ่งออกมา
หิ้งน้ำของชาวธิเบตไม่ได้ใหญ่โตอะไร เพราะเขาใช้น้ำในชีวิตประจำวันกันไม่มากนัก
ชาวบ้านในชนบทจำนวนมากยังคงธรรมเนียมดั้งเดิมของบรรพชนไว้ด้วยการอาบน้ำเพียง 3 ครั้ง ในชีวิต (แต่หนุ่มสาวธิเบตที่ไปทำงานในเมืองจงเตี้ยนจะอาบน้ำถี่ถึงเดือนละ 3 - 4ครั้ง)
การอาบน้ำครั้งสำคัญที่สุดคือยามเมื่อละสังขารจากโลกนี้ไป
การตายคือการคืนสู่ธรรมชาติ พิธีศพของชาวธิเบตนั้น อยู่บนฐานการคิดที่ว่าผู้ตายสามารถบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ได้แม้ลมหายใจจะออกจากร่างไปแล้ว ด้วยการอุทิศร่างกายเป็นอาหารแก่สรรพสัตว์ โดยหลังจากอาบน้ำและมีพิธีที่บ้านสองสามวันแล้ว เขาจะเคลื่อนโลงใส่ร่างไปที่บนหน้าผาสูง แล้วนำศพออกมาหั่นเป็นชิ้นๆ ให้บรรดานกแร้งมาจิกกินเนื้อ จนเหลือแต่กระดูก เท่านั้นยังไม่พอ จากนั้นเขาจะทุบกระดูกให้ป่นแล้วคลุกด้วยแป้งที่ทำจากข้าวบาร์เลย์ นกแร้งก็จะพามากินกันอีกรอบ เชื่อกันว่าหากยังไม่หมดดวงวิญญาณผู้ตายจะไม่ไปสู่สรวงสวรรค์
วิธีเช่นนี้ เรียกว่า Sky Burial ซึ่งคุณธีรภาพได้ให้ภาษาไทยว่า "เวหาฌาปนกิจ
ผู้เขียนได้ค้นพบบล็อกการท่องเที่ยวที่ชาวตะวันตกได้มีโอกาสพบเห็นพิธีนี้ ได้เขียนเล่าและถ่ายภาพไว้ ขอเตือนว่าไม่เหมาะกับคนใจอ่อน
http://www.travelblog.org/Asia/China/blog-7890.html
บล็อกที่สองภาพสวยงาม มีภาพวิว ภูเขา ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ภาพจะเล็กไปหน่อย
http://camereye.com/journal/?p=162
หากท่านไม่ขี้เกียจอ่าน เขาเขียนไว้ละเอียดและสะท้อนมุมมองของฝรั่งที่มองวิถีแห่งจิตวิญญาณเอซีย ด้วยความไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
สวัสดีค่ะพี่นุช
เคยทราบมาเหมือนกันค่ะว่าชาวธิเบตเค้าอาบน้ำ 3 ครั้ง..แต่มาทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจากบันทึกของพี่นุชก็ทำให้ชอบใจกับความรู้ที่ได้รับเป็นหนักหนา ^ ^ เค้ามีห้องน้ำมั้ยคะ เวลาอาบเค้าจะอาบอย่างไรน้อ ? มีสบู่ มีขันน้ำถูนานๆอย่างเรา หรือว่าอาบแป๊บๆ ฯลฯ
ภาพที่เอามาให้ดูทำให้นึกถึงมรณานุสติได้อย่างดีเลยนะคะ และยังสอนกำหนดว่าเห็นหนอได้ดีเยี่ยมซะด้วยค่ะ
มุมมองที่ต่างถิ่น ต่า่งความเชื่อก็ทำให้เราได้เห็นความต่างของมุมมองนั้นๆได้ชัดเจนนะคะ และเห็นว่าสองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคมเห็นดวงดาวอยู่พราวพรายนั้นจริง จริ๊ง จริง ซะเหลือเกิน..
