"นานาจิตตัง" คนเราแต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง ต่างคนต่างคิด แต่ะละคนคิดไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความรู้ ความเชื่อ ค่านิยม ศาสนา ประเพณี หรือสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ตัว ว่าจะปลูกฝังอบรมเลี้ยงดูเช่นไร
แต่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์ไม่สามารถอยู่คนเดียว โดดเดี่ยวโดยไม่ข้องเกี่ยวสัมพันธ์กับใครเลย อย่างน้อยๆ ต้องมีพ่อแม่ พี่น้อง มีเพื่อน มีผู้อุปการคุณที่เล้ยงดูมา เพราะคนเราเติบใหญ่มาเองลำพัง ไม่พึ่งพิงใครไม่ได้
ดังนั้นคนเราจึงต้องอยู่ร่วมกันในสังคมและต้องมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแม้จะแตกต่างกันในเรื่องพื้นฐานชีวิต และความคิดอ่าน ก็ต้องยอมรับทำความรู้จักเข้าใจตน และคนอื่นเพื่อจะได้ปรับตัวอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
นอกจากความแตกต่างแล้วที่สำคัญ มนุษย์มีความรักตน เห็นแก่ตนเป็นธรรมดา แต่ละคนมีข้อดีข้อเสีย ความผิดพลาดบกพร่องของคนเราเกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะด้วยประมาท รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือหลงมัวเมา ก็ได้
คำสอนของท่านพระพุทธทาสภิกขุกล่าวไว้ว่า
" อันคนเราหาส่วนดีอย่างเดียวคงตายเปล่า
จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์ต่อโลกบ้างยังน่าดู
ส่วนไม่ดีอย่าไปรู้ของเขาเลย "
"ยอมรับ" คำสองคำนี้มีความหมายและจะช่วยให้ช่องว่างระหว่างความแตกต่างของคนเราลดลงได้ แค่ยอมรับที่ร้อนก็จะผ่อนคลาย ที่เพ่งโทษ ก็จะให้อภัย ที่หงุดหงิดรำคาญ ก็จะเข้าใจและทำใจได้
ยอมรับว่า เขาเป็นอย่างนั้นเอง เขาทำได้แค่นั้น
ยอมรับว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนเขาให้เป็นเหมือนใจเราได้
ยอมรับว่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แตกต่างแต่ไม่แตกแยก
ยอมรับว่า ดอกไม้ยังต่างสีสันถึงสวยงาม
คนเราก็ต้องแตกต่างกัน ฟ้าลิขิตให้มาร่วมชะตา ใกล้ชิด ผูกพัน ทำใจให้กว้างยอมรับ ปรับเข้าหากันดีกว่า เพื่อความร่มเย็นในใจของเราเอง.............................
อันคนเราหาส่วนดีอย่างเดียวคงตายเปล่า
จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์ต่อโลกบ้างยังน่าดู
ส่วนไม่ดีอย่าไปรู้ของเขาเลย "
"นานาจิตตัง" คนเราแต่ละคนมีความคิดเป็นของตัวเอง ต่างคนต่างคิดแต่ะละคนคิดไม่เหมือนกัน
ดิฉันชื่นชอบหลักธรรมของท่านพระพุทธทาสภิกขุมากใครมีคำสอนของท่านที่ดีๆส่งมาให้อ่านบ้างน๊ะ ที่