เหนื่อยไหมครับ...... ไม่ใช่เฉพาะการเหน็ดเหนื่อยกายจากการตรากตรำทำงานเท่านั้น หากแต่รวมถึงเหนื่อยกับใจ ที่มันวิ่งขึ้นวิ่งลง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวเศร้าซึม เดี๋ยวร้องไห้
ในวันจัดเวทีสมัชชาคุณธรรมเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา ท่านพระครูพิทักษ์นันทคุณ ที่ปรึกษามูลนิธิฮักเมืองน่าน ได้ให้สติตอนหนึ่งว่า “......เราได้ร่วมกันมุ่งมั่นทำงานสร้างความดีให้เกิดประโยชน์มากมาย จนบางครั้งเราลืมที่จะดูแลตัวเราเอง ครอบครัวเราเอง.......เราให้ความรักดูแลน้องกาย น้องทรัพย์ น้องมิตร เป็นอย่างดี จนลืมนึกถึงน้องบุญทิ้ง(ความดี)......” ท่านเป็นห่วงพวกเราชาวฮักเมืองน่านนะครับ อยากให้เรามีชีวิตเพื่อเราเองบ้าง
เป็นเพราะเรามีใจอาสาที่เต็มเปี่ยม อยากทำงานให้บรรลุผล อยากให้งานออกมาดี เป็นที่พึ่งของพี่น้องเครือข่ายได้ ในชีวิตแต่ละวันของเราจึงถูกกำหนดด้วยงาน ด้วยภาระของคนอื่น หน่วยงานองค์กรภายนอกที่มอบให้เรา ไม่เชื่อลองเปิดดูสมุดปฏิทินบันทึกของเราดูสิว่ามีวันไหนบ้างที่เราให้เวลากับตัวเราเอง และให้เวลากับพวกเรากันเอง ที่มิใช่งาน แต่ละวันของชีวิตเราจึงสาละวนอยู่กับงาน งาน งาน งาน และงาน
เราบางคนสุขภาพกาย สุขภาพใจเริ่มชำรุด ก็ยังไม่มีเวลาแม้แต่จะซ่อมแซมตัวเอง
เรามีชีวิตเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด แต่บางครั้งลืมให้เวลากับตัวเองและเรากันเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา.......เราได้ร่วมกันสร้างการเรียนรู้ให้ชุมชนเครือข่ายได้รู้จักคัดสรรเมล็ดพันธุ์แห่งความดีงาม เตรียมดิน ไถพรวน หว่านเมล็ดแห่งความดีงามลงไปบนผืนแผ่นดิน และคอยดูแลรดน้ำพรวนดินอย่างไม่ขาดสาย แมลง หนอนเพลี้ย และโรคร้าย เราช่วยกันปกป้องคุ้มครองไม่ให้เข้ากัดกินพืชพันธุ์แห่งความดีงามเหล่านั้น จนเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ได้เติบใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา ออกดอกออกผลอย่างงดงาม ขยายจากหนึ่งเม็ด ไปสู่หลายร้อยหลายพันเม็ด จากรุ่นสู่รุ่น กระจายออกไปอย่างไม่มีวันหยุด เป็นที่ยอมรับกันไปทั่วผืนแผ่นดิน
ในขณะที่เรากำลังมุ่งมั่นขยายเมล็ดพันธุ์แห่งความดีนั้น จนบางครั้งลืมไปที่จะหยุดพักดื่มน้ำใจ เติมกำลังใจให้กับตนเอง มิหนำซ้ำบางครั้งเราลืมไปแม้แต่จะยิ้มและทักทายคนข้างเคียง
และบางครั้งเราก็เผลอแสดงสีหน้า ท่าทาง และคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจกันและกัน โดยไม่ตั้งใจ ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้รักกันนะ แต่เพราะเรามุ่งหวังให้งานมันออกมาดี เราแคร์ความรู้สึกคนภายนอก จนบางครั้งเราลืมที่จะดูแลใจกันและกัน
“......ความรักที่แท้ต้องประคับประคองด้วยความเข้าใจ หลายครั้งที่เราทำให้ความรักกลายเป็นกรงขัง ทำให้อีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้ที่เรารักไม่มีอากาศหายใจ......” ติชนัทฮันท์
เคยไหมที่บางครั้งท้อแท้ เหนื่อยล้า ขาดพลังที่จะทำงาน เคยไหมที่เรารู้สึกกดดันจากภาระงาน บางครั้งต้องแอบร้องไห้อยู่คนเดียว นั่นเป็นเพราะเราลืมรดน้ำใส่ปุ๋ยพรวนดินให้กับใจของเราและคนข้างเคียงที่เรารัก
พวกเราชาวฮักเมืองน่านจึงได้ชักชวนกันมาร่วมกันหยุดคิดและทบทวนตัวเอง และเติมรัก เติมพลังใจให้กันและกัน ในกระบวนการเรียนรู้ที่ชื่อว่า “ฮักเมืองน่าน.....ผ่อนพักตระหนักรู้ ” ในเย็นวันที่ ๑๘ และวันที่๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๐ ณ บ้านดิน ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