ขอบคุณมากค่ะที่เอาเรื่องดีๆมาฝาก น้ำท่วมเยอะมั้ยคะพี่นุช ?
สวัสดีค่ะ
อีกนิดนะคะ
เคยได้ยินเรื่อง Sky Burial มาก่อนค่ะ
แต่ไม่เคยทราบว่าต้องถึงกับ เอาไปสับ
หรือกระดูกคลุกขนมปัง
ฟังดูสยดสยองดีนะคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
แตงคิดว่าบุคลที่เห็นความสำคัญของน้ำคือคุณแม่ของแตงซะอีกค่ะ แต่จริง ๆ แล้วที่อาจารย์เล่าให้ฟัง ชาวธิเบตบูชาน้ำดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และชาวบ้านในชนบทจำนวนมากยังคงธรรมเนียมดั้งเดิมของบรรพชนไว้ด้วยการอาบน้ำเพียง 3 ครั้ง ในชีวิต (แต่หนุ่มสาวธิเบตที่ไปทำงานในเมืองจงเตี้ยนจะอาบน้ำถี่ถึงเดือนละ 3 - 4ครั้ง) ก็ยังดีขึ้นมาหน่อยนะคะ ด้วยความเชื่อที่แตกต่างกันนะคะถ้าเป็นไทยนะคะแค่ 1 วันก็ไม่ได้ค่ะต้องอาบทุกวัน ยกเว้นเวลามีไข้ค่ะใช้เช็ดตัวแทนส่วนมากจะเป็นเด็กค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่นำเรื่องราวที่น่าสนใจมาฝากค่ะ
สวัสดีค่ะ
อาจารย์คะ ขอลอกที่เขาเขียนมานะคะ
They haven't killed this poor dead body, they just buried it in a way that is very hard to comprehend.
ค่ะ ยากจะเข้าใจจริงๆค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์
อาจารย์เขียนเล่า ได้น่าอ่าน สรุปกระชับ น่าติดตาม ดีจังครับ บทความไม่ยาวแต่เนื้อหา ลงตัว พอดี๊พอดี
สวัสดีค่ะคุณเบิร์ด เชียงรายคงจะเริ่มเย็นลงมากซีคะ
ที่อยุธยาอากาศหนาวจากเหนือไล่ฝนไปหมด พร้อมๆกับน้ำที่ลดระดับลงอย่างมาก และลดลงเรื่อยๆทุกวันค่ะ ต้นพุดตานคงไม่ตาย รวมทั้งกล้วยอีกหลายต้น ดีใจจังค่ะ
แหม พี่ก็ไม่ได้ตามเข้าไปดูห้องน้ำเขาซะด้วย คงไม่มีเครื่องประทินอย่างเรา ^_^ แต่คิดว่าตอนก่อนแต่งงานคงต้องขัดตัวกันน่าดู ไหนๆก็เป็นการอาบน้ำครั้งเดียวที่รู้ตัวที่สุดนะคะ
พี่ชื่นชมการคิดของเขาในเรื่องพิธีศพ เป็นการแสดงความเข้าใจว่าเมื่อสิ้นชีวิตลง สิ่งที่เหลือคือซากแห่งสังขาร ไม่ต้องไปยึดติด แต่ให้ยังประโยชน์ต่อโลกอีกได้นะคะ
สวัสดีค่ะคุณ coffee_mania ขอบคุณที่ตามมาเยี่ยม มาอ่าน นะคะ ดีใจจังที่แวะมาค่ะ
รับรองไปจีนจะสุดเครียดเรื่องห้องน้ำเวลาไปนอกเมืองใหญ่ หัวหน้าคณะเขาแจกยาดมแท่งๆแบบไฮเป๊กซ์ แต่เป็นแท่งคู่ไว้เสียบรูจมูกทั้งสองข้างเวลาจำเป็นต้องเข้าห้องน้ำระหว่างทาง ทำเป็นเล่นไป แทบตายค่ะ
กระดูกที่เหลือนั้น บางที่เขาก็เขียนว่า มีการเก็บกลับไปบูชา หรือเอาไปลอยน้ำต่อ แต่ที่อ่านของฝรั่งเขียนแล้วเขาไปเห็นด้วยตนเองเล่าถึงการทุบให้ป่นอย่างที่เขียนเล่ามาค่ะ คนนอกที่ไม่เข้าใจวิธีคิด ไม่คุ้นเคยกับวิถีของเขา คงอดสยองไม่ได้จริงๆค่ะ แต่หากเราได้พยายามทำความเข้าใจเราจะพบว่ามุมมองต่อชีวิตของเรานั้นกว้างขึ้น มีวิธีอย่างอื่นให้คิด ให้ทำ ในเรื่องเดียวกัน เป็นโลกที่ร่ำรวยด้วยความหลากหลายนะคะ
สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ ฝรั่งที่ไปเห็นพิธีนี้เขาก็แทบช็อคเหมือนกันนะคะ เป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจผ่านการมองเห็นด้วยตาเพียงอย่างเดียว เราอาจต้องฟังด้วยใจเราจึงจะสามารถเข้าใจการกระทำที่แตกต่างจากวิธีของเรา โดยไม่เอามาตรฐานของเราเป็นไม้บรรทัดไปวัดเขานะคะ ที่จริงพิธีนี้เขาห้ามการถ่ายภาพ ฝรั่งแกก็อุตส่าห์เก็บภาพมาได้อย่างทุกขั้นตอน
มุมมองของฝรั่งรายที่สองนั้น ดูเขาค่อนข้างเข้าใจนะคะ
สวัสดีค่ะคุณ หมอจิ้น ดีใจจังที่คุณหมอมีเวลามาอ่าน งานคงหนักเช่นเคยนะคะ แต่มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้มีทุกข์จากการเจ็บป่วย
ขอบคุณในคำชมค่ะ
อากาศเปลี่ยน คุณหมอรักษาสุขภาพนะคะ
น้องซูซาน เยี่ยมมาก มาช่วยเติมข้อมูลที่พี่เองก็เพิ่งทราบ ขอบคุณค่ะ และต้องขอบคุณน้องออยที่อภินันทนาการข้อมูลผ่านมาให้พวกเราได้ทราบกันนะคะ
พี่ว่าการได้ทราบเรื่องราวความหลากหลายของวิถีชีวิต ทำให้เราย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าเราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในความหลากหลายที่มีในโลก แต่ละสังคมก็มีวิธีการที่สั่งสมมาจากความเชื่อและการมีชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในแบบที่ต่างจากเรา แม้ว่าบางเรื่องเช่นเรื่องนี่ออกจะดูโหดๆ สำหรับเรา แต่สำหรับชาวธิเบตนั่นคือการกลับไปเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติด้วยความเคารพ การตายไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเศร้าโศกพิไรรำพัน แต่เป็นสัจธรรมในธรรมชาติที่ทุกคนต้องประสบ
ทราบแล้วก็ปลงดีค่ะ
สวัสดีครับคุณพี่นุช
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณแตง ดูพี่ซิคะหลงข้ามตอบคุณไปซะอย่างนั้นแหละ ขอโทษค่ะ
แสดงว่าคุณแม่ของคุณแตงเป็นนักอนุรักษ์เข้าใจถึงคุณค่าความสำคัญของน้ำ ดีมากๆเลยที่คุณแตงได้รับการซึมซับจำเรื่องนี้ได้ค่ะ นี่ละเขาถึงบอกว่าต้องปลูกฝังเรื่องดีๆตั้งแต่เด็กๆ