กระบวนการวันนี้เน้นการเรียนรู้ภายใน คือ “ใจ” ของเรากันเอง เน้นการปรับทัศนคติและมุมมองต่อกัน เริ่มจากเย็นวันแรกด้วยการกิ๋นหอมต๋อมม่วนตามประสาพี่น้อง ร้องเพลง
วันที่สองเราเริ่มด้วยเปิดใจด้วยการภาวนาด้วยบทเพลงดั่งดอกไม้บ้านและบทภาวนาพระภิกษุณีนิรามิสา และวัดอุณหภูมิใจของแต่ละคนในการพร้อมเรียนรู้ และหลังจากนั้นเริ่มกิจกรรมชวนคิดเพื่อปรับทัศนคติและมุมมองของชีวิต หลังจากนั้นเริ่มกิจกรรมความดีของฉัน โดยให้แต่ละคนได้วาดรูปหรือสัญลักษณ์ของตัวเองในกระดาษพร้อมเขียนความดีของตนเอง ๑ ข้อ เมื่อทุกทกคนวาดเสร็จเราก็ให้ยกรูปของตัวเองให้เพื่อนๆ ได้ดู หลังจากนั้นให้แต่เวียนรูปตนเองให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ดู แต่ละคนก็บันทึกความดีเจ้าของรูปนั้นคนละ ๑ อย่าง จนครบทุกคน แล้วเราก็เปิดใจเรียนรู้กันและกัน
หลังจากนั้นช่วงบ่ายผ่อนพักตระหนักรู้ ด้วยการนอนภาวนาประมาณ 15 นาที แล้วเริ่มด้วยกิจกรรมมหัศจรรย์แห่งหัวใจ เป็นการเปิดหัวใจ ๔ ห้อง เพื่อปิดเผยสิ่งที่เราชอบ เราไม่ชอบ สิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของแต่ละคน และพรที่เราปรารถนา เป็นการเปิดใจการเรียนรู้กันและกัน หลังจากนั้นเราปล่อยอารมณ์ด้วยการอ่านบทความ “ศิลปะการใช้ชีวิต” ของพระไพศาลวิสาโล แล้วพักกัน
หลังพักเราให้แต่ละคนได้เขียนจดหมายถึงพี่น้องผองเพื่อน (เขียนถึงคนในกลุ่มให้มากที่สุดเท่าที่จะเขียนถึงได้ โดยมีคำบังคับ คือ ขอบคุณ, ขอโทษ, ขอร้อง, ฉันสัญญาว่า) แล้วเอาไปติดเป็นบอร์ดให้ทุกคนได้อ่าน
ช่วงท้ายเราเปิดใจฟังกันและกันอีกครั้งกับการเรียนรู้ในวันนี้ ทุกคนบอกว่าดีอยากให้มีการจัดต่อเนื่อง และอาจเป็นการจัดเรียนรู้พัฒนาศักยภาพด้านอื่นๆ และภาระงานที่รับผิดชอบด้วย แล้วท้ายจริงๆ เราร้องเพลง “เรามีเรา” ด้วยกันด้วยใจที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังที่จะเดินทางต่อไปสวัสดีครับอาจารย์
เป็นกิจกรรมที่ดีและน่าสนใจมากครับ
ผมเคยร่วมกิจกรรมเช่นนนี้กับทางเสมครั้งหนึ่ง 3 วันดีมากๆครับ
ทุกครั้งที่เราผ่านกิจกรรมดีๆร่วมกัน เราก็จะได้เรียนรู้และเติบโตเสมอครับ
ผมชอบประโยคนี้มากๆครับ
บางครั้งเราก็เผลอแสดงสีหน้า ท่าทาง และคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจกันและกัน โดยไม่ตั้งใจ ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้รักกันนะ แต่เพราะเรามุ่งหวังให้งานมันออกมาดี เราแคร์ความรู้สึกคนภายนอก จนบางครั้งเราลืมที่จะดูแลใจกันและกัน
สวัสดีคะ คุณพ่อน้องซอมพอ ตามมาอ่านกับคุณหมอสุพัฒน์คะ คอเดียวกัน สุดยอดจริง...จริงคะ โครงการนี้
***** ความดีของฉัน จะมีซักกี่คน ที่มีโอกาสได้ทบทวน และชื่นชมกับคุณงามความดีของตนเอง
***** มหัศจรรย์แห่งรัก ความรักที่บริสุทธิ์ สามารถนำพาสิ่งดีดี ความชุ่มฉ่ำใจมาให้เสมอคะ
***** เขียนจดหมายถึงผองเพื่อน จะมีซักกี่คนอีกเหมือนกันที่ได้มีโอกาส ได้พูด ได้คุย ได้เปิดเผยความในใจ ซึ่งเป็นช่องทางที่ดี ในการอยู่ร่วมกันในสังคมแห่งการเรียนรู้นี้
***** สัญญาคะ ว่าจะไม่ลืมน้องบุญทิ้งคะ
***** " เรามีชีวิตเพื่อคนอื่นมาโดยตลอด แต่บางครั้ง ลืมให้เวลากับตัวเองและเรากันเอง " เคยถามตัวเราไหมว่าเราเคยเอามือจับกุมหัวใจ ฟังเสียงหัวใจเราหรือไม่ ให้น้ำทิพย์ กำลังใจตัวเราหรือยัง หรือว่าในชีวิตเราต้องวิ่งจับกับหัวใจผู้อื่นตลอดเวลา ห้อยแหวนชีวิตกับผู้อื่นตลอดเวลา
***** ได้คำตอบกับตนเองแล้วคะว่า ต้องทำตัวอย่างไร ถึงจะเป็นการใหรางวัลกับหัวใจตนเอง
****** ขอบคุณคะ สำหรับโครงการดี ๆ ที่ปลุกเร้าอารมณ์ ให้คิดออกได้ ไม่ถึงทางตัน