ถิ่นฐานที่คนธิเบตอยู่อาจหนาวมาก หนาวนาน และน้ำก็คงไม่ได้หาได้ง่ายนักเขาจึงมีวิธีคิดเช่นนั้น ก็ไม่ได้ทราบเรื่องละเอียดนักหรอกค่ะ หากทราบอะไรเพิ่มเติมและน่าสนใจจะนำมาเล่าอีกค่ะ
ดีใจที่คุณสะ-มะ-นึ-กะ ได้มาอ่านแล้ว จะได้หายสงสัยนะคะ ก็ไม่ทราบว่าน้ำหายากขนาดไหน แต่ดูในหนังสือ ในแถบชายขอบที่ราบสูงธิเบตมีทะเลสาปหลายแห่ง แต่บนที่สูงๆอย่างที่ธิเบตเองไม่ทราบว่าเขาเอาน้ำมาจากไหน คิดเอาว่าน่าจะมาจากหิมะที่ละลายมาจากภูเขา เอาไว้มีคำตอบจะมาบอกนะคะ
คนที่มีอะไรเหลือเฟือมักไม่ค่อยเห็นคุณค่าของสิ่งที่มี ใช้ทิ้งๆขว้างๆ หากคนไทยยังมีความคิดว่าแม่น้ำ ไม่ใช่แค่สายน้ำแต่เป็นที่สถิตย์ของพระแม่คงคา คงมีความเคารพในการใช้แหล่งน้ำ ไม่ต้องถึงขนาดคนธิเบตหรอกนะคะ
น้องซูซานและน้องออยนี่ผู้รู้ตัวจริงเลย ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ดีจังเขียนบันทึกนี้แล้วได้เรียนรู้อีกเยอะเลยนะคะ
กาลเวลาและระยะทางทำให้ธรรมเนียมเปลี่ยนจากทั้งความหมายและวิธีปฎิบัติ.....
ใช่เลยค่ะ เพราะไม่มีอะไรที่ต้านทานการเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาถึงไม่ช้าก็เร็ว และเป็นไปตามเหตุปัจจัย เช่นนั้นเอง....
สวัสดีค่ะ
เน็ตเล่นได้ดีหรือยังคะ จะได้คุยกันทุกวัน คิดถึง ขอบคุณที่ให้ข้อมูลธิเบต แต่ประเทศที่อยากไปมาก สักครั้งหนึ่งในชีวิตคือ ภูฎาณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณบุญรุ่ง ที่จริงพิมพ์ตอบตั้งแต่เมื่อเช้า แล้วมีปัญหานิดหน่อย คือชั่วโมงเน็ตหมดไม่รู้ตัวเลยส่งไม่ได้ค่ะ
บ่ายวันนี้เพิ่งไปรับอุปกรณ์ติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาแล้ว เขาบอกว่าอีกราวสี่วันจะเชื่อมสัญญาณได้ เลยต้องซื้อชั่วโมงมาใช้ต่อ แต่ก็พอไหวค่ะ
คิดถึงเช่นกัน ขอบคุณในความคิดถึงที่น้องมีให้นะคะ
ภูฏานก็เป็นประเทศที่คิดว่าเมื่อพร้อมจะไปซักครั้งหนึ่งค่ะ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเพราะเขามีระเบียบในการคัดกรองคนที่จะเข้าประเทศเขาดีมาก ไม่ได้เห็นแก่การสร้างรายได้เข้าประเทศมากๆ เร็วๆ เหมือนเรา ที่แทบจะอุ้มนักท่องเที่ยวลงจากเครื่องบินนะคะ
ต้อมไม่มีความรู้เกี่ยวกับธิเบตเลย รู้แต่ว่าอยากไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจาก อียิปต์และเนปาล เพราะอะไรก็ไม่รู้
ไม่รู้จะได้มีโอกาสไปหรือเปล่า งั้นเอาแค่ฟังเสียงพระธิเบตสวดทุก ๆ เช้า ก่อนก็พอเน้อ ^_^
สวัสดีค่ะคุณต้อม สงสัยเป็นคนชอบผจญภัยและความลึกลับแห่งธรรมชาตินะคะ แฮ่ะ แฮ่ะ พี่นั้นประจักษ์ในความสามารถของสังขาร ขอตัดธิเบตออกจากลิสต์เลย อียิปต์กับเนปาลพอไหว ก็คุณต้อมชื่อ เนปาลี จะต้องเริ่มด้วยการไปเนปาลก่อนนะคะ ไปไหนก็ได้ตอนที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ อายุยังน้อยๆ ปีหลังๆนี่พี่รู้สึกเลยค่ะว่าพอลำบากซักนิด แม้ใจไหว แต่สังขารไม่เล่นด้วย
ขอให้แรงบุญจากการฟังเสียงพระธิเบตสวดมนต์ ส่งให้คุณต้อมได้ไปฟังของจริงนะคะ
สาธุ๊ (( พนมมือแต้ )) ขอให้สมพรปากพี่นุชทีเถอะค่า ^_^
มาเยี่ยม คุณนายดอกเตอร์
อ่านแล้วนึกถึงช่วงยูมิไปงานแต่งงานที่เมืองหลวงของเนปาล เจ้าบ่าวเป็นหนุ่มธิเบต สาวเป็นชาวอังกฤษ แม่เธอชาวยิ่ปุ่นพ่อเป็นชาวอังกฤษ เธอมาเที่ยวที่อินเดิย เราได้พบคุยกัน ผมก็ต้องการฝึกพูดภาษากับเธอ แล้วเธอก็เชิญไปร่วมพิธีแต่งงานดังกล่าว...ชาวธิเบตที่อยู่ในเมืองเขาก็ปรับตัวการอาบน้ำเป็นไปตามสังคมและชอบที่จะแต่งงานกับชาวต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่มีอำนาจทั้งหลายทางตะวันตก...
สวัสดีค่ะ คุณนายดอกเตอร์
* ได้อ่าน BLOG คุณนายแล้วมีความรู่เพิ่มขึ้นอีกมากโดยเฉพาะความรู้ในต่างแดน
* ขอบคุณนะค๊ะที่สรรหามาฝากสมาชิก
* แล้วจะรออ่านสิ่งดี ๆ มีประโยชน์ต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ยูมิ ขอโทษอาจารย์นะคะที่มาตอบช้า ไปเชียงใหม่สามสี่วันด้วยธุระนิดหน่อย เพิ่งกลับถึงบ้านเมื่อคืนนี้ค่ะ
ขอบคุณที่อาจารย์แวะมาเยี่ยมเรื่อยๆ พร้อมกับเรื่องราวที่มาช่วยเติมความรู้ให้อีกด้วย สงสัยหนุ่มธิเบตคงมีเสน่ห์ไม่น้อย เคยอ่านสารคดีที่สาวฝรั่ง ไม่แน่ใจว่าเป็นคนอเมริกันหรือเปล่า (อ่านนานแล้วค่ะ)แต่งกับหนุ่มธิเบต วัฒนธรรมที่ต่างกันมากก็ต้องปรับตัวกันสุดๆเลยนะคะ
ค่ะอาจารย์นารีรัตน์ คนที่เป็นชาวบ้าน ชาวเผ่าที่มีชีวิตผูกพันกับธรรมชาติ จะเข้าใจคุณค่าของธรรมชาติ ไม่ว่าดิน น้ำ หรืออากาศ เขาลึกซึ้งกว่าคนสมัยใหม่อีกนะคะ
น้ำที่สะอาดดื่มได้นั้นในบางที่มีค่ามหาศาลจริงๆค่ะ ของที่เรามีเยอะ หาง่าย เรามักไม่เห็นคุณค่า
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต พี่สบายดีค่ะ เพียงแต่หมู่นี้มีธุระโน่นนิดนี่หน่อยต้องออกนอกบ้าน ไม่ค่อยได้เข้าไปอ่านและแสดงความเห็นไว้
ความรู้แบบอ่านพอเพลินๆ เปลี่ยนบรรยากาศจากงานวิชาการที่เคร่งเครียดได้บ้างนะคะ